รากฐานของความเชื่อคริสเตียน

หลังจากที่พระเยซูคริสต์ตายแล้ว 3 วัน สิ่งมหัศจรรย์ก็ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ นั่นก็คือ พระเยซูคริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย และทรงอยู่กับสาวก 40 วันหลังจากนั้นก็ทรงเสด็จขึ้นประทับอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระบิดา นี่เป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของความเชื่อคริสเตียน

เพียงแต่คนคนหนึ่งหาหลักฐานเพียงชิ้นเดียวมายืนยันได้ว่า เรื่องการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์เป็นเรื่องโกหก เป็นเรื่องไม่จริง เขาก็สามารถลบล้างศาสนาคริสเตียนออกจากโลกนี้ได้เลย แต่นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีคนหลายร้อยหลายพันคนพยายามหาข้อมูลทางและหลักฐานประวัติศาสตร์เพื่อจะลบล้างความจริงในเรื่องนี้ แต่ข้อมูลและหลักฐานที่พวกเขาค้นพบนั้นแทนที่มันจะบอกว่า เรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์เป็นเรื่องโกหก แต่มันกลับตรงกันข้าม เพราะว่าข้อมูลและหลักฐานที่พวกเขาค้นพบนั้นมันกลับยิ่งสนับสนุนมากยิ่งขึ้นว่า พระเยซูคริสต์ได้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้วจริง และพวกเขาก็ต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นคนบาปและหันกลับมาพึ่งในความรอดที่พระเยซูคริสต์ประทานให้แพวกเขาทีละคนๆ หลักฐานที่มั่นคงและไม่มีใครสามารถที่จะปฏิเสธได้ที่พวกเราคริสเตียนมีอยู่ในเวลานี้ ส่วนมากก็มาจากข้อมูลและหลักฐานของคนเหล่านั้นที่ตอนแรกไม่เชื่อและต่อมาก็ต้องยอมรับว่าจริง

ถ้าผมเป็นเพื่อนรักกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนทั้งปวงทั่วโลกต่างก็รู้

วันหนึ่งประธานาธิบดีตายไป มีผมรู้คนเดียว และผมได้เอาศพไปฝังไว้ใต้ดิน ต่อมามีนักข่าวมาถามผมว่า "ประธานาธิบดีไปไหน" ผมก็ตอบว่า "ไปราชการลับต่างประเทศอีก 10 วันกลับ" คุณคิดว่าเขาจะเชื่อผมไหม? อาจจะเชื่อ ... แต่เชื่อเกิน 1 ปีไหม ? ไม่มีทาง

เรื่องไม่จริงอยู่ไม่นาน ถ้าเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ไม่จริง ก็ไม่มีทางอยู่ได้จนกระทั่งทุกวันนี้

มีทนายความชาวอังกฤษคนหนึ่งชื่อ แฟรงค์ มอริสัน ตอนแรกท่านก็ไม่เชื่อ เรื่องการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์ แต่ต่อมาเมื่อท่านศึกษาหาข้อมูล และตั้งสมมติฐานหลายประการก็ต้องยอมรับว่า พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตายแล้วจริง ๆ ท่านได้เขียนในหนังสือของท่านเกี่ยวกับการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูว่า "ถ้าใครคนหนึ่งไม่เชื่อการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ เขาก็ต้องอธิบายให้ได้ว่า พระศพของพระเยซูหายไปไหน ? และต้องอธิบายได้ว่า การที่สาวกหลายร้อยคนที่เห็นพระเยซูในคราวเดียวกันและหลายวัน เป็นอย่างไร? ... เพราะนี่เป็นเรื่องจริงที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ (คุณสามารถไปดูได้จากตำราต่างๆที่พูดถึงอารยธรรมตะวันตกจากผู้เขียนที่มีใจเป็นกลางและสัตย์ซื่อต่อข้อมูลที่เขาค้นพบ)"

ข้างล่างต่อไปนี้เป็นข้ออ้างของคนที่ไม่เชื่อในเรื่องการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์

1. เขาอ้างว่าศพพระเยซูหายไปเพราะคนที่ตรึงพระเยซูเอาไปเอง

คำตอบของคริสเตียน - ถ้าเป็นเช่นนี้เมื่อสาวกของพระเยซูประกาศว่าพระเยซูเป็นขึ้นจากตาย เขาก็เอาศพออกมาให้ดูได้ว่า พวกสาวกโกหก

