คำพยานชีวิตของ ธีรยสถ์ นิมมานนท์ (มิชชันทีมอนุชน คจ.สะพานเหลือง 2005)

สวัสดีครับ พี่น้องในพระคริสต์ทุกท่าน

ขอบคุณพระเจ้าครับ ที่พระองค์ได้ประทานโอกาสให้ผมได้ขอบคุณพระเจ้าที่นี่เป็นครั้งแรก ได้เป็นพยานถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการไป Mission Team ในครั้งนี้ และขอบคุณพระเจ้าจริง ๆ ครับ ที่พระองค์ได้อนุญาตให้ผมได้มีโอกาสรับใช้พระองค์โดยการร่วมกับมิชชันครั้งนี้ ผมมีโอกาสได้รับสิ่งดี ๆ มากมาย ได้มีประสบการณ์พิเศษกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้นผ่านทาง Mission ครั้งนี้

ก่อนอื่น ผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อ ธีรยสถ์ ชื่อเล่นชื่อ ต้น ครับ เพิ่งจบการศึกษาปีนี้ แต่ยังไม่ได้เริ่มทำงาน

ตั้งแต่ได้มีโอกาสทราบถึงมิชชั่นครั้งนี้ในการประชุมเมื่อเดือนมีนาคม ผมได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า จะต้องไปร่วมค่ายมิชชั่นครั้งนี้ให้ได้ แม้ว่าตอนนั้นจะไม่ทราบว่าติดอะไรหรือไม่ในช่วงค่ายมิชชั่นทีมในครั้งนี้ เนื่องจาก ช่วงเดือนเมษายนนี้ ผมรู้เพียงแค่ว่าจะต้องศึกษาในหลักสูตรสำหรับนายทหารใหม่ แต่ผมก็มั่นใจว่า พระเจ้าทรงเรียกให้ผมไปจริง ๆ และจะทรงเปิดทางให้ผมไปได้แน่นอน

ขอบคุณพระเจ้าครับ ช่วงเดือนมีนาคม ผมก็พยายามสอบถามที่วิทยาลัย ว่า จะสามารถลาได้หรือไม่ แต่ก็ไม่มีใครทราบ เพราะว่าหลักสูตรนี้ เป็นของอีกที่หนึ่งดูแล ผมจึงอธิษฐาน และได้ฝากให้เพื่อน ๆ อธิษฐานเผื่อเรื่อยมา

พอเริ่มเรียน ผมก็มีเหตุจำเป็นต้องลากิจ เพื่อไปนำเสนองานที่วิทยาลัย 1 วัน และก็ได้ทราบถึงระเบียบการลาว่า จะลาได้ไม่เกินวันละ 11 คน ผมก็เริ่มกระวนกระวายใจ พยายามคิดว่า ถ้าเกิดเราลาไม่ได้ล่ะ จะทำอย่างไรดี

ขอบคุณพระเจ้าครับ พระเจ้าก็ทรงตตอบคำอธิษฐาน คือ การลา ผมก็พยายามส่งใบลาให้เร็วที่สุด แต่เนื่องจากผู้ที่ต้องการจะลาวันที่ 11-12 เมษายนนั้น มีจำนวนมาก ผู้รับผิดชอบได้ใช้วิธีจับฉลาก โดยมีคนส่งใบลาทั้งหมด 20 คน แต่ลาได้ 11 คน ผมจึงอธิษฐานให้พระเจ้าช่วยในการจับฉลากนี้ ขอบคุณพระเจ้าครับ การจับฉลาก ผู้จับฉลากได้เลือกใบลาของผมเป็นอันดับที่ 2 ซึ่งพระองค์ได้ทรงสอนผมผ่านทางเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า ถ้าเชื่อแล้ว ไม่ควรสงสัย ไม่จำเป็นต้องคิดหาหนทางสำรองว่าถ้าไม่ได้ เพราะถ้าเชื่อแล้ว ก็จะไม่มีคำว่า “ถ้า” อีก รวมถึงได้มีโอกาสทราบภายหลังว่า จะลาได้ทั้งหมดไม่เกิน 3 วัน ขอบคุณพระเจ้าครับ รวมครั้งนี้ ผมก็ลา รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 3 วันพอดีครับ

ผมจึงได้มีโอกาสร่วมมิชชั่นทีมในครั้งนี้

การเดินทางไปมิชชั่นทีม ก็ได้เกิดเรื่อง คือ น้ำมันของรถตู้คันหนึ่ง ได้ใกล้หมด เหลือเพียงแค่ขีดแดง โดยที่ยังไม่ใกล้จุดหมาย ต้องเดินทางอีกหลายร้อยกิโลเมตร และเป็นทางขึ้นภูเขา มีผู้ที่ใช้รถโตโยต้า ได้บอกว่า ถ้าถึงขีดแดง จะวิ่งไปได้อีกไม่เกิน 10 กิโลเมตร ในทางราบ ลุงเหรียญ (คนขับรถ) ก็ได้บอกว่า ไม่เคยปล่อยให้น้ำมันเหลือน้อยขนาดนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่ท่านได้ขับรถมา และเนื่องจากเวลานั้นดึกมาก จึงไม่มีปั๊มน้ำมันเปิด สิ่งที่ดีที่สุดของมิชชั่นทีม คือ อธิษฐานครับ ขอบคุณพระเจ้าครับ แล้วการอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานจริง ๆ ครับ ในที่สุด ก็ได้ตัดสินใจที่จะเดินทางต่อไป แล้วก็สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยสวัสดิภาพ

