ผู้พยากรณ์ใหญ่

บทนำ

หมวดใหญ่หมวดสุดท้ายของพันธสัญญาเดิมคือหมวดผู้พยากรณ์ ซึ่งประกอบด้วยหนังสือ 17 เล่ม และ 16 เล่มนั้นตั้งชื่อตามชื่อผู้พยากรณ์ที่กล่าวถ้อยคำเหล่านั้น (ยกเว้นเพลงคร่ำครวญ) อิสยาห์ เยเรมีย์ เอเสเคียล และดาเนียลล้วนได้ชื่อว่า ‘ผู้พยากรณ์ใหญ่’ ส่วนสิบสองคนที่เหลือได้ชื่อว่า ‘ผู้พยากรณ์น้อย’

อิสราเอลมีผู้พยากรณ์ตั้งแต่สมัยแรกโมเลสนั้นเป็นคนแรกสุดและยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดสมัยของผู้วินิจฉัยและกษัตริย์ มีผู้พยากรณ์ปรากฏอยู่ในเหตุการณ์เสมอ บางคนผ่านมาเพียงแวบเดียว แต่บางคนมีบทบาทสำคัญยิ่งเช่นเอลียาห์และเอลีชา

นอกจากโมเลสแล้ว เราไม่รู้ว่าพยากรณ์ก่อนศตวรรษที่ 8 กคศ. สอนเรื่องอะไรบ้าง แต่ตั้งแต่นั้นมาข่าวสารของอาโมสและโฮเชยาได้ถูกบันทึกไว้และยังหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน ตลอด 300 ปีต่อมามีผู้พยากรณ์ปรากฏในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลอย่างไม่ขาดสายจนถึงสมัยที่เชลยยิวกับคืนถิ่นฐานเดิมจากบาบิโลน

เราไม่ทราบแน่ว่าผู้พยากรณ์แต่ละคนเขียนหนังสือเอง หรือคนที่ฟังเป็นผู้เขียนอย่างน้อยเยเรมีย์เองได้บันทึกคำสอนบางส่วนของเขาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่เนื้อหาของคำพยากรณ์อยู่ในรูปคำพูด

ผู้พยากรณ์เป็นคนของพระเจ้า ทำหน้าที่เป็นทูตของพระองค์ บางทีคนเหล่านี้จึงพูดราวกับว่าเป็นคำพูดของเขาเอง เช่น ‘เราบอกท่านทั้งหลายว่า…’ ผู้พยากรณ์รู้แก่ใจดีว่าเขาเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเรียก (ดูอิสยาห์ 6; เยเรมีย์ 1; เอเสเคียล 1-3) และได้รับการดลใจจากพระวิญญาณ พวกเขามักสื่อข่าวสารอย่างแจ่มชัดราวกับตาเห็นโดยใช้ภาพ ท่าทางประกอบหรือนิมิต

ในปัจจุบันคำ ‘พยากรณ์’ หมายถึงการทำนายเรื่องในอนาคต และผู้พยากรณ์ในพันธสัญญาเดิมได้ทำนายเหตุการณ์อย่างถูกต้องจริง ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ แต่ข่าวสารที่ผู้พยากรณ์กล่าวถึงนั้นเกี่ยวข้องกับ ‘ปัจจุบัน’ ด้วย เพราะหน้าที่ของพวกเขาคือเรียกร้องให้ชนชาติอิสราเอลหวนคืนสู่วิถีทางของพระเจ้าและไว้วางใจในพระองค์เพียงผู้เดียว จึงสำคัญยิ่งที่เราควรรู้สถานการณ์ของสมัยผู้พยากรณ์เพื่อจะได้เข้าใจข่าวสารของเขาอย่างชัดแจ้งและได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่

 

