คนเราทุกคนต่างยอมรับว่า มนุษย์ และสรรพสิ่งทั้งปวงอยู่ภายใจกฎธรรมชาติ ภายใต้กฎธรรมชาตินี้เอง เราจึงมีความเห็นว่า ทุกสิ่งในโลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวร มีสุขมีทุกข์ มีโศกเศร้าและความตาย
บางคนกล่าวว่า ถ้าพระเจ้ามีจริง ทำไมพระองค์จึงอนุญาตให้มีความทุกข์ มีปัญหาเกิดขึ้นในชีวิตและสังคม ด้วยเหตุนี้เองมนุษย์จึงไม่ยอมรับว่า พระเจ้าเป็นพระลักษณะบุคคลที่มีพระประสงค์จะช่วยเหลือให้มนุษย์ได้สัมผัสกับความรักของพระองค์
"พระองค์ได้สร้างมนุษย์ทุกชาติ สืบสายโลหิตอันเดียวกันให้อยู่ทั่วพิภพโลก เพื่อเขาจะได้แสวงหาพระเจ้า และมุ่งหวังจะคลำหาให้พบพระองค์ ที่จริงพระองค์มิทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย"
กิจการ17:26,27
โดรธรรมชาติแล้ว มนุษย์มีสติปัญญาความสามารถในการให้เหตุผลในขอบเขตที่จำกัด จึงสรุปได้ว่า
เนื่องจากไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์ด้วยกันได้ มนุษย์จึงไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองต่อผู้ใด
บาปกับบุญเป็นของคู่กัน ซึ่งถือว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ไปเสียแล้ว เราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องดิ้นรนให้หลุดพ้น เพียงแต่หวังไว้ว่า เมื่อทำดีก็จะได้ดี ทำชั่วก็จะได้ชั่ว แต่ถ้าทำทั้งดีทั้งชั่ว ไม่รู้ว่าจะได้อะไร
โลกนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้าย เราจึงต้องพยายามช่วยตัวเองให้หลุดพ้นจากสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้น โดยอาศัยความดีของตนเอง หรือยึดหลักคำสอนศาสนาต่าง ๆ เป็นที่พึ่ง
ทุกสิ่งที่เรามองเห็นด้วยสายตาและสัมผัสได้ด้วยกายนั้น ล้วนแต่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ
สิ่งใด ๆ ก็ตามที่ถูกสร้างขึ้น ย่อมมีผู้สร้าง เป็นสภาพซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่และทรงไว้ซึ่งฤทธานุภาพ
"ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน"
ปฐมกาล1:1
พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์นั้นได้เนรมิตให้มีสรรพสัตว์สรรพสิ่งเกิดขึ้น และให้มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกตามชนิดของมัน
พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระองค์ขึ้นในโลก พระองค์ทรงรักเขา และประทานทุกอย่างให้แก่เขาตามที่เขาต้องการ เพื่อที่เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างสันติสุข
แต่มนุษย์คู่แรกจองโลก ได้ทรยศต่อพระเจ้า โดยการขัดขืนคำสั่งและไม่เชื่อฟังพระองค์ เลือกวิธีตามชีวิตตามใจตนเอง แทนที่จะเคารพและดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ซึ่งได้สร้างเขามา
"ทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า"
โรม3:23
ความบาป คือ การประพฤติตามตัณหาของเนื้อหนัง และประพฤติตามความพึงพอใจของตนเป็นใหญ่
พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา โดยมีพระประสงค์ที่จะให้เขาเป็นมิตรสหายกับพระองค์ แต่เพราะความอวดดีจอบหอง มนุษย์ได้เลือกวิถีชีวิตตามแนวทางเดินของตนเอง และแสวงหาที่พึ่งของเขา โดยไม่สนใจพระเจ้า
ความบาป เป็นต้นเหตุให้มนุษย์ไม่สามารถมีความสัมพันธ์กับพระผุ้สร้าง
พระเจ้าเป็นองค์บริสุทธิ์และดีเลิศ ในขณะที่มนุษย์เป็นคนบาป และคนชั่ว ความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือนหุบเหวอันลึกและกว้างใหญ่กั้นทั้งสอบให้ไกลกัน
มนุษย์ไม่เคยละความพยายามหาวิธีที่จะข้ามหุบเหวมรณะนี้ไปหาพระเจ้า และมีชีวิตอันสมบูรณ์นั้นให้ได้โดยวิธีต่าง ๆ เช่น การทำความดี มีศีลธรรม ยึดหลักปรัชญาต่าง ๆ แต่มนุษย์ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จด้วยตัวเองได้เลย
"ความบาปชั่วของเจ้าทั้งหลาย ได้กระทำให้เกิดการแตกแยกระหว่างเจ้ากับพระเจ้า และบาปของเจ้าทั้งหลายได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้า พระองค์จึงมิได้ยิน"
อิสยาห์59:2
จิตใจจึงตกอยู่ใต้อำนาจมืด
"เพราะว่าเขาได้เอาความจริงเรื่องของพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ และได้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้ แทนพระองค์ผู้ทรงสร้าง"
โรม1:25
โดยความรักของพระเจ้า
"เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้น จะมิได้พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น"
ยอห์น3:16,17
พระเจ้าทรงเตรียมทางอันเป็นทางเดียวเท่านั้น...มนุษย์ต้องเลือกเอาเองว่า จะรับหรือไม่ยอมรับ
"แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา ด้วยว่าพระคริสต์ก็ได้สิ้นพระชนม์ครั้งเดียวเท่านั้นเพราะความผิดบาป คือพระองค์ผู้ชอบธรรมเพื่อผู้ไม่ชอบธรรม เพื่อจะได้ทรงนำเราทั้งหลายไปถึงพระเจ้า"
โรม5:8 , เปโตร3:18
บนไม้กางเขน พระองค์ได้ถูกลงโทษเพราะความบาปของเรา
พระเยซูคริสต์ทรงตายเพื่อความบาปของเราทั้งหลาย ทรงถูกฝังไว้
"องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้วจริง ๆ"
ลูกา24:34
พระองค์ได้เป็นขึ้นมามีชีวิตอีก หลังจากตายได้สามวัน ตรงตามที่พระองค์ได้บอกสานุศิษย์ไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
พระองค์ได้ทรงปรากฏแก่ท่านเปโตร และแก่อัครสาวกสิบสองคน และครั้งสุดท้ายทรงปรากฏแก่ผู้ติดตามมากกว่า 500 คนในคราวเดียวกัน
"ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยนามอื่นซึ่งเขาทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า" (กิจการ4:12)
"แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้เชื่อในนามพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิ์ให้เป็นบุตรของพระเจ้า" (ยอห์น1:12)
"เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา" (ยอห์น14:16)
ต้องยอมรับว่าท่านเป็นคนบาป และต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า
ยินดีที่จะกลับใจเสียใหม่ และละทิ้งความบาปทั้งสิ้น
อธิษฐานเชิญพระเยซูคริสต์เข้ามาประทับในจิตใจ เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของท่าน และให้พระองค์ทรงเป็นผุ้ควบคุมชีวิตของท่าน
พระเยซูทรงเรียกท่าน ... เชิญรับพระเยซูคริสต์โดยการเชื้อเชิญพระองค์เป็นส่วนตัว..
"นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาผู้นั้น"
ลูกา24:34
เดอะ ไบเบิล ลีค ไทยแลนด์
ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน
ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com