ไข่ที่ว่างเปล่า

จิมมี่ อายุ 12 ปี เรียนอยู่แค่ชั้นประถมปีที่ 2 และป่วยหนักเรื้อรัง เขาเรียนหนังสือไม่ค่อยได้ และมักทำเสียงแปลก ๆ จนกลายเป็นตัวตลกให้เพื่อน ๆ ล้อเลียนอยู่เสมอ

สำหรับครูผู้สอน จิมมี่นับว่าเป็นเด็กที่ยากจะสอนเป็นที่สุด !

วันหนึ่ง ครู มิลเลอร์ ได้มอบหมายงานให้นักเรียน 20 คนไปทำก่อนวันอีสเตอร์ โดยมอบไข่พลาสติกเปล่า ๆ ให้นักเรียนแต่ละคน แล้วให้นำไข่นั้นกลับมาใหม่ พร้อมใส่อะไรก็ได้ที่เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่ลงไปในไข่ของตน

ครูมิลเลอร์ตั้งใจว่า จะโทรศัพท์ไปหาพ่อแม่ของจิมมี่ในคืนนั้น เพื่ออธิบายงานที่มอบหมายให้กระทำ เพื่อว่า จิมมี่จะได้ทำในสิ่งที่ครูมอบหมายได้อย่างถูกต้อง

แต่ว่าวันนั้น มีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้นหลายอย่าง ทำให้ครูมิลเลอร์ยุ่งมากจนลืมโทรไปหาพ่อแม่ของจิมมี่

ในวันรุ่งขึ้น เมื่อครูมิลเลอร์เปิดฝาไข่พลาสติกของนักเรียนในชั้นออกทีละคน

เด็กคนแรกใส่ดอกไม้ลงไปในไข่ฟองนั้น คุณครูจึงยืนยันว่า ใช้ได้ เพราะดอกไม้แสดงถึงชีวิตใหม่ !

ไข่ใบที่สองใส่ผีเสื้อ ซึ่งทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่

ส่วนไข่ใบที่สามนั้นบรรจุก้อนหินที่มีหญ้ามอสสีเขียวขึ้นรอบ ๆ ก็สำแดงชีวิตใหม่เช่นกัน

แต่พอมาถึงไข่ใบที่สี่ (ซึ่งเป็นของจิมมี่) กลับพบว่าไข่นั้นว่างเปล่า

คุณครูเดาได้ทันทีว่า ต้องเป็นไข่ของจิมมี่ จึงไม่พูดอะไร แต่ค่อย ๆ วางลง

แต่จิมมี่ร้องเสียงดังขึ้นมาว่า

"คุณครูมิลเลอร์ครับ คุณครูจะไม่พูดถึงไข่ฟองของผมบ้างหรือครับ ?"

ครูมิลเลอร์จึงจำต้องหันมาพูดกับจิมมี่ว่า

"จิมมี่ ไข่ของเธอน่ะว่างเปล่าอยู่นะจ๊ะ !"

จิมมี่มองหน้าครูมิลเลอร์ด้วยแววตาอ่อนโยน พลางตอบว่า

"ใช่ครับ ... แต่อุโมงฝังศพของพระเยซูก็ว่างเปล่าเหมือนกันไม่ใช่หรือครับ !"

ในช่วงพักของวันนั้น คุณครูมิลเลอร์ แอบนั่งร้องไห้ด้วยความสะทกสะท้อนใจ

3 เดือนต่อมา จุดยืนแห่งความศรัทธาของจิมมี่ในเรื่อง "การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์" ก็ได้ปรากฎขึ้นอีกคร้งผ่านทางไข่พลาสติก 19 ใบ ที่วางอยู่บนโลงศพของเขา และทุกใบล้วนว่างเปล่า

ใช่ครับ ! ความหวังอันยิ่งใหญ่ของวันอีสเตอร์ ได้สำแดงผ่านอุโมงค์ว่างเปล่าที่เป็นประดุจคำสัญญาที่ว่า ทุกคนที่ศรัทธาในสัจธรรมแห่งอีสเตอร์ จะเป็นขึ้นจากความตาย และได้รับชีวิตใหม่