คำพยานชีวิตของ มน. เจริญชัย วราเศรษฐ์

วันนี้ผมอยากขอแบ่งปันเรื่องราวชีวิตของผม ที่ได้ผ่านช่วงวิกฤติการณ์ได้โดยการพึ่งพาพระเจ้า เพราะถ้าหากไม่มีพระเจ้า ถ้าหากว่าพระองค์ไม่ทรงช่วยธุรกิจ งานของผมคงจะไม่สามารถอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้

ผู้ที่ติดตามของพระเยซูทุกคน ยังคงต้องเผชิญวิกฤติของชีวิต ดังตัวอย่างเช่น ขณะที่สาวกกำลังเดินเรือ โดยมีพระเยซูทรงอยู่ในเรือด้วย และต้องเจอกับมรสุม พายุ สาวกของพระองค์เป็นชาวประมง จึงใช้ความรู้ความสามารถของตนในการเผชิญกับพายุนั้น พวกเขาพยายามที่จะช่วยตัวเองในเวลาแรก สุดท้าย พอไม่ไหว เรือกำลังจะล่ม จึงเข้าไปกราบทูลพระเยซู ซึ่งเป็นหนทางสุดท้ายของพวกเขา

ผมทำธุรกิจโรงเหล็ก เมื่อแรกที่สุด เปิดเป็นโรงงานเล็ก ๆ ที่สมุทรปราการ ช่วงแรก ๆ ประสบความสำเร็จ ในขณะนั้น ผมก็ได้ทำงานรับใช้เป็นผู้แปลภาษาในการเทศนา ได้ติดตามอาจารย์ท่านหนึ่ง ไปยังคริสตจักรต่าง ๆ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พระเจ้าทรงใช้ผมอย่างมาก และธุรกิจของผมก็เจริญขึ้นเรื่อย ๆ

จนกระทั้งเมื่อปี 36-37 ผมคิดโครงการใหญ่ โดยการขยายโรงงาน เพราะผมต้องการเป็นเศรษฐี แต่คุณแม่ของผมก็ได้ห้ามไว้ ท่านเตือนให้เห็นว่าพระเจ้าทรงอวยพระพรด้านธุรกิจให้มีกำไรมากเพียงพอแล้ว ควรจะพอใจ และให้ทำงานรับใช้พระเจ้าร่วมด้วย แต่ผมก็ไม่ฟัง ตัดสินใจที่จะหยุดการรับใช้ ทั้ง ๆ ที่ในเวลานั้นพระเจ้าทรงใช้ผมอย่างมาก เพื่อที่จะขยายโรงาน จาก 1 ไร่ เป็น 11 ไร่ โดยได้รับความสนับสนุนจากคนรอบข้าง อีกทั้งจากธนาคารที่สนับสนุน และพร้อมที่จะปล่อยกู้ เวลานั้น ใจของผมเวลานั้นถูกทางโลกดึงไป ซึ่งตรงกับที่พระเยซูทรงตรัสว่า จะรับใช้พระเจ้า และรับใช้เงินทองพร้อมกันไม่ได้

"ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้ เพราะว่าเขาจะชังนายข้างหนึ่ง และรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือเขาจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้"
(มัทธิว 6:24)

เมื่อตัดสินใจเช่นนั้น จึงตัดสินใจกู้เงินจากธนาคาร แต่ว่าทางธนาคารปฏิเสธ ไม่ให้กู้ ทั้ง ๆ ที่วางเงินมัดจำไว้แล้ว ผมจึงได้อธิษฐานอย่างมาก อ้างพระสัญญาต่าง ๆ ตามพระคัมภีร์อย่างมากในการอธิษฐาน และในที่สุดก็ตัดสินใจไปกู้เงินจาก Trust แห่งหนึ่ง ขณะนั้นผมขอบคุณพระเจ้าอย่างมากมาย และได้ขยายกิจการในที่สุด

จนกระทั้งปี 40 รัฐบาลประกาศค่าเงินบาทลอยตัว และ Trust ที่ผมกู้ ได้โดนปิด โดนขายให้กับชาวต่างชาติ เกิดปัญหาอย่างมาก โรงงานใหม่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ บ้านและโรงงานก็ได้เอาไปจำนองหมด โรงงานผมกลายเป็น NPL ผมกลัวโดนยึดบ้าน ผมกลัวโดนเป็นบุคคลล้มละลาย ผมร้องไห้กับพระเจ้า วิกฤติเวลานั้นเป็นวิกฤติที่ผมไม่คิดว่าจะต้องเจอ เพราะได้ทำการอธิษฐานอย่างมาก และรู้สึกว่าพระคัมภีร์ได้ตอบยืนยันว่า

"11 พระเจ้าตรัสว่า เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตและความหวังใจแก่เจ้า
12 แล้วเจ้าจะทูลขอต่อเรา และมาอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังเจ้า 13เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วย สิ้นสุดใจของเจ้า" (เยเรมีย์ 29:11-12)

แต่ในขณะที่เจอวิกฤติการณ์นั้นเอง พระองค์ได้ทรงหนุนใจผมด้วยพระคำภีร์

"ดังที่มีเขียนไว้ว่า สิ่งที่ตาไม่เห็นหูไม่ได้ยิน และสิ่งที่ใจมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนทั้งหลายที่รักพระองค์"
(1 โครินธ์ 2:9)

"อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำลังเจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า เออ เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา"
(อิสยาห์ 41:10)

ในขณะนั้น ผมอธิษฐาน ตลอดเวลา สารภาพผิดกับพระเจ้า อ่านพระคัมภีร์ เพราะว่าผมไม่มีปัญญาที่จะนำเงินไปจ่ายหนี้ ไม่มีเงินที่จะทำธุรกิจต่อไป ไม่มีความหวังว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ผมคิดถึงอิสราเอลในถิ่นธุรกันดาร ที่พระองค์ทรงประทานมานาให้ทีละวัน ๆ ขอบคุณพระเจ้า ที่ผมยังมีคุณแม่ที่ไม่ต่อว่าผม แต่เป็นกำลังใจให้แก่ผม ร่วมอธิษฐานด้วยกัน พึ่งพาพระเจ้า

"19 เราบอกพวกท่านอีกว่า ถ้าพวกท่านสองคนจะร่วมใจกันทูลขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดในโลก พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ก็จะทรงทำสิ่งนั้นให้
20 เพราะว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาที่นั่น"
(มัทธิว 18:19-20)

ผมได้ลองพึ่งพามนุษย์ แล้วก็ต้องผิดหวัง จนในที่สุดพระเจ้าทรงช่วยผม

มีครั้งหนึ่ง มีเจ้าหนี้รายหนึ่งได้มาทวงหนี้ ผมจึงบอกว่า ยังไม่มีเงิน ขอเวลาเพิ่มอีก แต่ขอบคุณพระเจ้า ผู้ทวงหนี้ได้เห็นรูปพระเยซูบนปฏิทินที่ผมติดอยู่ในโรงงาน และเขาก็บอกว่า "เดี๋ยวพระเจ้าก็คงจะช่วยคุณเองแหละ แฟนผมก็เป็นคริสเตียน" ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่ผมอย่างมาก เพราะผมยังมิได้ทันบอกเขาว่าเป็นคริสเตียน และเขาก็ไม่ได้เป็นคริสเตียน

มีคนหนึ่ง ที่ผมเคยช่วยเขาขณะที่ทำงานที่เก่า ซึ่งขณะนั้นธุรกิจาของเขามั่นคง เขาได้ยอมให้ใช้ชื่อว่าเป็นหุ้นส่วน เพื่อที่จะเป็นหลักประกันให้กับบริษัทของผม และยังช่วยผมหาวัตถุดิบ เพื่อที่จะทำกิจการต่อไปได้ พระเจ้ามิได้ทอดทิ้งผม แม้ว่าผมจะไม่สัตย์ซื่อกับพระองค์

ต่อมา ในปี 43 ได้มีลูกค้ารายหนึ่ง ได้โทรมาบอกว่า ให้ลองไปเจรจากับเจ้าหนี้ดู ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง จะให้ยืมเงินก่อน แต่เจรจาสำเร็จ และในที่สุด ในปี 44 ก็ได้ชำระหนี้สำเร็จ โดยไม่ต้องจ่ายจำนวนเต็ม

ตลอดช่วงเวลา ทั้ง 4 ปีนี้ ผมได้พึ่งพาพระเจ้าอย่างมาก และในที่สุด พระองค์ก็ทรงช่วยให้ผมหลุดพ้นมาได้

อยากจะขอหนุนใจให้พี่น้องฟังพระสุรเสียงของพระองค์ และเมื่อได้รับการทรงเรียกแล้ว อย่าปฏิเสธพระองค์ ให้รีบรับเสีย

พระเจ้าไม่ได้ให้พระสัญญาว่า คริสเตียน จะไม่เผชิญวิกฤติ แต่พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า

"เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า เมื่อข้ามแม่น้ำ น้ำจะไม่ท่วมเจ้า เมื่อเจ้าลุยไฟ เจ้าจะไม่ไหม้ และเปลวเพลิงจะไม่เผาผลาญเจ้า"
(อิสยาห์ 43:2)

พระองค์ไม่เคยสาย พระองค์ไม่เคยช่วยเราช้าเกินไป แต่พระองค์ทรงทันเวลาเสมอ

ในชีวิตของเรา เราไม่รู้ว่าจะเจออะไร จะต้องเจอวิกฤติใด ๆ หรือไม่ อยากจะขอหนุนใจว่า อย่าไปร้องไห้กับใคร อย่าไปร้องไห้ให้คนอื่นได้เห็น แต่ให้มาร้องไห้กับพระเจ้า สารภาพบาปกับพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงซับน้ำตาให้แก่เรา และอยากจะหนุนใจเราว่า การรับใช้พระเจ้านั้นสำคัญ พระองค์ทรงสัตย์ซื่อ พระองค์จะทรงอวยพรเราอย่างแน่นอน เพราะการกระทำจะสำแดงให้รู้ว่าเราเชื่อพระเจ้าอย่างไร

"5 จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง
6 จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น"
(สุภาษิต 3:5-6)

"จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระเจ้า และแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนาไว้"
(สุภาษิต 6:3)

มน. เจริญชัย วราเศรษฐ์
คำแบ่งปันคณะเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง เมื่อวันที่ 15/06/2008
เรื่อง การพึ่งพาพระเจ้า
สรุปโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์
เรียบเรียงโดย จิราภา รักษ์สาคร

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com