พระเยซูคริสต์...ผู้ที่ไปแล้วกลับ หลับแล้วตื่น

การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ เป็นรากฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งของคริสเตียน ถ้าเรื่องนี้ไม่จริงศาสนาคริสเตียนก็เป็นศาสนาที่โกหกหลอกลวงที่สุดในโลก

ถ้าใครคนหนึ่ง สามารถที่จะหาหลักฐานเพียงอย่างเดียวมายืนยันได้ว่าเรื่องของพระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจาก ความตายเป็นเรื่องโกหกเขาก็สามารถลบล้างศาสนาคริสเตียนออกจากโลกนี้ได้เลยและ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีคนมากมายพยายามจะหาข้อมูลและหลักฐานเพื่อที่จะลบล้าง หลักข้อเชื่อนี้ของคริสเตียนแต่ข้อมูลหลักฐานที่เขาค้นพบนั้นแทนที่มันจะบอกว่าการเป็นขึ้น จากความตายของพระเยซูคริสต์เป็นเรื่องโกหกแต่มันกลับตรงกันข้ามเพราะหลักฐานและ ข้อมูลที่ค้นพบนั้นมันกลับสนับสนุนให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่า "พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตายแล้วจริง ๆ"

ถ้าพระเยซูไม่ได้เป็นขึ้นมาจากความตายเขาจะฉลองวันเกิดให้พระเยซูทำไม (วันคริสต์มาสเป็นวันที่ทั่วโลกฉลองวันเกิดให้พระเยซู) ถ้าใครไปฉลองวันเกิดให้กับคนที่ ตายไปแล้ว (เพราะสำหรับคนตายเราไม่ใช้คำว่า "ฉลอง" แต่ใช้คำว่า "ระลึกถึง"

ถ้าพระเยซูไม่ได้เป็นขึ้นมาจากความตายความเชื่อนี้จะอยู่ได้ถึง 2,000 ปีหรือ ?

ถ้าผมกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นเพื่อนรักกันคนรู้กันทั่วโลก วันหนึ่งสมมุติว่า ประธานาธิบดีตายผมก็เอาศพท่านไปฝังใต้ดิน ซึ่งมีผมรู้คนเดียว ต่อมามีนักข่าวมาถามผมว่า "ประธานาธิบดีไปไหน" ผมบอกว่า "ไปเมืองนอกอีก 2-3 จะกลับ" นักข่าวจะเชื่อผมไหม... ? อาจจะเชื่อ... แต่เชื่อเกิด 10 ปีไหม...? ไม่มีทาง เรื่องไม่จริงไม่มีทางอยู่ได้นานเป็นแน่แต่เพราะว่า การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์เป็นเรื่องจริงดังนั้นเกือบ 2,000 ปีแล้วคน ก็ยังเชื่อในพระองค์และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ศพของศาสดาของศาสนาต่าง ๆ ในโลกยังอยู่ แต่ศพของพระเยซูคริสต์หายไปจากอุโมงค์ฝังศพ ถ้าใครไม่เชื่อเรื่องเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ เขาก็าต้องอธิบายให้ได้ว่า... " ศพของพระเยซูคริสต์หายไปไหน "

แฟรงค์ มอริสัน ทนายความชาวอังกฤษด้วยความไม่เชื่อในการเป็นขึ้นมาจากความตาย ของพระเยซูคริสต์ทำให้เขาศึกษาหาข้อมูลสมมุติฐานต่าง ๆ นา ๆ เพื่อพยายามจะอธิบาย ให้ได้ว่า "ศพพระเยซูหายไปใหน ?.." สุดท้ายเขาก็ยอมจำนนด้วยหลักฐานและข้อมูลที่เขาค้นพบ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิตเพราะเขามั่นใจแล้วว่าพระเยซูคริสต์ ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้วจริง

ข้างล่างนี้เป็นสมมุติฐานในการอธิบายว่า "ศพพระเยซูคริสต์หายไปไหน ?"

1. ศพพระเยซูหายเพราะถูกศัตรู (คนที่ตรึงพระเยซูคริสต์) ขโมยไป

นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าถูกศัตรูขโมยศพไปเมื่อสาวกของพระเยซูคริสต์ประกาศ ว่าพระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตายศัตรูก็สามารถเอาศพมาคัดค้านคำประกาศของสาวกได้