1. เพลงคร่ำครวญ

ประกอบด้วยบทกวีห้าบทโดยไม่ได้ระบุชื่อผู้เขียน สี่บทแรกเขียนตามลำดับอักษรฮีบรูแสดงถึงความปวดร้าวของประชาชนในยามที่เยรูซาเล็มถูกบาบิโลนบดขยี้ ดูเหมือนว่าผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่เห็นกรุงแตกกับตาในปี 586 กคศ. และยังใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังอย่างแร้นแค้นขณะที่คนส่วนใหญ่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่บาบิโลน

ใจความสำคัญ

น่าสลดใจอยู่แล้วที่เยรูซาเล็มแตกและคนยิวต้องตกระกำลำบาก แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือพระเจ้าได้ทอดทิ้งคนของพระองค์ และปล่อยให้ทนทุกข์ทรมารเพราะบาปของเขา แต่ใน 3:21-27 ประกายแห่งความหวังยังสาดแสงให้เห็นเมื่อผู้เขียนไว้วางใจในพระกรุณรอันไม่รู้สิ้นสุดของพระเจ้า

 

2. โฮเชยา

จากประสบการณ์ส่วนตัวอันขมขื่นของโฮเชยาในเรื่องของภรรยาผู้หลายใจ ทำให้ขาสามารถบรรยายถึงความรักที่พระเจ้ามีต่ออิสราเอลและความเสียพระทัยที่พวกเขาปฏิเสธความรักของพระองค์ได้อย่างกินใจ

เนื้อเรื่อง

ภาค 1: โฮเชยาเศร้าเสียใจเพราะภรรยาส่วนพระเจ้าเพราะอิสราเอล 1-3

ภรรยาและลูก ๆ ของ โฮเชยา 1-2:1

อิสราเอลไม่สัตว์ซื่อ 2:2-23

โฮเชยารับภรรยากลับมา 3

ภาค 2: พระเจ้ารักแต่ต้องลงโทษ 4-13

บทส่งท้าย: พระสัญญาถึงการฟื้นฟู 14

ช่วงเวลาและสภานการณ์

สมัยโฮเชยาคาบเกี่ยวกับช่วงแรกของอิสยาห์ เขามาจากอาณาจักรเหนือ เริ่มงานในสมัยเยโรโบอัมที่สองเป็นกษัตริย์สำคัญองค์สุดท้ายแห่งอิสราเอล และอีกหกรัชกาล (ซึ่งเป็นเวลา 20 ปีแห้งความเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว) จนถึงช่วงก่อนกรุงสะมาเรียตกเป็นของอัสซีเรียใน 721 กคศ.

ผู้พยากรณ์

โฮเชยาเป็นคนมีความรู้สึกไว ประสบการณ์ส่วนตัวอันน่าสลดใจทำให้เขามีความเมตตามากขึ้น แม้เขาพยากรณ์ถึงการพิพากษาเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็พูดด้วยถ้อยคำแห่งความรักและห่วงใย

ข้อความที่มีชื่อเสียง

พระเจ้ารักอิสราเอล 11:1-4

พระเจ้าสัญญาจะอวยพร 14:4-9

บทเรียนสอนใจ

อิสราเอลนมัสการพระบาอัลพระแห่งความอุดมสมบูรณ์ของคานาอัน ความเสื่อมโทรมของศาสนาและสังคมของอิสราเอลบีบค้นให้พระเจ้าต้องทำโทษอิสราเอลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โฮเชยากล่าวถึงความรักอันมั่นคงที่พระเจ้าทรงมีต้ออิสราเอลผู้ไม่ซื้อสัตย์ พระองค์ใคร่จะให้อิสราเอลกลับมาหาและชื่นชมในพระพร

 

3. โยเอล

ภัยพิบัติอันย่อยจากตั๊กแตนเป็นเครื่องหมายเล็งถึง ‘ วันแห่งพระเจ้า ‘ ที่กำลังมาถึง ซึ่งร้ายแรงยิ่งกว่านั้นหลายเท่า โยเอลเรียกร้องให้ประชาชนกลับใจใหม่และรอคอยวันแห่งพระพรอันท่วมท้น

