มัทธิว 24

แผ่นดินสวรรค์ เป็นสิ่งที่น่าปรารถนา เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงจัดเตรียมให้แก่เรา

"ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์" (1โครินธ์ 2:9)

พระองค์ทรงบอกให้เรา เพื่อเหตุผล คือ

  1. เราจะได้รู้ว่า นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้แก่เรา

  2. เพื่อเราจะได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เมื่อสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นตรงตามที่พระองค์ได้ทรงทำนายไว้ล่วงหน้าอย่างถูกต้อง

  3. เพื่อที่เราจะได้เตรียมชีวิตของเราให้พร้อมอยู่เสมอ และไม่กลัวเมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดข้น

มัทธิว 24 เป็นเหตุการณ์ที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ก่อนที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมา เพื่อที่พวกเราจะไม่หวั่นไหวเมื่อเราเจอเหตุการณ์เหล่านั้น เราจะไม่ท้อถอย นี่เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงบอกแก่เรา เพราะพระองค์ทรงรู้จักเรา

ในบทนี้ จะเป็นเหตุการณ์ก่อนที่เราจะได้ไปอยู่ในแผ่นดินสวรรค์ และเป็นสิ่งที่เราจะใช้ในการสังเกต ระมัดระวังที่จะไม่พลาดจากแผ่นดินที่พระองค์ทรงจัดเตรียมแก่เรา

พระองค์ทรงเป็นมิตรสหายของเรา จึงทรงเปิดเผยให้แก่เราถึงสิ่งเหล่านี้ ดังนั้น เพื่อจะได้ไปถึงความรักของมิตรสหายที่มีต่อเรา

"เราไม่เรียกท่านทั้งหลายว่าทาสอีก เพราะทาสไม่ทราบว่านายของเขาทำอะไร แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย เพราะว่าทุกสิ่งที่เราได้ยินจากพระบิดาของเรา เราได้สำแดงแก่ท่านแล้ว" (ยอห์น 15:15)

การทำลายพระวิหาร และหมายสำคัญก่อนอวสาน

"1 ฝ่ายพระเยซูทรงออกจากบริเวณพระวิหาร แล้วขณะเสด็จไป พวกสาวกของพระองค์มาชี้ตึกทั้งหลาย ในบริเวณพระวิหารให้พระองค์ทอดพระเนตร

2 พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า 'สิ่งสารพัดเหล่านี้พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็ไม่มี' " (มัทธิว 24:1-2)

นี่เป็นคำทำนายถึงอนาคตอันใกล้ ก็คือ ค.ศ. 70 เมื่อทหารโรมันยกทัพมา และทำลายพระวิหารจนสิ้น ยิวก็สิ้นชาติไป

เริ่มต้นของเหตุการณ์

"3 เมื่อพระเยซูประทับบนภูเขามะกอกเทศ พวกสาวกมาเฝ้าส่วนตัวกราบทูลว่า 'ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา และยุคเก่าจะสิ้นสุดลง'

4 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง

5 ด้วยว่า จะมีหลายคนมา ต่างอ้างนามของเราว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์ เขาจะให้คนเป็นอันมากหลงไป

6 ท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงสงคราม และข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยุคยังไม่มาถึง

7 เพราะประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดกันดารอาหาร และแผ่นดินไหวในที่ต่าง ๆ

8 เหตุการณ์ทั้งปวงนี้ เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก ซึ่งต้องมีมาก่อนกำเนิดยุคใหม่" (มัทธิว 24:3-8)

สาวกอาจจะยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่พระองค์กล่าวในข้อ 1-2 อยากทราบเพิ่ม จึงถามพระองค์อีก และพระองค์ตรัสตอบเขาทุกอย่าง ว่าสิ่งที่พระองค์กล่าวถึงนั้นหมายถึงอะไร

