ประเพณี หมายถึง "สิ่งที่นิยมถือประพฤติปฏิบัติสืบต่อกันมาจนเป็นแบบแผน"
ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส มีแบบแผนที่ถือปฏิบัติกันอยู่หลายอย่าง อาทิ
นับว่าเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สุดที่เคียงคู่คริสตมาสมานานกว่า 2000 ปี เชื่อกันว่าประเณีการให้ของขวัญคริสตมาสเกิดขึ้นตามแบบอย่างที่โหราจารย์ได้กระทำ เมื่อพวกท่านได้นำ ทองคำ, กำยาน และมดยอบ มาเป็นของขวัญวันประสูติถวายแด่พระองค์
ในสมัยของกษัตริย์เฮนรี่ที่ 7 แห่งอังกฤษ เกิดธรรมเนียมที่ข้าราชการบริพารและประชาชนแสดงความจงรักภักดี โดยการถวายของขวัญให้พระองค์ ซึ่งต่อมาวิวัฒนาการมาเป็นการแลกเปลี่ยนของขวัญแก่กันและกัน (The exchange of gifts) และได้แพร่หลายกลายเป็นกิจกรรมยอดนิยมในช่วงเทศกาลคริสตมาสทั่วโลก ทำให้ธุรกิจค้าขายของขวัญกลายเป็นธุรกิจที่สำคัญอย่างยิ่งในช่วงระหว่างเดือน พฤศจิกายน - ธันวาคม ของทุกปี
เดิมที การส่งของขวัญวันคริสมาสให้ญาติมิตรที่อยู่ห่างไกลไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ อีกทั้งยังมีราคาแพง !
ในราวปี ค.ศ. 1843 จิตรกรชาวอังกฤษ นามว่า John Colcott Horsley ได้ออกแบบการ์ดคริสตมาสให้แก่เพื่อนของเขา ที่มีนามว่า Sir Henry Cole (ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์วิคตอเรีย และอัลเบิร์ต ที่ลอนดอน) เพื่อที่จะใช้ส่งให้ญาติมิตรแทนการส่งของขวัญดังที่เคยปฏิบัติมา โดยรูปแบบของการ์ดที่ออกมานั้น เป็นรูปงานเลี้ยงภายในครอบครัว ที่มีข้อความพิมพ์อยู่ว่า "A Merry Christmas and a Happy New Year to You"
จากนั้น การส่งบัตรอวยพรวันคริสตมาสก็กลายเป็นธรรมเนียมประเพณียอดนิยมที่แพร่หลายไปทั่วโลก !
ประเพณีนี้ได้เกิดขึ้นมาจากประเทศในเขตหนาว โดยสานต่อและประยุกต์ประเพณีของคนโบราณก่อนยุคของคริสเตียน เดิมทีนั้น คนสมัยก่อนใช้ความเขียว (ขอบใบไม้) รวมทั้งแสงและไฟ เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตและความอบอุ่น ท่ามกลายความหนาวเหน็บ และความมืดมิด !
อย่างเช่น พวก Teutonic และ Scandinavian ที่อยู่ทางตอนเหนือของยุโรป เดิมทีพวกเขากราบไหว้บูชาต้นไม้ และตกแต่งบ้านและโรงนาด้วยต้นสน หรือต้นไม้เขียวในช่วงปีใหม่ แต่เมื่อพวกเขาหันมาศรัทธาในคริสตศาสนา จึงใส่ความหมายใหม่ลงไปในสิ่งที่ปฏิบัติอยู่
การนำต้นสนมาตกแต่งในวันคริสตมาส และเรียนกว่า ต้นคริสตมาส (Christmas tree) อย่างที่รูจักกันในสมัยใหม่นี้ ถือกำเนิดขึ้นในเยอรมนี ในช่วงยุคกลาง (The Middle Ages) เมื่อมาร์ติน ลูเธอร์ (1483-1546) ใช้เทียนไขจุดไฟ แล้วปักไว้บนต้นสน เพื่อฉลองวันคริสตมาส โดยถือเอาเทียนไขนั้น เป็นเครื่องหมายแทนดวงดาวสุกใสในคืนที่พระคริสต์ประสูติ !
แต่อีกด้านหนึ่ง เล่าว่า พระคาทอลิก นาม Boniface เดินทางไปเผยแพร่คริสตศาสนาแก่ชาวป่าทางตอนเหนือของยุโรป พบพวกชาวป่ากำลังเฉลิมฉลองด้วยการบูชายัญมนุษย์ ต่อเทพารักษ์ประจำต้นโอ๊ค ท่านจึงสอนพวกเขาให้นมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ และให้นำ ต้นสน กลับไปบ้านเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงประทานชีวิตนิรันดร์ และให้เลิกฆ่าคนบูชายัญอีกต่อไป
อนึ่ง มีหลักฐานเก่าแก่ที่สุด บันทึกว่า ประเพณีการใช้ต้นสนมาเป็นต้นคริสตมาส มีมาตั้งแต่ปี 1605
และนับจากต้นศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ทุกครัวเรือนในเยอรมันได้ใช้ต้นคริสตมาสเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาล
นอกจากนี้ ยังมีประเพณีอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับคริสตมาสอีก เช่น
การร้องเพลงอวยพรวันคริสตมาส (Christmas Carols, Carolling)
การประดับตกแต่งหรือทำฉากการประสูติ (The Nativity Scene)
การประดับบ้านด้วย หรีดฮอลลี ต้นมิสเทิลโท และ ดอกคริสตมาส (Holly wreath & Mistletoe & Poinsettia)
แล้วคุณล่ะครับ? คุณและครอบครัวมีประเพณีดี ๆ อะไรที่ทำด้วยกันหรือทำร่วมกับคนอื่นในช่วงเทศกาลคริสตมาสนี้บ้างไหม ?
ลองหาดูสักอย่างสิครับ สนุกออก!
อ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
จากหนังสือ ABC คริสตมาสนี้มีที่มา
ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน
ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com