ย้ายบ้านอีกครั้ง

"เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ
ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า"
(เยเรมีย์ 29:11)

พี่ภายังคงแวะเวียนมาพบฉันทุกสัปดาห์ ภาระหน้าที่ของเธอยังไม่สิ้นสุด เธอมาสอนพระคำของพระองค์ให้กับฉันในเวลาพักกลางวัน เธอบอกว่า พระคำของพระเจ้านั้นล้ำลึก หากเราไม่อธิษฐานก่อนการอ่าน ก็จะไม่อาจเข้าใจถึงพระวจนะของพระองค์ได้ ตอนนั้นฉันรู้สึกอายๆ เหมือนกัน ที่ต้องนั่งอธิษฐานในโรงอาหาร แต่ฉันไม่ได้อยู่ตามลำพัง พี่ภาอยู่กับฉัน และพระเจ้าก็อยู่ท่ามกลางการเรียนของเรา

พี่ภาแนะนำให้ฉันเริ่มต้นอธิษฐานแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าเรื่องการไปโบสถ์ เพื่อไปฟังพระคำของพระองค์ที่จะตรัสกับเราผ่านผู้เทศนา สามัคคีธรรมกับพี่น้องในพระคริสต์ แบ่งปันคำพยานชีวิต และหนุนใจซึ่งกันและกัน เราเห็นด้วยตรงกันว่า หากฉันเข้านมัสการที่โบสถ์ ก็จะต้องหาคนคอยดูแลนิคกี้ในห้องเลี้ยงเด็กอ่อน พวกเราช่วยกันอธิษฐานให้ทุกสิ่งเป็นไปตามที่พระเจ้าจะจัดเตรียม

วันหนึ่งเมื่อฉันกลับถึงบ้าน อาสะใภ้บอกว่า "วันนี้อาไม่อยู่บ้าน นิคกี้โดนป้าหยิกหลายครั้งเลย เพราะดื้อและซนมากๆ" "อาเองก็ไม่ค่อยมีเวลาที่จะดูแลนิคกี้ให้กับเค็ง อาคิดว่า เค็งย้ายไปอยู่กับแม่ดีกว่าไหม แล้วอาจะซื้อแอร์และเครื่องทำน้ำอุ่นให้" อาสะใภ้ยื่นขอเสนอเพื่อเป็นการยืนยันว่า ชีวิตของฉันและลูกจะไม่ได้ลำบากมากกว่าการอาศัยอยู่ที่นี่

แม่ของฉันอาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยง และลูกสาวของพวกเขา "น้องมุก" วัย 7 ปี ในบ้านเช่าย่านดอนเมือง ฉันเคยพานิคกี้ไปค้างคืนที่บ้านแม่บ้างแล้ว การที่ต้องกางมุ้งและเปิดพัดลมเพื่อลดความร้อนในห้องนั้นก็ไม่ได้สร้างความหงุดหงิด งอแงให้กับนิคกี้มากนัก

อีกเหตุผลหนึ่งที่น่าสนับสนุนการย้ายบ้านครั้งนี้ก็คือ ตั้งแต่อายุ 13 ปี ฉันมักได้พบแม่เพียงแค่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ตอนนี้อาบอกให้ฉันกับลูกย้ายไปอยู่กับแม่ จะทำให้ฉันได้อยู่ใกล้แม่มากกว่าเดิม แม่คงจะดีใจเช่นกันที่ได้กอดหลานทุกวัน ฉันจึงบอกกับอาว่า

"ก็แล้วแต่อาค่ะ" ตอนนั้นฉันอดตั้งคำถามในใจไม่ได้ว่า ทุกๆ คนเบื่อที่จะต้องดูแลนิคกี้ให้ฉันแล้วหรือ แต่ฉันก็ไม่ได้โกรธหรือน้อยใจอาและป้าแต่อย่างใด เมื่อมองย้อนกลับไปจากจุดนี้ ฉันเห็นได้ถึงคำตอบของพระเจ้า พระองค์ทรงฟังคำอธิษฐานของฉันและพี่ภา แผนการของพระองค์นั้นล้ำเลิศเหนือความคาดหมาย

เมื่อมาอยู่ที่บ้านแม่ ฉันจึงมีโอกาสที่จะไปนมัสการพระเจ้าที่โบสถ์เดียวกับพี่ภาและพี่ลิลลี่ทุกวันอาทิตย์ ในช่วงแรกๆ แม่เป็นผู้ดูแลนิคกี้ให้ในห้องเลี้ยงเด็กอ่อน น้องมุกเริ่มมีเพื่อนหลายๆ คนในโบสถ์ จึงได้เข้าชั้นเรียนพระคัมภีร์กับเด็กๆ ในวัยเดียวกัน เมื่อนิคกี้เริ่มคุ้นเคยกับผู้ปกครองท่านอื่นๆ ในห้องเลี้ยงเด็ก จึงมีการผลัดเปลี่ยนกันดูแลนิคกี้ เพื่อให้แม่ของฉันได้เข้าโบสถ์นมัสการพระเจ้า และฟังคำเทศนาด้วย

เวลาและการจัดเตรียมของพระเจ้านั้น เที่ยงแท้และไม่มีผิดพลาด การย้ายบ้านครั้งนั้น สร้างความหงุดหงิดใจ ก่อให้เกิดอุปสรรคเล็กน้อยในการเดินทางไปทำงาน แต่ได้มาซึ่งจิตวิญญาณ 2 ดวง ที่พระเจ้าประทานความรอดให้ นับเป็นของขวัญอันล้ำค่าที่แลกด้วยการเปลี่ยนแปลงเพียงน้อยนิด

ฉันเข้าพิธีรับบัพติสมา ในวันที่ 16 ธันวาคม 2001 เพื่อเป็นการยืนยันว่า ตัวตนเก่าของฉันได้ตายไปแล้ว ฉันได้บังเกิดใหม่ในองค์พระเยซูคริสต์ จะมีชีวิตที่ไม่ทำตามใจตนเอง จะเชื่อฟังและติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าของฉันตลอดไป ในวันนั้น นิคกี้ได้รับการถวายให้เป็นบุตรของพระเจ้าด้วย ที่ประชุมยังร่วมกันอธิษฐานขอน้ำพระทัยของพระเจ้าให้พ่อของนิคกี้กลับใจ และกลับมาหาพวกเรา

แม่ของฉันได้เข้าพิธีรับบัพติสมา 1 ปีให้หลัง

สรินยา วูด
จากหนังสือ แสงแห่งความหวัง

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com