ใจฉันคือบ้านพระคริสต์

ตอนหนึ่งของจดหมายที่อาจารย์เปาโลเขียนถึงคริสเตียนที่เมืองเอเฟซัส มีใจความดังนี้

"ขอพระองค์ทรงโปรดประทานกำลังเรี่ยวแรงมากฝ่ายจิตใจแก่ท่าน โดยเดชพระวิญญาณของพระองค์ตามความไพบูลย์แห่งพระสิริของพระองค์ เพื่อพระคริสต์จะทรงสถิตในใจของท่านทางความเชื่อ" (เอเฟซัส 3:16-17)

หรืออาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า

"เพื่อพระคริสต์จะได้เสด็จมา และประทับอยู่ในใจของท่านโดยความเชื่อ"

นี่คือหลักความเชื่อที่สำคัญที่สุด องค์พระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในภาวะขององค์พรวิญญาณบริสุทธิ์ เข้าสู่ใจของมนุษย์ เสด็จมา และประทับอยู่ ณ ที่นั่น พระคริสต์ทรงกระทำให้จิตใจมนุษย์เป็นที่ประทับของพระองค์

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเหล่าสาวกว่า

"ถ้าผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะประพฤติตามคำของเรา และพระบิดาจะทรงรักเขา แล้วพระบิดากับเราจะมาหาเขาและจะอยู่กับเขา" (ยอห์น 14:23)

ในขณะนั้น ออกจะเป็นการยากที่พวกสาวกจะเข้าใจถ้อยคำเหล่านี้ว่า เป็นไปได้อย่างไรที่พระองค์จะประทับอยู่กับพวกเขา

น่าสนใจจริง ๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงใช้ถ้อยคำคล้ายคลึงกันนี้ ตรัสกับพวกสาวกในตอนต้นของบทนี้ว่า

"เราไปจัดเตรียมที่สำหรับท่านทั้งหลาย ... เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหน ท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย"

พระองค์ได้ประทานคำมั่นสัญญาแก่เหล่าสาวกว่า ในขณะที่พระองค์เสด็จสู่สวรรค์เพื่อไปตระเตรียมที่สำหรับพวกเขา และไว้ต้อนรับพวกเขาในวันหนึ่งนั้น ขอให้พวกเขาตระเตรียมสถานที่สำหรับพระองค์ภายในจิตใจของพวกเขาตั้งแต่เดี๋ยวนี้ แล้วพระองค์จะเสด็จมา และประทับอยู่กับพวกเขา

พวกเขาไม่เข้าใจเลย จะเป็นไปได้อย่างไรกัน และเมื่อถึงเทศกาลวันเพ็นเทคอสต์ พระเจ้าได้ทรงพระราชทานพระวิญญาณแห่งองค์พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงพระชนม์อยู่แก่คริสตจักร พวกเขาจึงได้เข้าใจว่า พระเจ้ามิได้ประทับในวิหารของเฮโรดที่กรุงเยรูซาเล็ม หรือในวิหารที่สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์

แต่บัดนี้ โดยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณพระเจ้า จะสถิตอยู่ในจิตใจมนุษย์ ร่างกายของผู้ศรัทธาจะเป็นวิหารของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ และจิตใจของมนุษย์จะเป็นที่ประทับของพระเยซูคริสต์

ข้าพเจ้าคิดไม่ออกว่าจะมีสิทธิพิเศษอื่นใดนอกเหนือกว่าการที่จะเตรียมที่ประทับสำหรับพระคริสต์ในจิตใจของข้าพเจ้า เพื่อต้อนรับปรนนิบัติ ทำตนให้เป็นที่ชอบพระทัย และมีสัมพันธภาพแน่นแฟ้นกับพระองค์ ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืมเย็นวันหนึ่ง เมื่อข้าพเจ้าได้เชื้อเชิญพระองค์เข้ามาในใจ ช่างเป็นการเสด็จมาที่เกริกไกรเหลือจะกล่าวจริง ๆ มิใช่เป็นเรื่องอารมณ์หวือหวา แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในใจกลางของชีวิตข้าพเจ้าทีเดียว พระองค์เสด็จเข้ามาสู่ที่มืดในจิตใจ และจุดความสว่างขึ้น ทรงขับความเย็นเยือกอ้างว้างออกไป พระองค์ทรงบันดาลให้มีเสียงดนตรีแทนความนิ่งเงียบ และทรงเติมช่องว่างให้เต็มด้วยความรัก และมิตรภาพอันมหัศจรรย์ยิ่งของพระองค์

ข้าพเจ้าไม่เคยนึกเสียใจที่เปิดประตูต้อนรับพระคริสต์ และจะไม่มีวันนึกเสียใจตราบชั่วนิรันดร์

นี่คือก้าวแรกที่ทำให้จิตใจของข้าพเจ้าเป็นที่ประทับของพระคริสต์

พระองค์ตรัสว่า

"นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยุ่ที่ประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาผู้นั้น และจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา" (วิวรณ์ 3:20)

หากท่านผู้อ่านสนใจจะให้ชีวิตของท่านเป็นที่ประทับของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ข้าพเจ้าขอหนุนใจท่านให้ต้อนรับพระคริสต์เข้ามาในจิตใจ แล้วพระองค์จะเสด็จเข้ามาอย่างแน่นอน

หลังที่พระคริสต์ได้เสด็จเข้ามาสู่จิตใจของข้าพเจ้า และระหว่างที่มีความร่าเริงยินดีในมิตรภาพใหม่ซึ่งเพิ่งค้นพบ ข้าพเจ้าทูลพระองค์ว่า

"พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะให้พระองค์ประทับอยู่ที่นี่ และให้พระองค์รู้สึกเป็นบ้านของพระองค์อย่างแท้จริง ทุกสิ่งที่ข้าพระองค์มีเป็นของพระองค์ ข้าพระองค์จะนำพระองค์ทอดพระเนตรชมให้ทั่ว และแนะนำให้พระองค์ได้รู้จักห้องต่าง ๆ ภายในบ้านนี้ พระองค์จะได้รู้สึกเป็นกันเอง และข้าพระองค์จะได้มีสัมพันธภาพกับพระองค์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น"

พระองค์ทรงเต็มพระทัยเสด็จมา ทรงพอพระทัยที่จะเข้ามามีส่วนใจจิตใจดวงนี้ ข้าพเจ้าจึงนำพระองค์ทอดพระเนตรห้องต่าง ๆ ในชีวิตของข้าพเจ้า

องค์การเยาวชนไทยเพื่อพระคริสต์ (YFC)
จากหนังสือ ใจฉันคือบ้านพระคริสต์
แปลโดย วรรณา ชานวิทิตกุล
(My Heart Christ's Home : Robert Boyd Munger)

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com