ปัญหาแรกที่พระเยซูคริสต์อยากให้ผู้ติดตามพระองค์ระวัง คือ คนของพระเจ้าจะสูญเสียความเชื่อ โดนหลงเชื่อตามผู้ที่สอนเท็จ ซึ่งจะต้องมีก่อนที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมา ถ้าใครไปฟังสิ่งเหล่านั้น ก็จะจบลงด้วยการพลาดจากแผ่นดินสวรรค์ เพราะว่าความจริงก็ยังต้องดำเนินไปตามวิถีทางของความจริง เราจึงต้องระวังที่จะไม่หลงไป

หลายคนอาจจะไม่ได้ระวัง คิดว่าเชื่อในพระเจ้าแล้ว คงจะได้เข้าแผ่นดินสวรรค์อย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาได้รับการสอนนั้นไม่ถูกต้อง แต่ความไม่รู้ จะใช้แก้ตัวในวันพิพากษาของพระเจ้าไม่ได้ เพราะสิ่งที่เขาฟังและปฏิบัติตามนั้น จะนำไปสู่การละเมิด อันตรายมาก

พระธรรมยูดา ได้พูดถึงการละเมิดว่า "ละเมิดอธิปไตยของพระเจ้า" และกลุ่มของผู้ที่ละเมิดอธิปไตยของพระเจ้า คือกลุ่มของทูตสวรรค์กลุ่มหนึ่ง ที่กลายเป็นซาตานในที่สุด

สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้ ก็คือ การละเมิดอธิปไตยของพระเจ้า ไม่อาจที่จะช่วยเราให้หลุดพ้นจากพระอาชญาได้ ผู้ที่ละเมิดจะต้องถูกลงโทษ และได้รับพระอาชญาอย่างแน่นอน เพราะพระเจ้าของเราทรงไว้ซึ่งสิทธิอำนาจ และละเมิดไม่ได้ เราจึงต้องระวังอย่างดี

คนที่ติดตามผู้สอนเท็จ จะได้รับการสอนที่จะนำเขาไปสู่การละเมิดอธิปไตยของพระเจ้า และเขาก็จะถูกตัดสิทธิออกจากมรดก และจะต้องถูกพิพากษา เขาจะไม่สามารถแก้ตัวได้

เราจึงต้องรู้ว่าอะไรเท็จอะไรจริง เพราะถ้าเราไม่รู้ จะเป็นอันตราย เหมือนกับชาวยิวที่ไม่รู้ว่าพระเจ้าทรงคิดอย่างไร เขาคิดด้วยตัวเอง จนในที่สุด เขาก็สิ้นชาติ ถูกจับไปเป็นเชลย ได้รับความทุกข์ยาก เศร้าโศก เสียใจ นี่แหละ เป็นตัวอย่างที่เราเห็นได้ เพียงแต่พวกเขาสามารถกลับตัว แก้ตัว กลับมาหาพระเจ้าได้ และพระเจ้าทรงช่วยเขา แต่ผู้ที่เชื่อสิ่งที่ผิด ถ้าไม่ได้กลับใจ ก็จะไม่มีโอกาสแก้ตัวในวันพิพากษา

ผู้ที่หลงผิด แปลว่า ไปผิดทิศทาง ซึ่งเมื่อเดินทางผิดทิศทางแล้ว ก็จะไม่สามารถเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ได้

เวลาจะมีสงคราม หรือมีสถานการณ์อะไร เราจะต้องไม่ตื่นตระหนก และตั้งสติให้ดี และเตรียมตัวเองให้พร้อม ถ้าเหตุการณ์นี้จะนำไปสู่การเสด็จกลับมา ให้เราถามตัวเองว่า "เราพร้อมหรือยัง ?" สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยังไม่มาถึง สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงขั้นแรก


"9 ในเวลานั้น เขาจะอายัดท่านทั้งหลายไว้ให้ทนทุกข์ลำบาก และฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆ จะเกลียดชังพวกท่าน เพราะความจงรักภักดีของท่านที่มีต่อเรา