เนื้อเรื่อง

ภัยพิบัติจากตั๊กแตน 1 

วันแห่งพระเจ้า: เรียกให้กลับใจ 2:1-17

พระเจ้าให้พระวิญญาณกับทุกคน 2:18-32

กล่าวโทษประชาชาติ 3

เวลาที่เขียน

เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวโยเอลหรือเวลาที่เขาเขียน ใน 3:2 กล่าวว่า ‘เขาได้กระจายชนชาติของเราไปท่ามกลางประชาชาติ’ อาจบ่องบอกถึงสมัยหลังชาวยิวตกเป็นเชลยที่บาบิโลนแล้ว

ข้อความที่มีชื่อเสียง

‘ เราจะเทพระวิญญาณของเรามาเหนือมนุษญ์ทั้งปวง ’ 2:28-29

บทเรียนสอนใจ

โยเอลเรียกร้องให้อิสราเอลทั้งชาติกลับใจใหม่ มิใช่เพียงเพราะภัยพิบัติจากตั๊กแตน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัย แต่เพราะพระเจ้าจะพิพากษาความบาปที่ไม่ได้สารภาพ

เปโตรยกข้อความเรื่องการเทพระวิญญาณเหนือทุกคนมาอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเพ็นเทคอสต์

 

4. อาโมส

เป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองแต่เต็มไปด้วยการโกงกิน อาโมสห่วงเรื่องความอยุติธรรมในสังคม ซึ่งเป็นจุดใหญ่ที่บรรดาผู้พยากรณ์กล่าวประมาณครั้งแล้วครั้งเล่า

เนื้อเรื่อง

พยากรณ์กล่าวโทษประชาชาติ 1:1-2:5 กล่าวโทษอิสราเอล  2:6-6:14 นิมิตห้าอย่าง 7:1-9:10 สัญญาจะกอบกู้อิสราเอล 9:11-15

สถานการณ์

อาโมสพยากรณ์ถึงอิสราเอลอาณาจักรเหนือในศตวรรษที่ 8 กคศ. อาจก่อนโฮเชยาเล็กน้อยหรือ 2-3 ปี ก่อนอิสยาห์ อยู่ในสมัยกษัตริย์เยโรโบอัมที่สองที่รุ่งเรืองและมีชัยชนะเหนือศัตรู แต่อาโมสเล็งเห็นจุดนำไปสู่ความเสื่อมโทรมซึ่งกำลังก่อตัวขึ้น

ผู้พยากรณ์

อาโมสเป็นคนเลี้ยงแกะบ้านนอก จิตใจเป็นทุกข์กับพระดำรัสของพระเจ้า เขาเดินทาง จากเทโคอาในยูดาห์มุ่งหน้าไปทางเหนือถึง เบธเอลและกิลกาลซึ่งมีแท่นบูชาตั้งอยู่ เขาประณามความอยุติธรรมและหน้าซื่อใจคตของอิสราเอลอย้างไม่ไว้หน้าใคร

ข้อความที่มีชื่อเสียง

‘ จงให้ความอยุติธรรมหลั่งไหล ‘ 5:21-24

บทเรียนสอนใจ

อาโมสช่ำชองในการตีแผ่ภาพลวงที่ชาวยิวหลอกตัวเองอยู่ขณะประชาชนชอบอกชอบใจที่อาโมสประณามความบาปของชนชาติอื่น พวกเขาถึงกับชะงักงันเมื่อได้ยินคำว่า ‘ชาวอิสราเอลทำบาป…’ ความหวังสดใสต่อ ‘ วันแห่งพระเจ้า ‘ ในอนาคตต้องสลายไป เมื่ออาโมสพยากรณ์ว่า ‘ วันแห่งพระเจ้า ‘  เป็นวันแห่งความมืดมนแทนที่จะเจิดจ้าอย่างที่คิดสังคมจะไม่มั่นคงหากความมั่งคั่งตกอยู่กับคนแค่ไม่กี่คนและคนส่วนใหญ่ไม่ได้รับความยุติธรรม เพราะนี่มิใช่วิถีทางของพระเจ้า

