ห้องรับแขก

ต่อมา เราได้ก้าวเข้าสู่ห้องรับแขก

ห้องนี่ค่อนข้างรโหฐานและสะดวกสบาย ข้าพเจ้าชอบห้องนี้ มีเครื่องทำความเย็น มีเก้าอี้นุ่มสบาย มีโซฟา ชั้นวางหนังสือ และบรรยากาศเงียบสงบ

พระองค์ทรงพอพระทัยห้องนี้เช่นกัน ตรัสว่า

"ห้องนี้น่าสบาย เราจะเข้ามากันบ่อย ๆ เป็นสัดส่วน และสงบดี เราจะคุยกัน ใช้เวลาด้วยกันที่นี่"

เป็นธรรมดาอยู่เอง ในฐานะที่เพิ่งเป็นคริสเตียนไม่นาน ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้น คิดว่าไม่มีอะไรน่าทำไปกว่าการใช้เวลาช่วงหนึ่งประมาณ 2-3 นาทีกับพระคริสต์อย่างมิตรสนิท พระองค์ทรงสัญญากับข้าพเจ้าว่า

"เราจะอยู่ที่นี่ทุกเวลาเช้า มาพบเรา และจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกัน"

ดังนั้น ทุกเช่น ข้าพเจ้าจะลงมาข้างล่าง เข้าไปในห้องรับแขก และพระองค์จะทรงหยิบพระคัมภีร์จากชั้นหนังสือ ทรงเปิดออก และเราก็อ่านด้วยกัน

พระองค์ทรงบอกให้ข้าพเจ้าทราบถึงสมบัติล้ำค่าในนั้น และเปิดเผยความจริงแก่ข้าพเจ้า ทรงกระทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอบอุ่นใจ ขณะที่ทรงสำแดงความรัก และพระกรุณาคุณแก่ข้าพเจ้า ช่างเป็นช่วงเวลาที่วิเศษเกินที่จะได้อยู่ด้วยกัน

เราเรียกห้องรับแขกนี้ว่า "มุมสงบ" เพราะเป็นช่วงเวลาที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกัน

แต่แล้ว เนื่องจากมีหน้าที่รับผิดชอบหลายอย่าง เวลาช่วงนี้ก็ค่อย ๆ หดสั้นเข้าทุกที เพราะอะไรก็ไม่ทราบแน่ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองมีธุระยุ่งเกินกว่าที่จะใช้เวลากับพระคริสต์ ไม่ได้เจตนาละเลยพระองค์หรอด แต่ท่านก็รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร

ในที่สุด ไม่เพียงแต่เวลาหดสั้นเข้าเท่านั้น ข้าพเจ้าเริ่มขาดไปวันหนึ่ง แล้วก็ขาดอีกวัน เดี๋ยวมีสอบ เดี๋ยวมีธุระด่วนอย่างอื่น บางครั้งข้าพเจ้าขาดไปทีเดียว 2 วันบ้าง แล้วก็บ่อยขึ้น ๆ

ข้าพเจ้าจำได้ดี เช้าวันหนึ่ง ข้าพเจ้ากำลังผลุนผลันลงบันไดจะรีบไปทำธุระ ขณะที่เดินผ่านห้องรับแขก ประตูเปิดอยู่ ข้าพเจ้ามองเข้าไปข้างใน เห็นเครื่องทำความเย็นกำลังทำงานอยู่ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าประทับอยู่ในห้องนั้น

ข้าพเจ้าสะดุ้งเฮือกคิดขึ้นมาได้

"ตายล่ะ พระองค์ทรงเป็นแขกของเรา เราเชิญพระองค์เข้ามาในจิตใจ ให้พระองค์เสด็จเข้ามาเป็นเจ้าชีวิตแห่งบ้านของเรา แต่แล้วเรากลับมาละเลยพระองค์เสียอย่างนี้"

ข้าพเจ้าหันกลับเดินเข้าไปในห้อง สายตาตกมองพื้น ข้าพเจ้ากราบทูลพระองค์ว่า

"ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโปรดยกโทษให้ข้าพระองค์ พระองค์เสด็จมาที่นี่ทุกเช้าหรือพระเจ้าข้า"

"ถูกแล้ว" พระองค์ตรัส "เราได้บอกเจ้าแล้วว่า เราจะมาพบเจ้าที่นี่ทุกเช้า"

ข้าพเจ้าละอายใจยิ่งขึ้น พระองค์สัตย์ซื่อทั้ง ๆ ที่ข้าพเจ้าอสัตย์

ข้าพเจ้ากราบทูลขออภัยโทษ พระองค์ก็ทรงยกโทษทันที เหมือนทุกครั้งที่เรารู้สึกสำนึกผิดอย่างแท้จริง

พระองค์ตรัสว่า

"ปัญหาของเจ้าอยู่ตรงที่ว่า เจ้าคิดว่าเวลาเฝ้าเดี่ยวซึ่งเป็นเวลาศึกษาพระคัมภีร์ และอธิษฐานนั้น เป็นส่วนหนึ่งในการเจริญฝ่ายจิตวิญญาณของเจ้าฝ่ายเดียว แต่เจ้าลืมไปว่า ช่วงเวลานี้ก็มีความหมายสำหรับเราด้วย อย่าลืมว่าเรารักเจ้า เราได้ไถ่เจ้าด้วยราคาสูงล้ำ เราต้องการมีสัมพันธภาพกับเจ้า"

ท่านก็ทราบ ไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากความจริงที่ว่า พระครสิต์ต้องการมีสามัคคีธรรมกับข้าพเจ้า พระองค์ทรงรักข้าพเจ้า ทรงต้องการให้ข้าพเจ้าอยู๋กับพระองค์ พระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า รอคอยข้าพเจ้า ความจริงนี้เท่านั้น ที่เปลี่ยนแปลงการเฝ้าเดี่ยวของข้าพเจ้า

อย่าปล่อยให้พระคริสต์รอท่านอยู่อย่างเดียวดายในห้องรับแขกภายในใจของท่าน แต่จงหาเวลาทุกวันสามัคคีธรรมกับพระองค์ โดยทางพระวจนะของพระเจ้า และโดยคำอธิษฐาน

องค์การเยาวชนไทยเพื่อพระคริสต์ (YFC)
จากหนังสือ ใจฉันคือบ้านพระคริสต์
แปลโดย วรรณา ชานวิทิตกุล
(My Heart Christ's Home : Robert Boyd Munger)

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com