ขอบคุณพระเจ้าครับ ที่บ้านน้ำไซ ใน 2 วันแรก ผมก็ได้รับประสบการณ์ดี ๆ จากมิชชั่นทีมในครั้งนี้ ได้มีโอกาสเห็นถึงการร่วมแรงร่วมใจกัน และความสามัคคีกันของมิชชั่นทีม มีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดความคาดหมาย พวกเราได้พยายามช่วยกันแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พยายามทำในสิ่งที่ตนเองทำได้อย่างดีที่สุด และก็สามารถผ่านไปได้ด้วยดี อย่างอัศจรรย์

และได้มีโอกาสที่จะพูดคุยกับอนุชนที่นั่น และพบว่า อนุชนที่นั่น กระตือรือร้น อยากรู้เรื่องราวของพระเจ้ามาก แต่เค้าไม่มีโอกาส เนื่องจากไม่มีใครที่คอยให้ความแนะนำ ประทับใจถึงความเชื่อของน้อง ๆ ที่เค้าเชื่อพระเจ้าแบบเด็ก ๆ จริง ๆ แม้ที่โรงเรียน อาจจะต้องโดนอาจารย์ที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน สอนว่า คริสเตียนเชื่อสิ่งที่งมงาย แต่เขาก็ยังคงรักษาความเชื่อไว้ได้ โดยเชื่อ เพราะว่า แม่สอนเอาไว้ตั้งแต่เด็ก โดยแม่ของเขาได้เป็นพยานว่า ท่านรอดจากการเล่นของได้ เพราะพระเจ้าของเรานี่เอง ขอบคุณพระเจ้าครับ ที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับน้อง ๆ และมีโอกาสได้หนุนใจน้อง ๆ เขา

ขอบคุณพระเจ้าครับ ทางมิชชั่นทีมบางส่วน ซึ่งนำโดย คุณหลี(ฮง) คุณพลอย(แก้ว) และครูใหม่ ก็ได้มีโอกาสหนุนใจน้อง ๆ มีโอกาสได้สอนน้อง ๆ เค้าถึงการเฝ้าเดี่ยว เนื่องจากยังไม่เคยมีใครสอนมาก่อน และมีโอกาสได้แนะนำน้อง ๆ ถึงวิธีการศึกษาพระคัมภีร์อย่างเป็นระบบ โดยน้อง ๆ เค้าอยากเรียนรู้มากเลยครับ ได้ขอนัดคุณหลีตั้งแต่เช้าตรู่ 6 โมงเช้า เพื่อที่จะให้สอนถึงการเฝ้าเดี่ยว ขอบคุณพระเจ้าครับ

วันต่อมา ก็ได้มีโอกาสนำไปที่บ้านร่องกล้าก่อน เนื่องจากมีการแบ่งส่วน บางส่วนยังคงอยู่ที่บ้านน้ำไซ ขอบคุณพระเจ้าครับ ผมก็มีโอกาสได้เห็นถึงการนมัสการในบ้าน เนื่องจากโบสถ์ยังสร้างไม่เสร็จ เป็นการนมัสการที่เรียบง่าย ไม่มีเครื่องดนตรี แต่ก็สามารถนมัสการพระเจ้าได้เป็นอย่างดี และมีโอกาสได้เป็นพยานโดยการพูดในที่ประชุมเป็นครั้งแรกในชีวิต ได้เห็นถึงการต้อนรับอย่างดีของชาวบ้านที่นั่น ขอบคุณพระเจ้าครับ

ขอบคุณพระเจ้าครับ ที่บ้านร่องกล้านี่เอง ผมก็ได้มีโอกาสที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ และไม่เคยคิดว่าจะได้ทำมาก่อน คือการก่อสร้าง และการนำเด็ก ๆ ได้เห็นว่าหลาย ๆ คน ถึงแม้ว่าไม่เคยที่จะต้องสอนเด็กมาก่อน ก็ได้มีโอกาสสอน สำหรับผมเอง เป็นคนที่ไม่ชอบนำเด็กเล็ก ๆ อยู่แล้วครับ แต่มาคราวนี้ก็ได้มีโอกาสที่จะนำเพลง แถมเด็กบางส่วนก็ยังฟังภาษาไทยไม่ออกอีกต่างหาก แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ และผมมีโอกาสได้เห็นถึงการร่วมแรงร่วมใจกันของมิชชั่นทีม ได้เห็นถึงความเสียสละของคริสเตียนที่นั่น ที่ยอมทิ้งไร้ของตนเองเพื่อมาร่วมสร้างคริสตจักรของพระองค์ เนื่องจากคริสเตียนที่นั่น อยากที่จะมีโบสถ์มาก เพื่อจะใช้ในการนมัสการพระเจ้า