10 คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไป และอายัดกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกันด้วย

11 ผู้เผยพระวจนะปลอมหลายคนจะเกิดมีขึ้น และล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป

12 ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง เพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป

13 แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอด

14 ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า จะได้ประกาศไปทั่วโลก ให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง" (มัทธิว 24:9-14)

ขั้นต่อมา ก็คือ จะได้เห็นภาพของคนที่จงรักภักดีต่อพระเจ้าแล้วถูกเกลียดชัง สิ่งเหล่านี้แม้จะยังเกิดไม่ชัดเจนนัก แต่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เราอาจรู้สึกว่ายังห่างไกล แต่เราจะประมาทไม่ได้ เพราะหลาย ๆ ที่ในต่างประเทศ ผู้รับใช้ถูกตามล่าตามฆ่า เพราะพวกเขาจงรักภักดีแล้วเกิดผล

นี่จึงเป็นสิ่งที่เราจะต้องสังเกตว่าทำไมจึงยังไม่เจอสิ่งเหล่านี้ ? เพราะว่าเรายังไม่ค่อยได้เห็นภาพของผู้รับใช้ที่จงรักภักดีจนถึงที่สุดหรือไม่ ? การข่มเหงเหล่านี้เกิดขึ้นต่อผู้ที่จงรักภักดีต่อพระเจ้า เพราะเมื่อเขาจงรักภักดี เขาก็จะเกิดผลมาก เป็นเหตุให้ถูกเกลียดชัง ซาตานจะไม่อยู่เฉยแน่ ๆ จะไม่ปล่อยแน่ ๆ เพราะว่ามันเป็นศัตรูต่อพระเจ้า และมันเกลียดชังผู้ที่จงรักภักดีต่อพระเจ้า มันจะชอบผู้ที่รับใช้พระเจ้าแบบเฉื่อย ๆ ชา ๆ คนเหล่านี้จึงไม่โดนข่มเหง ไม่โดนเกลียดชังนัก

อย่ามัวแต่คิดว่า สบาย ๆ อย่างนี้ก็ดีแล้ว เราจะคิดแค่นี้ไม่ได้ เพราะพระองค์ทรงบอกว่า สิ่งนี้จะต้องเกิด ก็คือ ประชาชาติจะเกลียดชัง เพราะความจงรักภักดีที่มีต่อพระเจ้า

อย่ากลัวที่จะถูกเกลียดชัง เพราะว่าจะต้องมีแน่นอน แต่ให้เราเตรียมตัว เตรียมพร้อมให้ดี เพื่อที่ในเวลานั้น ที่เราจะไม่หวั่นไหว ที่เราจะไม่ถดถอยออกจากทางของพระเจ้า เพราะในเวลานั้น จะมีคนเป็นอันมากออกจากทางของพระเจ้า

นอกจากนี้ ในกลุ่มคริสเตียนเอง ก็จะมีการอายัดกันและกัน มีการเกลียดชังกันและกันด้วย ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดจากคริสเตียนที่ไม่ยืนหยัดในทางของพระเจ้า เกิดจากผู้ที่ออกจากทางของพระเจ้า ที่จะอายัดคริสเตียนด้วยกันเอง ในเวลานั้นจะมีผู้เผยพระวจนะปลอมแพร่ระบาดมาก ล่อลวงให้คริสเตียนหลงจากทางของพระเจ้า

เราจะต้องระมัดระวังที่จะไม่อยู่ในกลุ่ม "คนเป็นอันมาก" เพราะจะสังเกตได้เลยว่า คนที่รักพระเจ้า คนที่ยืนหยัดในทางของพระเจ้า คนที่ร้อนรนในทางของพระเจ้านั้น เป็นเพียงคนกลุ่มน้อย เพราะทางของพระองค์เป็นทางแคบ

