นี่คงเป็นคำถามที่ผู้เชื่อทุกยุคทุกสมัยอยากรู้ และก็มีผู้ที่ตกม้าตายเพราะพยายามคิดคำนวณวันที่พระเยซูจะกลับมาแล้วพระองค์ก็ไม่กลับมาตามที่เขากล่าวอ้าง
พระคัมภีร์บอกไว้ชัดเจนว่า
แต่ไม่มีใครรู้เรื่องวันหรือเวลาแม้แต่บรรดาทูตแห่งฟ้าสวรรค์หรือพระบุตร มีแต่พระบิดาองค์เดียว
(มัทธิว 24:36)
แม้เราจะไม่มีทางรู้ถึงวันที่ที่พระเยซูจะกลับมาได้เลย แต่เราก็สามารถรับรู้ได้ว่า พระองค์ใกล้จะกลับมาเต็มที่แล้ว จากการที่คำพยากรณ์ต่างๆ ได้สำเร็จตามลำดับ
ผมขอสรุปเหตุผลที่ผมเชื่อว่าพระคริสต์จะกลับมาในไม่ช้า และมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 นี้ คือ
4 พระเยซูตรัสตอบว่า "ระวังให้ดี อย่าให้ใครล่อลวงพวกท่าน
5 เพราะว่าจะมีหลายคนมาโดยอ้างนามของเราและกล่าวว่า 'เราเป็นพระคริสต์' และพวกเขาจะล่อลวงคนเป็นจำนวนมาก
6 ท่านจะได้ยินเสียงสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย เพราะว่าทุกสิ่งจะต้องเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยุคยังมาไม่ถึง
7 เพราะว่า ประชาชาติกับประชาชาติ และอาณาจักรกับอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดกันดารอาหารและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ
8 แต่สิ่งทั้งหมดนี้เป็นการเริ่มต้นของความทุกข์เหมือนเมื่อเริ่มคลอดลูก
9 เวลานั้นพวกเขาจะมอบตัวท่านให้ทนทุกข์ลำบากและจะฆ่าท่านทั้งหลายเสีย และประชาชาติทั้งหมดจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา
10 ในเวลานั้นคนจำนวนมากจะถดถอยไปและจะทรยศกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังกันและกันด้วย
11 ผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหลายคนจะเกิดขึ้น และล่อลวงคนจำนวนมาก
12 ความรักของคนจำนวนมากจะเยือกเย็นลงเพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป
13 แต่ใครสู้ทนถึงที่สุดก็จะได้รับการช่วยให้รอด
14 ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้านี้จะถูกประกาศไปทั่วโลก ให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง
(มัทธิว 24:4-14)
มีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับว่า คำพยากรณ์ของพระเยซูใน มัทธิว 24:4-14 จะเกิดขึ้นในช่วงไหน บางคนตีความว่าน่าจะเกิดก่อนสัปตะสุดท้าย (ก่อนช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก) ในขณะที่บางคนเชื่อว่าเป็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับช่วงแรกของสัปตะสุดท้าย
คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุการณ์ต่างๆ ในคำพยากรณ์ก็ได้เกิดขึ้นบ้างแล้วในปัจจุบัน และมีแนวโน้มจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน เป็นเพียงบางส่วนที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างเข้มข้น รุนแรง และชัดเจนอย่างยิ่งในช่วงครึ่งแรกของสัปตะสุดท้าย
พระเยซูกล่าวว่า การเริ่มต้นของความทุกข์เป็นเหมือนเมื่อเริ่มคลอดลูก (มัทธิว 24:8) สิ่งที่เกิดในปัจจุบันคงจะเป็นเหมือนการเจ็บครรภ์หลอก ที่ปวดไม่มาก ไม่สม่ำเสมอ แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาคลอดจริงๆ แล้ว ก็จะมีการเจ็บครรภ์จริง ซึ่งจะปวดมาก ปวดสม่ำเสมอ และถี่ขึ้นเรื่อยๆ และการเจ็บครรภ์จริงก็จะเกิดในช่วงแรกของสัปตะสุดท้าย
ดังนั้น แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบันจะเป็นเพียงแค่เจ็บครรภ์หลอก เราก็คาดการณ์ได้ว่า เวลาที่จะเกิดของจริง ใกล้เข้ามาแล้ว
