คำพยานชีวิตของ คุณ วัชราภรณ์ อมรศักดิ์

กว่าจะได้รู้จักพระเจ้า

ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรู้จัก และรับเชื่อพระเจ้ามา 3 ปีแล้ว ข้าพเจ้าเกิดและเติบโตมาจากครอบครัวชาวพุทธ ที่มีการถือศีล กินเจ และสวดมนต์ไหว้พระอยู่ประจำ ข้าพเจ้าจบการศึกษาจากคณะวิทยาศาสร์ ซึ่งสั่งสอนมาตลอดว่าทุกอย่างย่อมมีเหตุและผล

ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาของข้าพเจ้า ไม่เคยเชื่อ หรือรู้เลยว่า โลกนี้มีพระเจ้า จนกระทั่งวันหนึ่งข้าพเจ้าได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง "The Passion of The Christ" ภาพการทนทุกข์ การถูกทรมานของพระเยซูในหนังเรื่องนั้น ทำให้ข้าพเจ้าร้องไห้ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าทำไมพระเยซูต้องถูกทรมานมากมายขนาดนั้น ตรงกันข้าม หนังเรื่องนั้นทำให้ข้าพเจ้าเห็นความรักในแบบที่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักมาก่อน นั่นคือ การรักศัตรู พระเยซูทรงกล่าวอวยพร อธิษฐาน ขอการอภัยจากพระเจ้าให้แก่ผู้ที่ทำร้ายพระองค์ ผู้ที่เหยียดหยามพระองค์ หรือแม้แต่ผู้ที่ฆ่าพระองค์ ข้าพเจ้าร้องไห้ แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่เข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ่งของการเสียสละนี้อยู่ดี

หลังจากดูหนังเรื่องนี้ได้ไม่นาน ข้าพเจ้าก็ได้รับการติดต่อจากเพื่อนที่ขาดการติดต่อกันมากกว่า 5 ปี เราได้มีโอกาสพูดคุยถึงเรื่องพระเจ้ากันหลายครั้ง มีการโต้แย้งหลายหน จนเขาได้ชวนข้าพเจ้ามาโบสถ์ เพื่อร่วมกลุ่มเซลล์ในวันศุกร์วันหนึ่ง คืนนั้นฝนตกหนักมาก และรถก็ติดมาก ข้าพเจ้ามารอเขาในที่นัดพบนานพอสมควร จึงหยิบพระคัมภีร์ที่ได้รับแจกฟรีขึ้นมาลองเปิดอ่านดู คิดเพียงแค่ว่า ดูสักหน่อย เผื่อเขาคุยอะไรกันจะได้พอรู้เรื่องบ้าง แต่ดูได้ไม่ถึง 5 นาที ข้าพเจ้าก็ต้องปิดหนังสือวางลง เพราะอ่านไม่รู้เรื่อง อ่านแล้วไม่เข้าใจ

เมื่อมาถึงโบสถ์ ข้าพเจ้าเพิ่งได้รู้ว่ากลุ่มเซลล์ที่เพื่อนของข้าพเจ้าพามานันเป็นกลุ่มเซลล์ที่เรียนพระคัมภีร์กัน และข้อพระคัมภีร์ที่เรียนกันในวันนั้น เป็นข้อเดียวกับข้อพระคัมภีร์ที่ข้าพเจ้าลองเปิดอ่านก่อนหน้านี้ไม่นาน ตั้งแต่ข้อแรกถึงข้อสุดท้ายที่เรียนในวันนั้น เป็นข้อเดียวกันกับข้อแรกที่ข้าพเจ้าลองอ่าน จนถึงข้อสุดท้ายที่ข้าพเจ้าตัดสินใจปิดหนังสือลง เป็นเล่มเดียวกัน บทเดียวกัน และข้อเดียวกันจากหนังสือที่หนาเป็นพันหน้า เหตุการณ์นี้สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก มันทำให้ข้าพเจ้าอยากรู้จักพระเจ้ามากขึ้น อยากรู้เรื่องพระคัมภีร์มากขึ้น และเมื่อข้าพเจ้าได้ศึกษามากขึ้น อ่านมากขึ้น มันทำให้ข้าพเจ้าคิดได้ว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าเคยคิดว่ารู้ จริง ๆ แล้วอาจไม่รู้ก็ได้ พระสติปัญญาของพระเจ้านั้นเกิดหยั่ง และในที่สุดข้าพเจ้าก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไปแล้วว่าโลกนี้ไม่มีพระเจ้า