เงื่อนไขอยู่ที่ว่า "ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุด" คนเหล่านี้แหละที่จะได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้า คนเหล่านี้จะไม่ปฏิเสธพระเจ้า ไม่ฟังผู้เผยพระวจนะเท็จ และจะไม่สูญเสียความรอดไป

เราไม่มีทางรู้ได้ว่า ข่าวประเสริฐของพระเจ้าไปทั่วโลกแล้วหรือยัง ดังนั้นสิ่งนี้จะใช้เป็นที่ยึดว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาได้หรือยังไม่ได้ ถ้าเรายึดสิ่งเหล่านี้เราอาจจะไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะพระองค์จะเสด็จมาทันทีที่สิ่งเหล่านี้สำเร็จ

ความวิบัติยิ่งใหญ่

"15 เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งอันน่าสะอิดสะเอียน ซึ่งกระทำให้เกิดความวิบัติ ตามพระวจนะที่ตรัสโดยดาเนียลผู้เผยพระวจนะนั้น ตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์ (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเถิด)

16 เวลานั้นให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขา

17 ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาตึก อย่าให้ลงมาเก็บข้าวของออกจากตึกของตน

18 ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่าให้กลับไปเอาเสื้อผ้าของตน

19 แต่ในวันเหล่านั้น อนิจจา น่าสงสารหญิงที่มีครรภ์ หรือมีลูกอ่อนกินนมอยู่

20 จงอธิษฐานขอ เพื่อการที่ท่านต้องหนีนั้น จะไม่ตกในฤดูหนาว หรือในวันสะบาโต

21 ด้วยว่า ในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และในเบื้องหน้าจะไม่มีต่อไปอีก

22 ถ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีมนุษย์รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้เลือกสรร จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า

23 ในเวลานั้น ถ้าผู้ใดจะบอกพวกท่านว่า 'แน่ะ พระคริสต์อยู่ที่นี่' หรือ 'อยู่ที่โน่น' อย่าได้เชื่อเลย

24 ด้วยว่า จะมีพระคริสต์เทียมเท็จ และผู้ทำนายเทียมเท็จหลายคนเกิดขึ้น ทำหมายสำคัญอันใหญ่ และการมหัศจรรย์ ล่อลวงแม้ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรให้หลง ถ้าเป็นได้

25 ดูเถิด เราได้กล่าวเตือนท่านทั้งหลายไว้ก่อนแล้ว

26 เหตุฉะนั้น ถ้าใครจะบอกท่านทั้งหลายว่า 'ท่านผู้นั้นอยู่ในถิ่นทุรกันดาร' ก็จงอย่าออกไป หรือจะว่า 'อยู่ที่ห้องใน' ก็จงอย่าเชื่อ

27 ด้วยว่า ฟ้าแลบมาจากทิศตะวันออก ส่องไปจนถึงทิศตะวันตกฉันใด การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นฉันนั้น

28 ซากศพอยู่ที่ไหนฝูงนกแร้งก็จะตอมกันอยู่ที่นั่น" (มัทธิว 24:15-28)

เมื่อจะพูดถึงสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน เราก็ควรที่จะใคร่ครวญจากพระคัมภีร์ตอนอื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อที่จะเห็นภาพชัดยิ่งขึ้น

"1 ดูก่อน พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการซึ่งพระเยซูคริสตเจ้าของเราจะเสด็จมา และที่พระองค์จะทรงรวบรวมเราทั้งหลาย ไปเป็นของพระองค์นั้น เราขอวิงวอนท่านว่า

2 อย่าให้ใจของท่านหวั่นไหวง่าย หรือตื่นตระหนกตกใจ ไม่ว่าจะเป็นโดยทางวิญญาณ หรือโดยทางคำพูด หรือโดยทางจดหมายเป็นเชิงว่า มาจากเรา อ้างว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า มาถึงแล้ว

3 อย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดล่อลวงท่าน โดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึงจนกว่าจะมีการทรยศเสียก่อน และคนนอกกฎหมายนั้นจะประจักษ์แจ้ง คือ ลูกแห่งความพินาศ