32 จงเรียนอุปมาเรื่องต้นมะเดื่อ เมื่อใดที่กิ่งของมันเริ่มแตกหน่ออ่อนและออกใบ ท่านทั้งหลายก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว
33 เช่นเดียวกัน เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งทั้งหมดนี้แล้วก็ให้รู้ว่า พระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงประตูแล้ว
34 เราบอกความจริงกับท่านว่า คนในยุคนี้จะไม่ล่วงลับไปก่อนทุกสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น
35 ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่บรรดาถ้อยคำของเราจะไม่สูญหายไปเลย
((มัทธิว 24:32-35)
ต้นมะเดื่อ เป็นสัญลักษณ์ของอิสราเอล และการแตกหน่ออ่อนและออกใบ หมายถึงการกลับมามีชีวิตใหม่ของอิสราเอล ซึ่งน่าจะเป็นการรวมชาติอิสราเอลในปี ค.ศ. 1948
พระเยซูได้กล่าวต่อมาว่า คนยุคนี้หรือรุ่นนี้จะไม่ล่วงหลับไปก่อนที่ทุกสิ่งที่พระองค์ทำนายไว้เกี่ยวกับวาระสุดท้ายของยุคจะเกิดขึ้น ถ้าพิจารณาตามอายุขัยที่พระคัมภีร์กำหนดไว้ ก็จะได้เป็น 120 ปี (ปฐมกาล 6:3) หรือ 70-80 ปี (สดุดี 90:10) กำหนดเวลาของคนรุ่นนี้ก็จะอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 21 นี้
อย่างไรก็ตาม คำว่า "ยุค" อาจจะหมายถึงยุคพระคุณหรือยุคคริสตจักรก็ได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าพระองค์จะกลับมาเมื่อไหร่ รู้ได้เพียงแค่ว่า ใกล้เข้ามามากแล้วครับ
นอกจากนี้ มีผู้พยายามศึกษาทางดาราศาสตร์ เพราะให้ความสำคัญกับคำกล่าวของพระเยซูว่า "จะมีหมายสำคัญที่ดวงอาทิตย์ ที่ดวงจันทร์ และที่ดวงดาวทั้งหลาย" (ลูกา 21:25) แม้ว่าผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่มีหลายคนที่ศึกษาอย่างจริงจังต่างยืนยันว่า ปรากฏการณ์ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวที่เกิดขึ้น มีความบังเอิญอย่างน่าเหลือเชื่อ และบ่งชี้ว่าเวลาที่พระเยซูจะกลับมานั้น ใกล้มามากแล้ว
ในเมื่อพระเยซูไม่อนุญาตให้เรารู้อย่างแน่ชัดว่าพระองค์จะมาวันไหนกันแน่ เราก็คงจะไม่จำเป็นต้องพยายามเฟ้นหาคำตอบ แต่เราก็สามารถรู้ได้ว่าพระเยซูน่าจะกลับมาในช่วงเวลาอันใกล้นี้
นอกจากนี้ ผมก็ยังเชื่อว่าเวลาสามารถยืดออกไปได้ ตามพระคุณของพระองค์ เพื่อให้หลายคนได้มาสู่ความหลุดพ้นทันเวลา
9 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่
10 แต่วันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมย และในวันนั้น ฟ้าจะหายลับไปด้วยเสียงดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินกับสิ่งสารพัดที่มีอยู่บนนั้นจะถูกเผาจนหมดสิ้น
(2 เปโตร 3:9-10)
สำหรับคนที่มีความรู้พระธรรมปฐมกาลดี ก็จะทราบว่า เอโนค (ผู้ที่ดำเนินชีวิตกับพระเจ้า และถูกรับไปเป็นๆ โดยไม่ตาย) มีลูกชาย และตั้งชื่อเขาว่า "เมธูเสลาห์" ซึ่งเป็นคนที่มีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ (969 ปี) ชื่อของเขามีความหมายที่บอกเป็นนัยว่า "ตายเมื่อไหร่ น้ำจะท่วมโลกเมื่อนั้น" และถ้าพี่น้องคำนวณดู จะเห็นว่าปีที่เมธูเสลาห์ตาย เป็นปีที่น้ำท่วมโลกจริงๆ ความจริงนี้แสดงให้เห็นว่า พระเจ้าให้คนที่อายุยืนยาวที่สุดเป็นผู้กำหนดเวลาของการพิพากษา เพราะพระองค์เปี่ยมด้วยความเมตตา อยากให้มีคนกลับใจและได้รับความรอดเพิ่มขึ้นผ่านทางการประกาศของโนอาห์
เช่นเดียวกัน หลายคนอาจคิดว่าพระเยซูกลับมาช้า แต่นั่นเป็นเพราะพระองค์ให้โอกาสคนอีกจำนวนมาก ให้ได้รับความหลุดพ้นผ่านทางการเชื่อวางใจในพระคริสต์
พระองค์อาจกลับมาช้า แต่พระองค์จะกลับมาแน่ๆ!