 

5. โอบาดีห์

เป็นเล่มสั้นที่สุดในพันธสัญญาเดิมซึ่งทำนายถึงการสิ้นชาติเอโดม ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูดาห์ ภายหลังเมืองเพตราตั้งอยู่ในบริเวณนี้ เอโดมรีบฉกฉวยเอาผล ประโยชน์ขณะเยรูซาเล็มตกอยู่ในภาวะวิกฤติ และปล้นทรัพย์สินขณะบาบิโลนเผาผลาญเยรูซาเล็ม (586 กคศ.)

 

6. โยนาห์

เรื่องของโยนาห์ผู้พยากรณ์ที่ละล้าละลังที่สุดบทเรียนที่เขาต้องเรียนรู้คือ พระเจ้ามิได้เมตตาเฉพาะอิสราเอลชาติเดียว

เนื้อเรื่อง

พระเจ้าเรียกโยนทห์ไปพยากรณ์ที่นีนะเวห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงอัสซีเรียคู่อริของอิสราเอล เขาพยายามหลีกหนีจากหน้าที่นี้ แต่พระเจ้าทรงยับยั้งไว้ (เรื่องปลายักษ์แทรกมาตอนนี้) เมื่อโยนาห์พยากรณ์ในนีนะเวห์ ผู้คนที่นั่นพากันกลับใจใหม่และรอดจากพระพิโรธ แต่โยนาห์กลับขุ่นเคืองในเรื่องนี้มาก จึงนั่งดูจุดจบของนีนะเวห์ใต้รุ่มไม้ ต่อมาต้นไม้นั้นเหี่ยวเฉาลงท่ามกลางแสงแดดแผดหล้าโยนาห์สุดแสนเสียดาย พราะเจ้าจึงชี้ให้เห็นว่าเขาควรหันไปเมตราชาวนีนะเวห์ดีกว่า

เวลาที่เขียน

ไม่ทราบแน่ชัด ตัวโยนาห์อาจไม่ได้เขียนเอง จึงมิใช่เวลาที่ระบุใน 2 พงษ์กษัตริย์ 14:25 หรืออาจเขียนขึ้นหลังจากอัสซีเรียเสื่อมอำนาจ เพื่อดึงอดีตมาเป็นอุทาหรณ์

บทเรียนสอนใจ

โยนาห์รับความคิดที่ว่าพระเจ้าเมตตาชนทุกชาติรวมทั้งคู่อริของอิสราเอลไม่ได้เลยใจความสำคัญของเรื่องสั้นอันน่าทึ่งนี้ก็คือความรอดของพระเจ้ามีสำหรับคนทั่วโลกการที่พระเจ้าเรียกอิสราเอลเป็นชนชาติพิเศษ ก็เพื่อประโยชน์ของพวกเขาเองและให้เป็น ‘ แสงสว่างแก่ประชาชาติ ‘

 

7. มีคาห์

มีคาห์เป็นผู้พยากรณ์ยิ่งใหญ่หนึ่งในสี่ของศตวรรษที่ 8 กคศ. ร่วมกับอาโมส โฮเชยา และอิสยาห์ จากชีวิตชาวนาบนเนินเขาทำให้มีคาห์เข้าใจดีถึงความอยุติธรรมในสังคม

เนื้อเรื่อง

ความบาปของยูดาห์และอิสราเอล 1-3

การฟื้นฟูและสันติภาพ 4-5

พระประสงค์ของพระเจ้า 6

ความมืดและความสว่าง 7

ช่วงเวลาและสภานการณ์

มีคาห์พยากรณ์ในยุคเดียวกับโฮเชยา (ในอิสราเอล) และอิสยาห์ (ในยูดาห์) แต่เขาได้พยากรณ์ถึงทั้งสองอาณาจักร แม้อิสราเอลและกรุงสะมาเรียจะตกเป็นของอัสซีเรียในสมัยของเขาก็ตาม อัสซีเรียได้โจมตียุดาห์ในช่วงนี้ด้วย แต่มีคาห์กล่าวถึงเรื่องนี้เพียงย่อ ๆ เท่านั้น