4 ผู้กีดกั้นขัดขวาง และยกตัวขึ้นต่อสู้อะไรๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระ หรืออะไรๆ ที่เขาไหว้นมัสการนั้น แล้วมันก็นั่งในพระวิหารของพระเจ้า ประกาศตัวว่าเป็นพระเจ้า

5 ท่านทั้งหลายจำไม่ได้หรือว่า เมื่อข้าพเจ้ายังอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าได้บอกเรื่องนี้ให้ท่านทราบแล้ว

6 และท่านก็รู้จักสิ่งนั้นที่กำลังหน่วงเหนี่ยวมันไว้ในขณะนี้ เพื่อมันจะปรากฏออกมาได้ ต่อเมื่อถึงเวลาของมัน

7 เพราะว่า อำนาจลึกลับนอกกฎหมายนั้น ก็เริ่มทำงานอยู่แล้ว แต่ผู้ที่คอยหน่วงเหนี่ยวเดี๋ยวนี้นั้น จะยังหน่วงเหนี่ยวอยู่จนออกไปให้พ้น

8 ขณะนั้น คนนอกกฎหมายนั้น ก็จะปรากฏตัวขึ้น และพระเยซูเจ้าจะทรงประหารมัน ด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ และจะทรงผลาญให้สูญไปด้วยการปรากฏ และการเสด็จมาของพระองค์

9 คนนอกกฎหมายนั้น จะมาโดยการดลบันดาลของซาตาน พร้อมกับการอิทธิฤทธิ์ต่างๆ และหมายสำคัญ และการอัศจรรย์แห่งความเท็จ

10 และอุบายอธรรมต่างๆ สำหรับคนเหล่านั้นที่จะต้องพินาศ เพราะเขาทั้งหลายไม่ได้รักความจริงเพื่อจะรอดได้

11 เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงให้ความลุ่มหลงมาครอบงำเขา ให้เขาเชื่อสิ่งที่เท็จ

12 เพื่อคนที่ไม่เชื่อความจริง แต่ยินดีในการอธรรมจะได้ถูกพิพากษาลงโทษสิ้นทุกคน" (2เธสะโลนิกา 2:1-12)

"ท่านจะทำพันธสัญญาเข้มแข็งกับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปตะ ท่านจะกระทำให้การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆ หยุดไปครึ่งสัปตะ ผู้ที่จะกระทำให้เกิดความวิบัตินั้น จะมาบนปีกของสิ่งน่าสะอิดสะเอียน จนความอวสานที่ได้กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้กระทำให้เกิดความวิบัตินั้น" (ดาเนียล 9:27)

"กองทัพของเขาจะมาทำสถานนมัสการ คือ ป้อมปราการให้เป็นมลทิน และจะให้เลิกเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์นั้นเสีย และเขาทั้งหลายจะตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน ซึ่งกระทำให้เกิดความวิบัติขึ้น" (ดาเนียล 11:31)

"และตั้งแต่เวลาที่ให้เลิกเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์เสียนั้น และให้ตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน ซึ่งกระทำให้เกิดความวิบัติขึ้น จะเป็นเวลาหนึ่งพันสองร้อยเก้าสิบวัน" (ดาเนียล 12:11)

นี่เป็นสิ่งที่เราจะต้องระมัดระวัง เพราะในสามปีครึ่ง หรือ ครึ่งหลังของสัปตะ จะเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น

เครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ เลวีนิติได้กำหนดไว้ ว่าจะต้องมีการเผาแกะ และเวลานี้ได้ยกเลิกไปแล้ว เพราะพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเมษโปดก ทรงเป็นเครื่องบูชาสำหรับพวกเรา คริสเตียนจึงไม่ต้องมีการเผาเครื่องบูชา แต่ในเวลาสุดท้าย ที่วิหารกรุงเยรูซาเล็ม จะมีผู้ที่ทำการเผาเครื่องบูชาอีกครั้งหนึ่ง ผู้นั้นก็คือคนนอกกฎหมาย ผู้ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์