ดังนั้น คำถามที่ควรถามคงจะไม่ใช่ "พระเยซูจะกลับมาเมื่อไหร่?" หากแต่เป็นคำถามที่ว่า "คุณพร้อมหรือยัง?"
ขอให้เรามีชีวิตที่พร้อมอยู่เสมอ สำรวจชีวิตให้แน่ใจว่าบังเกิดใหม่แล้ว หนุนใจให้พี่น้องได้ยืดหยัดมั่นคงในความเชื่อ และใช้ชีวิตเป็นแสงสว่างในการนำผู้อื่นมาสู่ความสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านทางความเชื่อในพระเยซู เพื่อเราจะได้มั่นใจได้ว่า เมื่อถึงเวลานั้น เราและคนที่เรารักจะได้ใช้เวลาอย่างมีความสุขกับเจ้าบ่าวของเรานั่นคือพระเยซูตลอดไป
7 อวสานของสิ่งทั้งปวงมาใกล้แล้ว เพราะฉะนั้น พวกท่านจงมีสติสัมปชัญญะ และจงรู้จักสงบใจเพื่อการอธิษฐาน
8 เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ จงรักกันและกันให้มาก เพราะความรักให้อภัยบาปมากมายได้
9 พวกท่านจงต้อนรับเลี้ยงดูกันและกันโดยไม่บ่น
10 ตามที่แต่ละคนได้รับของประทาน ก็ให้ใช้ของประทานนั้นปรนนิบัติกันและกัน ดังเช่นผู้รับมอบฉันทะที่ดีเกี่ยวกับพระคุณนานาประการของพระเจ้า
11 ถ้าใครจะพูด ก็ให้พูดดังเช่นพูดพระวจนะของพระเจ้า ถ้าใครจะปรนนิบัติ ก็จงปรนนิบัติดังเช่นทำด้วยกำลังซึ่งพระเจ้าประทาน เพื่อพระเจ้าจะได้รับพระเกียรติในทุกสิ่ง ทางพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริและอานุภาพจงมีแด่พระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน
(1 เปโตร 4:7-11)
15 เพราะฉะนั้น จงระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าเหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา
16 จงใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ เพราะว่าทุกวันนี้เป็นยุคสมัยที่ชั่วร้าย
17 เพราะเหตุนี้ อย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจว่าอะไรคือพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
18 และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ
19 จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณ คือร้องเพลงและสดุดีจากใจของพวกท่านถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า
20 จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาอยู่เสมอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
(เอเฟซัส 5:15-20)
สรุปโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์
สารคดีเรื่อง 70 สัปตะ โดยคุณชนะ ชัยประเสริฐ
ตอนที่ 1: youtu.be/szwwqPU_-Us
ตอนที่ 2: youtu.be/YcgC7uc-syo
End Times Bible Prophecy โดย Alan Torres
หมายเหตุ: ข้อพระคัมภีร์ที่อ้างอิง มาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับมาตรฐาน ปี 2011 (THSV11) ของสมาคมพระคริสตธรรมไทย หากไม่ได้ระบุว่ามาจากฉบับอื่น