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการจัดเตรียมหลายสิ่งหลายอย่างก็ดีกว่าที่ได้คิดเอาไว้มาก ที่พักก็อยู่สบายมากครับ พักที่โรงเรียน อาจารย์ที่ดูแล แม้จะไม่ได้เป็นคริสเตียน แต่ก็ต้อนรับดีมากครับ อาหารก็เป็นอาหารอย่างดี ทำให้หลาย ๆ คนที่มีความหวังใจว่า จะมาลำบาก จะได้น้ำหนักลด ต้องผิดหวังกันตาม ๆ กัน ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการทรงจัดเตรียมไว้อย่างดี

เพื่อน ๆ และผม ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับคริสเตียนคนหนึ่ง ซึ่งได้มาช่วยทำอาหารให้แก่มิชชั่นทีมในครั้งนี้ ขอบคุณพระเจ้าครับ ได้รับการหนุนใจมากครับ เค้าได้บอกกับเราว่า ช่วงที่เราไปนี้ เค้าต้องยอมทิ้งไร้ผักกาดของเขา เพื่อมาทำอาหารให้แก่พวกเรารับประทาน โดยเค้าบอกว่า เค้าเลือกที่จะทำงานเพื่อพระเจ้าก่อน ส่วนเรื่องไร่ของเขา เอาไว้ทีหลัง

ขอบคุณพระเจ้าครับ แม้แต่บทเฝ้าเดี่ยวก็ยังตรงมากเลยครับ คือ ของวันที่ 12 เมษายน เป็นบทเฝ้าเดี่ยวเกี่ยวกับการสร้างคริสตจักรของพระองค์ ในพระคัมภีร์ฮักกัยพอดีเลยครับ ได้เรียนรู้ถึงพระสัญญาของพระองค์ว่า ให้เราทำงาน เพราะพระองค์ทรงอยู่กับเรา พระวิญญาณของพระองค์อยู่กับเรา อย่ากลัวเลย และในวันนั้นเอง ผมก็ได้เห็นถึงการอัศจรรย์อีกครั้งหนึ่ง คือ หลังจากที่ได้ยกทรายจำนวนมาก และหนักมาก ผมรู้สึกว่าเหนื่อยและเพลียมาก ซึ่งจากประสบการณ์ในอดีตของผม บอกว่า ถ้าเหนื่อยขนาดนี้ หลังจากนี้คงจะต้องมึนไปทั้งวันแน่ ๆ จะทำงานไหวหรือไม่ ขอบคุณพระเจ้าครับ ผมก็ได้มีโอกาสอธิษฐานเพื่อขอกำลังจากพระองค์ และหลังจากอธิษฐาน ผมก็กลับมามีแรงอีกครั้ง ความรู้สึกมึนศีรษะก็หายไป และสามารถปฏิบัติงานได้ทั้งวัน ขอบคุณพระเจ้าครับ

ขอบคุณพระเจ้าครับ ในคืนสุดท้าย พวกเราได้มีโอกาสที่จะสามัคคีธรรมร่วมกับพี่น้องคริสเตียนที่ร่องกล้า ได้มีโอกาสอธิษฐานเผื่อพี่น้องที่นั่น ซึ่งเป็นการหนุนใจอย่างมากครับ พี่น้องที่นั่นถึงกับน้ำตาคลอกันถ้วนหน้า และเค้าก็ได้บอกกับเราว่า การมาในครั้งนี้ของเรา เป็นการตอบคำอธิษฐานของเขา เขาได้อธิษฐานกับพระเจ้าเพื่อคริสตจักรนี้มานาน ในที่สุด พระเจ้าก็ทรงตอบคำอธิษฐานผ่านทางมิชชั่นทีมในครั้งนี้

ขอขอบคุณพี่น้องทุก ๆ ท่าน สำหรับแรงอธิษฐานเผื่อพวกเรา และ การถวายทรัพย์ ซึ่งทำให้ค่ายมิชชั่นในครั้งนี้ผ่านมาได้ด้วยดี

สุดท้ายนี้ อยากจะขอหนุนใจพี่น้องนะครับ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้ร่วมกับมิชชั่นทีมเหมือนกับผม ถึงแม้ว่าเราจะมีคริสตจักรที่สวยงามอยู่แล้ว แต่ก็สามารถมีส่วนร่วมในการสร้างคริสตจักรของเราได้ โดยการร่วมกันรับใช้ เสริมสร้างคริสตจักรของพระเจ้าให้เติบโต อยากให้เราได้รักคริสตจักรของเรา เหมือนอย่างที่พี่น้องชาวร่องกล้ารักคริสตจักรของเขา แล้วพระเจ้าจะทรงอวยพรอย่างแน่นอนครับ ตามพระสัญญาของพระองค์

ขอบคุณพระเจ้าครับ


ธีรยสถ์ นิมมานนท์

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com