2.เขาอ้างว่าพระศพพระเยซูหายไปเพราะสาวกขโมยไป

คำตอบของคริสเตียน - อาจเป็นไปได้ แต่ถ้าสาวกขโมยศพไปพวกเขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจ เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาก็รู้ดีว่า พวกเขากำลังโกหก และทำไมพวกเขาจึงยอมตายเพื่อเรื่องโกหกไม่จริงด้วย อาจจะว่าพวกเขาเป็นคนบ้า แต่ประวัติศาสตร์ได้บอกเราอย่างชัดเจนว่า พวกสาวกไม่ได้บ้า และ ไม่เพียงแต่สาวกในรุ่นแรกจะยอมตายเพื่อพระเยซูเท่านั้น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีคนตายเพื่อความเชื่อในพระเยซูคริสต์สูงถึง 40 ล้านคนทั่วโลก

3.เขาอ้างว่าการที่พระศพพระเยซูหายไปเพราะพระเยซูแกล้งตายต่อมาจึงหลบหนีไป

คำตอบของคริสเตียน - เป็นไปไม่ได้ ในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์บันทึกอย่างชัดเจนว่า หลังจากพระเยซูตาย ทหารได้เอาหอกมาแทงสีข้าง และน้ำกับเลือดก็ไหลออกมา ซึ่งวงการแพทย์ก็รู้ดีว่า ถ้ามีลักษณะเช่นนี้แสดงว่าตายแน่แน่ และอีกอย่างพระเยซูรับการทรมาณอย่างมากบนไม้กางเขน ถ้าแกล้งตายจะมีแรงเปิดปากอุโมงค์และต่อสู้ทหาร 20-30 คนได้อย่างไร?(พระเยซูถูกฝังไว้ในอุโมงค์ฝังศพ และมีพวกทหารมาเฝ้า 1 กอง เพราะพวกศัตรูกลัวว่า พวกสาวกจะมาขโมยศพไป แล้วมาอ้างว่าพระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากตาย)

4.เขาอ้างว่าการที่พระศพของพระเยซูหายไปเพราะคนอื่นขโมยไป

คำตอบของคริสเตียน - เป็นไปไม่ได้ ไม่มีแรงจูงใจอะไรที่คนไม่เกี่ยวข้องจะทำเช่นนั้น และต้องเสี่ยงอันตรายด้วย

5.เขาอ้างว่าการที่พระศพของพระเยซูหายไปเพราะพวกทหารเฝ้าอุโมงค์ขโมยไปเอง

คำตอบของคริสเตียน - เป็นไปไม่ได้เพราะการที่ทหารจะทำอย่างนั้น เขาต้องพร้อมใจกันทำทั้งหมด(มีทหารเฝ้าอุโมงค์ฝังศพ 20-30 คน) และต้องเสี่ยงกับกฏหมายที่มีบทลงโทษอย่างรุนแรง และที่สำคัญไม่มีแรงจูงใจอะไรในการที่ทหารจะทำเช่นนั้น

6.เขาอ้างว่าพระเยซูคริสต์ที่พวกสาวกหลายร้อยคนเห็นพร้อมกันนั้นเป็นภาพลวงตา

คำตอบของคริสเตียน - วงการแพทย์บอกอย่างชัดเจนว่า คนเราอาจเห็นภาพลวงตาได้ แต่ไม่มีใครเห็นภาพลวงตาที่เหมือนกันได้เลย นั่นแสดงว่าข้ออ้างนี้เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ถ้าเช่นนั้นจะมีคำอธิบายอะไรได้อีกว่า พระศพของพระเยซูคริสต์หายไปไหน?พระเยซูคริสต์ที่หลายร้อยคนเห็นพร้อมกันนั้นคืออะไรกันแน่? นอกจากจะอธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้วจริง ๆ

นอกจากข้อพิสูจน์ข้างต้นนี้แล้ว พวกเราคริสเตียนยังมีข้อมูลอีกมากเกี่ยวกับ การเป็นขึ้นมาจากความตาย ซึ่งท่านผู้อ่านที่รักสามารถไปหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ศึกษาเพิ่มเติมได้ในคริสตจักรที่ใกล้บ้านท่าน

แต่ผมเชื่อว่าตามเหตุผลข้างต้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ท่านสามารถตัดสินใจว่าเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์นี้เป็นเรื่องจริง และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ท่านมั่นใจได้เลยว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นจากตายและยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้และตลอดไปเป็นนิตย์ นั่นก็คือ ไม่ว่าข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของพระองค์ไปที่ไหน ความหวังใหม่ การเปลี่ยนแปลงใหม่ ชีวิตใหม่ก็เกิดที่นั่น คนที่ชั่วช้ารับการเปลี่ยนแปลง คนที่สิ้นหวังได้รับพลัง คนที่ท้อถอยได้กำลังใจ คนที่กลัวตายกลับกล้าเผชิญกับความตายได้อย่างกล้าหาญ เพราะข่าวเรื่องความรอดของพระองค์

เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านจะรอช้าอยู่ทำไม ขอเชิญท่านตัดสินใจเถิด

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์
จากหนังสือ พระเจ้าเกี่ยวข้องกับฉันอย่างไร?

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com