ข้อความที่มีชื่อเสียง

พระเจ้าปกครองด้วยสันติภาพ 4:1-4 (เหมือนกัยอิสยาห์ 2:1-4) กษัตริย์จากเบธเลเฮม 5:2-4 น้ำพระทัยพระเจ้า 6:6-8

ใจความสำคัญ

เช่นเดียวกับผู้พยากรณ์คนอื่น ๆ มีคาห์ชิงชังเครื่องสัตวบูชาและการนมัสการที่ไม่เป็นไปตามน้ำพระทัยพระเจ้าและปราศจากความยุตธรรม สิ่งที่เขาห่วงมากที่สุด คือความอยุติธรรมทางสังคมและศาสนาที่ออกนอกสู่นอกทาง แต่เขาเฝ้าคอยอนาคตแห่งสันติภาพและพระพรจากพระเจ้า

 

8. นาฮูม

เป็นบทกวีแสดงความยินดีที่เห็นนีนะเวห์ เมืองหลวงของชาวอัสซีเรียผู้เหี้ยมโหดและเรืองอำนาจได้เสื่อมลงและล่มสลาย อาจเขียนขึ้นช่วงที่บาบิโลนและมีเดียโค่นล้มเมืองนั้นใน 612 กคศ. นี่เป็นคำพยากรณ์ที่ไม่ได้เรียกร้องให้ประชาชนกลับใจเหมือนคำพยากรณ์อื่น ๆ คำสอนที่แฝงอยู่ในเล่มนี้คือพระเจ้าทรงเป็นจอมเจ้านายเหนือประวัติศาสตร์โลก และอำนาจความแข็งแกร่งและความภาคภูมิใจในชาติไม่ได้เป็นตัวกำหนดสถานการณ์ทางการเมืองหรือการสงคราม

 

9. ฮาบากุก

ฮาบากุกขบคิดปัญหาที่ทุกยุคสมัยข้องใจกันเรื่อยมาคือ ทำไมพระเจ้าถึงอนุญาตให้คนชั่วรุ่งเรือง โดยเฉพาะเหตุใดชาวบาบิโลน (หรือเคลเดีย) ผู้ซึ่งชอบรุกรานจึงแข็งแกร่งชนชาติอื่นที่ชั่วน้อยกว่าเขา

เนื้อเรื่อง

ทำไมคนชั่วจึงรุ่งเรือง 1

ตอบของพระเจ้า 2

ผู้พยากรณ์สรรเสริญพระเจ้า 3

เวลาที่เขียน

เนื้อหาบ่งชี้ว่าเขียนขึ้นในช่วงที่บาบิโลนขึ้นเป็นมหาอำนาจ โค่นล้มอัสซีเรียใน 612 กคศ. ชนะอียิปต์ที่คารเคมิชใน 605 กคศ. และเยรูซาเล็มแตกครั้งแรกใน 597 กคศ. ฮาบากุกจึงพยากรณ์ในยุกเดียวกับเยเรมีย์นอกจากนั้นเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย

ข้อความที่มีชื่อเสียง

ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ 2:4

พระเจ้าทรงสถิตในพระวิหารบริสุทธิ์ 2:20

ใจความสำคัญ

คำถามของฮาบากุกนั้นจริงจังและสำคัญยิ่ง ซึ่งคล้ายกับปัญหาของโยบและของสดุดี 73 คำตอบไม่ใช่ในทางสติปัญญาหรือปรัชญาแต่ให้ความแน่ใจว่าความเชื่อมั่นคงนั้นจะไม่มีวันทำให้เราผิดหวังเพราะพระเจ้าทรงควบคุมทุกสิ่งในโลกและเป็นผู้ที่เราไว้ใจได้

 