อำนาจของคนนอกกฎหมายจะมีมากในเวลานั้น จนจะมีการกีดกันผู้ที่ไม่รับเครื่องหมายของมันที่มือขวาหรือหน้าผาก คริสเตียนจะลำบากที่สุด เพราะจะไม่สามารถค้าขายได้ จะโดนกดขี่ข่มเหง

คนของพระเจ้าจะยืนหยัดและปฏิบัติการ ผู้ที่ทนได้จนถึงที่สุดก็คือผู้ที่จะเตรียมตัวตั้งแต่เวลานี้

เราจะต้องใคร่ครวญสิ่งเหล่านี้ และเตรียมตัว เพราะคนเป็นอันมากจะถดถอย เพราะเดินต่อไปไม่ได้แล้ว

คนนอกกฎหมายนั้น จะนำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนมาบูชาที่วิหารของพระเจ้า ซึ่งก็หมายถึงว่ามันพยายามที่จะยกเลิกเครื่องเผาบูชาเดิม คือ พระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งเป็นเครื่องบูชาบริสุทธิ์ เครื่องบูชาเนืองนิตย์ของเรา และมันจะนำเอาสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนขึ้นมาแทน มันจะแสดงการอัศจรรย์ต่าง ๆ อ้างตัวเป็นพระเจ้า ตั้งกฎขึ้นมาเอง เมื่อเวลานั้นเราจะทำอย่างไร ? เราเชื่อเขาหรือไม่ ?

มันจะแสดงสิ่งต่าง ๆ เหมือนที่พระคริสต์ทรงกระทำ ทำให้เราเห็นกับตา ประกาศตัวเป็นพระเจ้า แต่เราจะต้องยืนหยัดและจะไม่รับ เพราะพระคัมภีร์ได้บอกชัดเจนว่า พระองค์ทรงเสด็จมาแล้ว และจะเสด็จมาอีก แต่ไม่ใช่มาเพื่อช่วย พระองค์จะมาเพื่อการพิพากษาเท่านั้น จะไม่มีการเสด็จมาแสดงสิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้อีก แต่จะมีเสียงแตร และเสด็จมาพิพากษา

คนเป็นอันมากจะสนใจสิ่งเหล่านั้น และเชื่อว่าคนนอกกฎหมายนั้นเป็นพระคริสต์ จะติดตามมันไป แล้วเขาเหล่านั้นก็จะพลาดจากแผ่นดินสวรรค์ เพราะหลงผิด และเดินผิดทาง

แต่พระเจ้าทรงแสดงความห่วงใย โดยจะทรงย่นเวลาให้สั้นเขา เพื่อที่คริสเตียนจะทนได้ และจะให้พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาโดยเร็ว เพื่อให้มีผู้ที่จะได้รับความรอด ได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์มากที่สุด

พวกพระคริสต์เทียมเท็จ และผู้เผยพระวจนะเท็จ จะพยายามล่อลวง แม้แต่ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ มันก็จะพยายามที่จะล่อลวง แต่ขอบคุณพระเจ้า ผู้ที่ถูกล่อลวงสำเร็จ จะไม่ใช่ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรค์ไว้ เพราะผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรร จะไม่ถูกล่อลวงจนสำเร็จ

นอกจากนี้ จะมีผู้ที่มาบอกว่าพระเยซูคริสต์เสด็จมาแล้ว อยู่ที่นู่นที่นี่ ขอที่เราจะไม่โดนล่อลวง เพราะถ้าเราออกไป แสดงว่าเราไม่ได้รอการเสด็จกลับมา ไม่ได้เฝ้าระวัง แต่เมื่อพระองค์เสด็จกลับมา จะทรงเสด็จมาอย่างรวดเร็ว เป็นเพียงเสี้ยววินาที ดังนั้นเราจะต้องพิจารณาตัวเองทุกเสี้ยววินาที

เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมา

"29 แต่พอสิ้นความทุกข์ลำบากแห่งวันเหล่านั้นแล้ว ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน

30 เมื่อนั้นนิมิตแห่งบุตรมนุษย์ จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะตีอกร้องไห้ แล้วจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า ทรงฤทธานุภาพ และพระสิริเป็นอันมาก

31 พระองค์ทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว ทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น" (มัทธิว 24:29-31)

คนที่พร้อมจะถูกรับขึ้นไป แต่คนที่ไม่พร้อมจะต้องตีอกชกตัว แล้วต้องเผชิญกับความน่ากลัว

เรียนคำเปรียบ เรื่องต้นมะเดื่อ

"32 จงเรียนคำเปรียบเรื่องต้นมะเดื่อ เมื่อแตกกิ่งแตกใบ ท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว

33 เช่นนั้นแหละ เมื่อท่านทั้งหลายเห็นบรรดาสิ่งเหล่านั้นก็ให้รู้ว่า พระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงประตูแล้ว

34 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนในชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงลับไปก่อนสิ่งทั้งปวงนั้นบังเกิดขึ้น

35 ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่ถ้อยคำของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย" (มัทธิว 24:32-35)

นับจากอิสราเอลสร้างชาติมา 60 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ปี 1948 ถ้าเราโยงกับชาติอิสราเอล เราอาจจะรู้สึกว่า ตั้งนานแล้ว ทำไมพระองค์ไม่เสด็จกลับมา

ธรรมชาติของต้นมะเดื่อ จะแตกกิ่งแตกใบก่อนถึงฤดูร้อน นี่เป็นความหมายที่พระคัมภีร์บอก คือ ถ้าเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ได้บอกมาตั้งแต่ต้น ให้เรารู้ว่าใกล้ถึงเวลาที่พระองค์จะเสด็จกลับมาแล้ว

ดังนั้น เราจะต้องสังเกตจากสิ่งที่ดาเนียลทำนาย คือ สิ่งที่มากับสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนที่ตั้งที่วิหารของพระเจ้า นั่นแหละ จากเวลานั้น จะมีเวลาอีก 3 ปีครึ่ง ที่เราจะต้องต่อสู้ เราจะต้องยืนหยัดจนถึงที่สุด

เราจะต้องเตรียมตัว เตรียมพร้อม รวมถึงสอนให้ผู้ที่เรารักเตรียมพร้อมเช่นกัน แต่เราไม่จำเป็นต้องกลัวต่อสิ่งเหล่านั้น เพราะพระคัมภีร์มิได้ให้เรากลัว แต่พระคัมภีร์สอนให้เราเตรียมตัว เพื่อเมื่อถึงเวลานั้น เราจะกล้าที่จะปฏิเสธ เพราะสิ่งเหล่านี้ มีเพื่อต่อต้านพระคริสต์

วันและโมงที่ไม่มีผู้ใดรู้

"36 แต่วันนั้น โมงนั้น ไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาทูตสวรรค์ หรือพระบุตรก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาองค์เดียว

37 ด้วยสมัยของโนอาห์ ได้เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมา ก็จะเป็นอย่างนั้น

38 เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรส และยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา

39 และน้ำท่วมมากวาดเอาเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้น

40 เมื่อนั้นชายสองคนอยู่ที่ทุ่งนา จะทรงรับคนหนึ่ง ทรงละคนหนึ่ง

41 หญิงสองคนโม่แป้งอยู่ที่โรงโม่ จะทรงรับคนหนึ่ง ทรงละคนหนึ่ง

42 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านจะเสด็จมาเวลาไหน

43 จงจำไว้ว่า ถ้าเจ้าของบ้านล่วงรู้ได้ว่า ขโมยจะมายามไหน เขาจะตื่นอยู่และระวัง ไม่ให้ทะลวงเรือนของเขาได้