เส้นทางสู่การเป็นคุณครู

ข้าพเจ้าได้มาเป็นครูที่โรงเรียนคริสตธรรมวิทยานี้ได้ 6 เดือนแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าทำงานเป็นพนักงานบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง เงินเดือนเกือบสองเท่าของเงินเดือนปัจจุบัน ข้าพเจ้าใช้ชีวิตฟู่ฟ่า ฟุ่มเฟือยไปวัน ๆ จนวันหนึ่งเกิดเหตุขัดแย้งบางอย่างเกิดขึ้นภายในบริษัท ข้าพเจ้าตัดสินใจยื่นใบลาออก ซึ่งในตอนนั้นเป็นช่วงที่ทางโรงเรียนกำลังมองหาครูวิทยาศาสตร์อยู่พอดี ได้มีเพื่อนที่โบสถ์ที่ทราบข่าว ก็ได้มาถาม และชักชวนให้มาเป็นครูที่นี่ ซึ่งตอนนั้นข้าพเจ้ายังไม่ได้คิดตัดสินใจอะไร แต่โดยการทรงนำของพระเจ้า หลังจากลาออกจากงาน ข้าพเจ้าได้ไปออกค่ายอาสาของมูลนิธิกระจกเงาที่จังหวัดเชียงราย ข้าพเจ้าไปเป็นครูดอยสอนหนังสือเด็กชาวเขาอยู่ 5 วัน การไปครั้งนี้เป็นการจัดเตรียมของพระเจ้าจริง ๆ ไม่ว่าด้วยเรื่องเวลา ตั๋วรถ หรือแม้แต่ที่พักที่ข้าพเจ้าบังเอิญได้ไปพักในหมู่บ้านชาวเขาที่เป็นคริสเตียนทั้งหมู่บ้าน จากตอนแรกที่คิดแค่ไปสนุก แต่ที่นี่พระเจ้าได้สอนหลายสิ่งแก่ข้าพเจ้า พระเจ้าทรงสอนว่าเงินไม่สามารถซื้อได้ทุกสิ่ง ที่นั่นพระเจ้าได้ทรงสอนให้ข้าพเจ้ารู้ถึงความหมายของการเป็นครู สำหรับเด็ก ๆ ที่นั่น คำว่า "ครู" มีความหมายมากสำหรับพวกเขา

เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพ ฯ มีบริษัทแห่งหนึ่งเรียกตัวข้าพเจ้าไปทำงานด้วยค่าจ้างที่ใกล้เคียงกับที่เดิมที่เคยได้รับ ข้าพเจ้าเกิดความลังเลใจว่าจะทำงานที่ไหนดี ระหว่างบริษัทใหญ่ที่มีการจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ กับโรงเรียนเล็ก ๆ ของพระเจ้าแห่งนี้ ในตอนนั้นเพื่อนของข้าพเจ้าคนที่ชวนข้าพเจ้ามาโบสถ์ ก็ได้มาคุยกับข้าพเจ้า และพูดกับข้าพเจ้าคำหนึ่งว่า "เปิ้ล พระเยซูทรงเป็นช่างไม้นะ เพราะโยเซฟเป็นช่างไม้"

ตัวของข้าพเจ้านั้นมีพ่อ แม่ ปู่ ยาย เป็นครูกันหมด อาจจะเรียกได้ว่า อาชีพครูนั้น เป็นอาชีพพ่อ อาชีพแม่ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเติบโตมาด้วยอาชีพนี้ของพ่อแม่ที่เลี้ยงข้าพเจ้ามาจนโต แม้เงินตอบแทนจะน้อย และไม่ได้ใหญ่โตอะไร ข้าพเจ้าก็คงจะไม่อดตาย เราซึ่งมีพระเจ้าทรงนำ ทรงเลี้ยงดู ก็คงจะไม่ถึงกับอดตายด้วยอาชีพนี้หรอกนะ ข้าพเจ้าจึงได้ตัดสินใจเชื่อ และวางใจในพระเจ้า ก้าวเข้ามาเป็นครูที่โรงเรียนคริสตธรรมวิทยาแห่งนี้

ข้าพเจ้าเชื่อว่า เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการทรงนำของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหตุบังเอิญที่ข้าพเจ้าออกจากงานในช่วงเวลาที่โรงเรียนกำลังต้องการครูพอดี เพระหากเป็นช่วงก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าก็คงทำงานอยู่ที่เดิม หรือช้ากว่านี้ ข้าพเจ้าก็คงกำลังเริ่มทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งใหม่ ถ้าหากโรงเรียนขาดครูวิชาอื่น ไม่ใช่ครูวิทยาศาสตร์ หากเป็นครูภาษาจีน สังคม หรือภาษาไทย ข้าพเจ้าก็คงไม่สามารถเป็นครูที่นี่ได้ และหากไม่ใช่เพราะการทรงนำของพระเจ้า โรงเรียนแห่งนี้คงไม่มีครูที่ชื่อ "ครูเปิ้ล

นส. วัชราภรณ์ อมรศักดิ์ (ครูเปิ้ล)
อาจารย์วิทยาศาสตร์ โรงเรียนคริสตธรรมวิทยา

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com