2. ศพพระเยซูหายเพราะสาวกของพระเยซูขโมยไปเอง

อาจจะเป็นไปได้แต่พวกสาวกต้องสู้กับทหารที่เฝ้าอุโมงค์ (เพราะพวกศัตรูกลัวว่าพวกสาวก จะมาขโมยศพหรือมาแย่งศพไป เพราะพระเยซูคริสต์ได้บอกก่อนที่พระองค์จะตายบนไม้กางเขนว่า หลังจากที่พระองค์ตายไปแล้ว 3 วันจะเป็นขึ้นมาจากความตายพวกศัตรูก็รู้เรื่องนี้ดีและไม่เชื่อ กลัวว่าพวกสาวกจะมาขโมยศพไปจึงให้ทหารมาเฝ้า) และถ้าพวกสาวกเป็นคนเอาศพไปจริง พวกเขาก็ต้องรู้ดีว่าสิ่งที่เขาประกาศนั้นเป็นเรื่องไม่จริงถ้าเป็นเช่นนั้นใครจะยอมตายเพราะเรื่องไม่จริง และโกหก เพื่อเสียประโยชน์ (ตั้งแต่พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความาตายจนถึงปัจจุบันมีคนยอมตายเพื่อ พระเยซูคริสต์เจ้าถึง 40 ล้านคน) เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้

3. ศพพระเยซูหายไปเพราะคนอื่นมาขโมยไป

ไม่มีแรงจูงใจอะไรเลย ที่คนไม่เกี่ยวข้องจะมาขโมยศพไป ทั้งยังต้องต่อสู้กับทหารที่ เฝ้าอุโมงค์ฝังศพด้วย

4. ศพพระเยซูหายไปเพราะทหารเฝ้าอุโมงค์เอาไป

คำถามก็คือ "ทำไมพวกเขาจึงทำเช่นนั้น" ได้ประโยชน์อะไร ? และจะเสี่ยงต่อการ คอขาดทำไม ? (เพราะกฎหมายเวลานั้นเอาโทษหนักสำหรับทหารของอาณาจักรโรมัน)

5.ศพพระเยซูหายเพราะพระเยซูไม่ได้ตายจริง แต่แกล้งตาย หลังจากนั้นจึงหนีไป

ข้ออ้างนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะว่าพระเยซูก่อนถูกตรึงบนไม้กางเขน จะต้องถูก ทรมารอย่างหนัก หลังจากนั้นถูกตะปูตอกติดบนไม้กางเขน 6 ชั่วโมง และเมื่อสิ้นใจก็ถูกแทง ด้วยหอกที่สีข้างกและถูกมัดด้วยผ้าหนัก 45 กิโลกรัมมีเครื่องหอมหนัก 100 กิโลกรัมวางบนตัว ถูกขังในอุโมงค์ที่มีหินใหญ่ปิดไว้ มีทหารเฝ้าอย่างแข็งแรง ดังนั้น ถ้าพระเยซูคริสต์ไม่ได้ตายจริง ก็ต้องแกล้งตาย (แกล้งกลั้นลมหายใจ) และจะต้องช่วยตัวเองให้พ้นจากพันธนาการ หลังจากนั้น ก็สู้รบกับทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย

จากเหตุผลข้างต้นทำให้เราไม่มีเหตุผลอื่นที่จะอธิบายได้เลยว่า "ศพพระเยซูหายไปใหน" นอกจากอธิบายว่า "พระเยซูคริสต์ได้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้วจริง ๆ " พระคัมภีร์ยังได้บันทึกอีกว่า หลังจากพระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว ได้มีคนเป็นจำนวน มากมายที่ได้เห็นพระองค์ และมีครั้งหนึ่งที่มีคนมากกว่า 500 คน เห็นพระองค์พร้อมกัน พระเยซูคริสต์ได้ทรงมาตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาป หลังจากนั้นวันที่ 3 พระองค์ก็ได้เป็นขึ้นมาจาก ความตายและพระองค์ก็ได้เสด็จขึ้นไปยังสวรรค์สถาน และพร้อมที่จะประทานความรอด คือการใช้ ความตายของพระองค์แทนการตายของทุกคนที่ถ่อมใจยอมรับว่าเขาเป็นคนบาปและต้องการพึ่งพระองค์

พระเยซูตรัสว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านว่าผู้ที่วางใจในเรานั้นถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็จะกลับ มีชีวิตขึ้นใหม่เหมือนเราและจะได้อยู่สวรรค์สถานกับเราเป็นนิจนิรันดร์"

ท่านผู้อ่านที่รัก ท่านเป็นคนหนึ่งที่มีความผิดบาปมากมายในชีวิตใช่หรือไม่ ท่านทราบไหมว่าบาป ที่ท่านทำจะต้องรับการพิพากษาจากพระเจ้าผู้ทรงยุติธรรม และบทลงโทษของความบาปก็คือ การตายในนรก

แต่บัดนี้พระเยซูคริสต์พร้อมแล้วที่จะประทานความรอดโดยการตายแทนท่าน เปิดใจของท่านออกเถิด.......

อ.นิกร สิทธิจริยาภรณ์
http://www.ccma.i-p.com

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com