44 เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะในโมงที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้น บุตรมนุษย์จะเสด็จมา" (มัทธิว 24:36-44)

ในสมัยนั้น ภาพจะเหมือนสมัยโนอาห์ ดังนั้น เราจึงควรที่จะคิดถึงว่าสมัยโนอาห์เป็นเช่นไร เพราะในวันสุดท้าย ก็จะเป็นเช่นนั้น

ในสมัยโนอาห์ โนอาห์พูดสิ่งใด ไม่มีใครฟัง เพราะชาวโลกจะหมกมุ่นอยู่กับโลกนี้ และเขาก็กินและดื่ม ฉลองกัน จนกระทั่งเรือโนอาห์ปิด ภาพนี้จะปรากฎอย่างแน่นอน คริสเตียนมากมายก็จะไม่ได้รับเสด็จในเวลานั้น เพราะไปอยู่กับโลก

พระบุตรไม่ทราบว่าจะเสด็จกลับมาเมื่อไร มีเพียงพระบิดาเท่านั้น เพราะว่าสิ่งที่พระบิดาต้องการ คือ คริสเตียน ที่ซื่อสัตย์

เรื่องทาสผู้ไม่สัตย์ซื่อ

"45 ใครเป็นทาสสัตย์ซื่อและฉลาด ที่นายได้ตั้งไว้เหนือพวกบ่าวทาสสำหรับแจกอาหารตามเวลา

46 เมื่อนายมาพบเขากระทำอยู่อย่างนั้น ทาสผู้นั้นก็จะเป็นสุข

47 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะตั้งเขาไว้ให้ดูแลบรรดาข้าวของของท่าน

48 แต่ถ้าทาสนั้นชั่วและคิดในใจว่า 'นายของข้ามาช้า'

49 แล้วจะตั้งต้นโบยตีเพื่อนทาส และกินดื่มอยู่กับเพื่อนขี้เมา

50 นายของทาสผู้นั้น จะมาในวันที่เขาไม่คิดในโมงที่เขาไม่รู้

51 และจะทำโทษเขาถึงสาหัส ทั้งจะขับไล่ให้เขาไปอยู่ในที่ของพวกคนหน้าซื่อใจคด ซึ่งที่นั่นจะมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน (มัทธิว 24:45-51)

ผู้ที่สัตย์ซื่อ เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเห็นว่าเป็นผู้ที่ฉลาด และการวัดความซื่อสัตย์และฉลาด วัดโดยการที่ทรงไม่บอกให้เรารู้ว่าจะเสด็จมาเมื่อไร แม้ว่าพระองค์ทรงบอกแก่เราว่าจะมีเหตุการณ์อะไรมาก่อน แต่ไม่บอกเวลา และผู้ที่สัตย์ซื่อและฉลาด ก็จะได้เตรียมตัวอยู่เสมอ

ขอพระเจ้าทรงช่วยเรา ที่เราจะจดจำเรื่องราวที่เราจะยึดไว้ เพื่อเป็นพรต่อชีวิตของเรา เพื่อเราจะไม่พลาด ให้เราเตรียมพร้อม รักพระเจ้าตั้งแต่เวลานี้เลย เพื่อเวลานั้นเราจะยืนหยัดจนถึงที่สุดได้ แล้วเราจะเป็นทาส เป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์ ที่พระเจ้าทรงพอพระทัย เพราะพระเจ้าทรงทราบทุกสิ่ง

วันเวลาเหล่านั้น ไม่ใกล้ไม่ไกล เพราะเมื่อเกิดขึ้น ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก เราจึงต้องฉลาดและซื่อสัตย์ทุกวินาที ยืนหยัดอยู่กับพระเจ้าตลอดเวลา อย่าให้พลาด

อ.ประดิษฐ์ พรกีรติกุล
กลุ่มเซลล์เพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
สรุปโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com