ต่อพระพักตร์
บทสนทนา 3

เขาบอกผมว่า ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเขา ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งการนับถือพระเจ้าอย่างสูงในความเชื่อ เมื่อได้รับแนวคิดนี้ และเมื่อมีทัศนะเช่นนี้ต่อพระองค์แล้ว ในตอนแรกเขาห่วงเพียงอย่างเดียว คือ ที่จะละทิ้งแนวคิดอื่นทั้งหมดได้อย่างสัตย์ซื่อ เพื่อที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพราะความรักที่มีต่อพระเจ้า

บางครั้งเมื่อเขาไม่ได้คิดถึงพระเจ้าสักช่วงหนึ่ง และเขาก็ไม่ได้หนักใจเพราะเหตุนี้เลย แต่หลังจากสารภาพถึงความน่าสมเพชของตนต่อพระเจ้าแล้ว เขาก็กลับไปหาพระองค์อีกด้วยความไว้วางใจที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพราะเมื่อลืมพระเจ้า ตัวเขาถึงได้ตระหนักว่าตนนั้นน่าเวทนาเพียงใด

"การไว้วางใจที่เรามีต่อพระเจ้า เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระองค์อย่างยิ่ง และนำพระคุณอันยิ่งใหญ่มาสู่ชีวิตเรา

เป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะทรงหลอกลวงเรา และเป็นไปไม่ได้ด้วยที่พระองค์จะทรงปล่อยให้จิตใจที่จำนนต่อพระองค์อย่างสิ้นเชิง และที่ตั้งใจสู้ทนทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพระองค์ ต้องตกอยู่ในความยากลำบากเป็นเวลายาวนาน"

บ่อยครั้งที่เขาได้รับประสบการณ์ในการช่วยกู้โดยพระคุณของพระเจ้าในทุกสถานการณ์ และเนื่องจากประสบการณ์นั้น เมื่อมีธุรกิจการงานให้กระทำ เขาจะไม่พะวงถึงเรื่องนี้ล่วงหน้า แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำ เขาก็พบว่าในพระเจ้าเขาพร้อมที่จะทำสิ่งนั้นได้ เหมือนกับการมองเงาชัด ๆ จากกระจกเงาที่ใสกระจ่าง ตอนหลัง ๆ นี้เขาปฏิบัติเช่นนี้ได้โดยไม่เคยพะวงล่วงหน้าเลย แต่ก่อนที่จะมีประสบการณ์ดังที่เพิ่งกล่าวถึงข้างต้น เขาเคยกังวลเช่นนี้มาแล้วในธุรกิจการงานของตน

เมื่อหน้าที่การงานทำให้ความคิดของเขาต้องหันเหไปจากพระเจ้าบ้าง พระเจ้าจะทรงดลใจให้เขาระลึกถึงพระองค์ และทรงทำให้ใจของเขาร้อนรนและท่วมท้นจนมิอาจเก็บงำไว้ในใจได้

เขารู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้าท่ามกลางกิจการงานที่เขาทำ ยิ่งกว่าการทิ้งงานนั้นเพื่อจะเข้าเฝ้าอธิษฐานและนมัสการโดยตรง

เขาคาดว่าในอนาคต เขาจะประสบกับความปวดร้าวที่ยิ่งใหญ่อย่างใดอย่างหนึ่งทางร่างกายหรือจิตใจ สิ่งเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดกับเขาได้ ก็คงจะเป็นการที่ความรู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาปีติยินดีมาเนิ่นนานแล้วนั้น สูญหายไป แต่ด้วยความดีงามของพระเจ้า เขาจึงแน่ใจว่าพระองค์จะไม่ทรงละทิ้งเขาอย่างสิ้นเชิง และจะทรงประทานเรี่ยวแรงเพื่อให้สามารถสู้ทนกับสิ่งเลวร้ายใด ๆ ที่พระองค์ทรงอนุญาตให้เกิดขึ้นกับเขาได้ เหตุฉะนั้น เขาจึงไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น และไม่จำเป็นต้องปรึกษาใครถึงสภาพของตน หากลองพยายามปรึกษากับใครเมื่อใด เขาก็ยิ่งงงงันมากขึ้นเมื่อนั้น เนื่องจากเขาพร้อมที่จะสละชีวิตเพราะเห็นแก่ความรักที่มีต่อพระเจ้า เขาจึงไม่กลัวภยันตรายใด ๆ เลย การยอมจำนนต่อพระเจ้าอย่างเต็มที่เป็นหนทางสู่สวรรค์อย่างแน่นอน ซึ่งในหนทางนั้นเขาได้รับความกระจ่างเพียงพอเสมอสำหรับความประพฤติของตน

"ในช่วงแรกของชีวิตฝ่ายวิญญาณ เราควรสัตย์ซื่อในการทำหน้าที่ของเรา และเอาชนะตัวเอง แต่หลังจากนั้นจะมีความสุขสำราญที่มิอาจบรรยายตามมาได้ เมื่อประสบความยากลำบาก เราเพียงแต่ไปหาพระเยซูคริสต์ และร้องขอพระคุณของพระองค์เท่านั้น แล้วทุกสิ่งก็จะง่ายขึ้น

เหตุที่หลายคนไม่ก้าวหน้าในชีวิตคริสเตียน ก็เพราะเขาติดยึดอยู่กับการปรับโทษตัวเอง และการปฏิบัติศาสนกิจบางอย่าง แต่ละเลยความรักที่มีต่อพระเจ้า ซึ่เงป็นเป้าหมายแห่งชีวิต ซึ่งปรากฎชัดในการกระทำของพวกเขา เป็นเหตุทำให้เราพบว่าคุณธรรมที่แท้จริงมีน้อยมาก

ไม่จำเป็นต้องใช้ศิลปะหรือวิทยาศาสตร์เลยในการเข้าเฝ้าพระเจ้า ขอเพียงแค่ตั้งใจแน่วแน่ที่จะจดจ่ออยู่กับพระองค์ผู้เดียว หรือทำทุกสิ่งเพราะเห็นแก่พระองค์ และที่จะรักพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น"

Nicholas Herman of Lorraine (Brother Lawrence)
จากหนังสือ ต่อพระพักตร์ (The Practice of The Presence of God)
แปลโดย พ.ญ. เออร์ซูลา โลเวนธอล
สำนักพิมพ์ กนกบรรณสาร

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com