10. เศฟันยาห์

เศฟันยาห์ เห็นแต่ความพินาศของเยรูซาเล็ม เพราะประชาชนไม่เชื่อฟัง แต่เขาเชื่อเช่นเดียวกับอิสยาห์ผู้พยากรณ์ที่มาก่อนว่าชาวยิงที่ถูกชำระและรอดตายจะมีอนาคตสดใส

เนื้อเรื่อง

วันพิพากษา 1:1-2:3

ประชาชาติจะพินาศ 2:4-15

ความหวังของคนที่เหลืออยู่ 3:1-13

เพลงแห่ความชื่นชมยินดี 3:14-20

สถานการณ์

เศฟันยาห์พยากรณ์ในช่วงแรกของเยเรมีย์อาจเป็นต้นรัชกาลโยสิยาห์ ก่อนการปฏิรูปศาสนาอันยิ่งใหญ่

บทเรียนสอนใจ

เศฟันยาห์เน้นปัญหาที่ผู้พยากรณ์หลายคนถามถึงคือการพิพากษาและความพินาศของอิสราเอลจะประสานกับความหวังที่ว่าจะมีอนาคตชั่วนิรันดร์ได้อย่าไร คำตอบคือการพิพากษาจะชำระประชาชน ล้างคาวความหยิ่งยโสและการเพิกเฉย ผู้ที่เหลืออยู่จะเป็น ‘ คนที่ถ่อมใจและเจียมตัว เขาจะแสวงหาที่ลี้ภัยในพระนามแห่งประเจ้า ‘ (3:12)

 

11. ฮักกัย

ผู้พยากรณ์สามคนสุดท้ายในพันธสัญญาเดิมทำงานในสมัยที่เชลยยิวเพิ่มหวนคืนถิ่นเดิมเช่นเดียวกับเศคาริยาห์ ฮักกัยเร่งเร้าให้ชาวยิงร่วมแรงร่วมใจกันบูรณะพระวิหารต่อไป

เนื้อเรื่อง

ประชาชนยอมบูรณพระวิหาร 1

ความโอ่อ่าของพระวิหาร 2:1-9

พระเจ้าอวยพรเชื่อฟัง 2:10-19

กำชับเศรุบบาเบล 2:20-23

เวลาที่เขียน

ฮักกัยระบุเวลาอย่างชัดแจ้ง เขาพยากรณ์ใน 520 กคศ. เอสรา 5:1-2 และ 6:14 กล่าวถึงทั้งเศคาริยาห์และฮักกัยที่เร่งเร้าให้บูรณะพระวิหารซึ่งเสร็จสิ้นใน 516 กคศ.

ข้อความที่มีชื่อเสียง

ปัญหาเงินเฟ้อ 1:6

บทเรียนสอนใจ

ผู้ว่าเศรุบบาเบลนำเชลยยิวเริ่มบูรณะพระวิหารแต่ความท้อใจทำให้ชะงักไป พวกเขาหันไปสร้างบ้านเรือนสวยงามสำหรับตัวเองฮักกัยท้าทายลำดับความสำคัญก่อนหลังที่ไม่ถูกต้องนี้ ประชาชนยอมทำตามซึ่งต่างจากผู้พยากรณ์คนอื่น เขาสอนว่าเราจะได้รับความมั่นคงอันแท้จริงต่อเมื่อยอมทำให้พระประสงคิของพระเจ้าสำเร็จก่อน

 

12. เศคาริยาห์

เศคาริยาห์ผู้เห็นนิมิตเสมอๆ  ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับฮักกัย  คำพยากรณ์ของเขาให้ภาพชัด และกินใจยิ่งนัก

เนื้อเรื่อง

ภาค  1 : ยุคใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว 1-8   

คำนำ 1 :1-6  

นิมิต 8 อย่าง 1:7-8:23 

ภาค  2 : อิสราเอลและประชาชาติ 9-14  

ข่าวสารครั้งแรก 9-11 

ข่าวสารครั้งที่สอง  12-14 

ช่วงเวลาและสถานการณ์

เศคาริยาห์พยากรณ์ถึงเยรูซาเล็มและการบูรณะพระวิหารนานกว่าฮักกัย  คือตั้งแต่ 520-518  กคศ.  ภาคสอง (บทที่ 9-14 ) ของเล่มนี้ต่างจากภาคแรกมาก  บางคนทึกทักว่าอาจมีผู้เขียนสองคน  และผู้เขียนคนที่สองเขียนในสมัยหลัง  สิ่งที่เชื่อมโยงสองภาคนี้ ( และมาลาคีด้วย) ก็เป็นหัวข้อนั่นเอง  คือยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยพระพร

ข้อความที่มีชื่อเสียง

ชัยชนะโดยพระวิญญาณของพระเจ้า 4:6  จอมกษัตริย์กำลังจะมา  9:9 

ใจความสำคัญ

เชลยยิวกลุ่มเล็กที่กลับมาเยรูซาเล็มพากันตื่นเต้นกับการใช้ชีวิตใหม่  แม้อาจเผชิญกับความยุ่งยากอยู่บ้าง  แต่พวกเขาก็กำลังทำตามการทรงนำของพระเจ้า  เศคาริยาห์เริ่มจากจุดนี้ไปถึงยุคใหม่   มิใช่สำหรับเยรูซาเล็มเท่านั้นแต่ทั้งโลกด้วย  ท่ามกลางคำพยากรณ์ถึงยุคใหม่  เราพบข้อความเกี่ยวกับ ‘ พระเมสสิยาห์’ กษัตริย์แห่งความรัก  และยุติธรรมที่พระเจ้าจะส่งมายังโลก  นี่เป็นเหตุที่พันธสัญญาใหม่ยกย่องคำในเศคาริยาห์มาอ้างอิงบ่อยๆ   เพราะคริสเตียนสมัยแรกเชื่อว่าพระเมสสิยาห์องค์นี้คือพระเยซู

 

13. มาลาคี

มาลาคีท้าทายประชาชนถึงความสัมพันธ์กับพระเจ้าและความเชื่อฟังพระองค์

เนื้อเรื่อง

พระเจ้ารักอิสราเอล  1 :1-5 

เครื่องถวายบูชาที่ไร้ค่า  1 :6-2:9 

ฝ่าฝืนพระบัญญัติ 2 :10-16 

พระเจ้าจะพิพากษา  2:17-3:5 

การถวายสิบลด  3:6-12 

พระเจ้าสัญญาจะเมตตา   3:13-4:6

สถาณการณ์

มาลาคีแปลว่า ‘ ทูตของเรา ‘ ยอมรับกันว่ามาลาคีพยากรณ์หลังฮักกัยกับเศคาริยาห์ประมาณ 80 ปี  และก่อนหน้าที่เนหะมีย์จะรับตำแหน่งผู้ว่าราชการเยรูซาเล็มเล็กน้อยราวกลางศตวรรษที่ 5 กคศ.  อันเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก  และประชาชนเริ่มหย่อนยานในการทำตามพระบัญญัติ

ข้อความที่มีชื่อเสียง

ทูตพระเจ้า 3 : 1  

เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า  3 : 10 

ความชอบธรรมจะเข้ามา 4:2

บทเรียนสอนใจ

มาลาคีเชื่อว่าทางเดียวที่จะรับพระพร  คือ  ปฎิบัติตามพระบัญญัติอย่างเต็มใจ  นานกว่าเชลยยิวจะตั้งชาติขึ้นใหม่อีกครั้ง  พวกเขาจึงเริ่มท้อใจ  แต่นี่เป็นเพราะพวกเขาทำตามอำเภอใจมากกว่าน้ำพระทัยพระเจ้า  มาลาคีท้าทายชาวยิวให้จัดลำดับความสำคัญก่อนหลังใหม่ให้ถูกต้อง  และหนุนใจว่าพระเจ้าจะอวยพรชาวยิวให้มีอนาคตสดใส

 

เขียนโดย คุณโปรดปราน