ราชาแห่งความรอด

มีเทศกาล 2 เทศกาลที่ทั่วโลกทำการฉลองพร้อมกัน นั่นก็คือ เทศกาลปีใหม่ และเทศกาลคริสต์มาส ในที่นี้เราคงไม่พูดถึงเทศกาลปีใหม่ แต่เราจะพูดถึงเทศกาลคริสต์มาสว่ามีความหมายอะไร ?.. และเกี่ยวข้องกับพวกเราที่เป็นมนุษย์อย่างไร ?

หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเทศกาลคริสต์มาสเป็นวันฉลองปีใหม่ของฝรั่ง เป็นเทศกาลที่สนุกสนานมี ซันตาครอส มีขนม มีการให้ของขวัญ มีขนม มีบทเพลงไพเราะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนกับกระดาษ ห่อของขวัญที่สวยงาม แต่สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่กระดาษห่อ แต่อยู่ที่ของขวัญชิ้นนั้นต่างหาก ถ้ามีใครได้รับ ของขวัญและไม่ยอมแกะกระดาษที่ห่อออกมาดูว่าข้างในคืออะไรแล้ว เขาก็คงจะไม่ใช่คนที่ฉลาดเท่าไหร่

แล้วของขวัญที่เป็นเนื้อแท้ของคริสต์มาสคืออะไร

ถ้าเราอยากรู้ว่าเนื้อแท้ของวันคริสต์มาสคืออะไรเราสามารถดูจากคำว่า CHRISTMAS ในภาษาอังกฤษซึ่งมาจาก 2 คำประสมกัน คือ คำว่า CHRIST และคำว่า MASS

คำว่า CHRIST แปลว่า "ผู้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์" ส่วนคำว่า MASS หมายถึง "การประชุม" ดังนั้น CHISTMAS จึงแปลว่า "การประชุมเพื่อระลึกถึงผู้ที่ได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์"... และผู้ได้รับการเจิมผู้นั้นก็คือ องค์พระองค์พระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นเนื้อแท้หรือของขวัญที่แท้จริงของวันคริสต์มาสนั่นเอง...

แล้วพระเยซูเข้ามาในโลกทำไม ?

เป็นความบังเอิญที่ลงตัว ที่อักษรของไทยที่มาประสมกันเป็นคำว่า คริสต์มาส นั้น ได้บอกจุดประสงค์ของการที่พระเยซูเข้ามาในโลกอย่างชัดเจน ดังนี้...

คริสต์มาส

ค หมายถึง "ความ"

ร หมายถึง "รอด"

ส หมายถึง "ส่ง"

ต หมายถึง "ตรง"

ม หมายถึง "มา"

ส หมายถึง "จากสวรรค์"

เมื่อนำมารวมกันจึงมีความหมายว่า พระเยซูเข้ามาในโลกเพื่อ "นำความรอดส่งตรงมาจากสวรรค์" นั่นเอง

และความรอดที่พระองค์นำมานั้นหมายถึงอะไร ?

"คำนี้เป็นคำจริงและสมควรที่คนทั้งปวงจะรับไว้ คือพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมา ในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอด (1ทิโมธี 1.15)

พระเยซูคริสต์เกี่ยวข้องอะไรกับท่าน ?

เป็นความจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้ นั่นก็คือ มนุษย์เราแตกต่างจากสัตว์อย่างชัดเจน แตกต่างตรงนี้ไม่ใช่ด้านกายภาพ แต่เป็นเนื้อในของจิตวิญญาณ ซึ่งเรามีอิสระในการเลือก แต่สัตว์ไม่มี และเพราะเหตุที่สัตว์ไม่มีอิสระในการเลือก ดังนั้นมันจึงไม่ต้องรับผิดชอบต่อการ กระทำของมัน แต่มนุษย์เราไม่ใช่เช่นนั้น เราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเราทุกอย่างที่ เราทำไป และ ถ้าเราสัตย์ซื่อกับตัวเอง แล้ว เราก็ต้องยอมรับว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เรารู้ดีว่า ไม่สมควรทำ แต่เราก็ทำ เมื่อเราทำเรารู้สึกว่ากลัว รู้สึกอาย และอยากจะได้รับการยกโทษ แต่เราก็กลัวการลงโทษ กลัวคนจะดูถูก กลัวคนจะด่าว่า กลัวคนจะว่าเราใช้ไม่ได้ ดังนั้นเราจึงเก็บซ่อนความผิดของเราไว้ในใจและสะสมความผิดนั้นเต็มอยู่ในชีวิต แต่ลึก ๆ ของเราก็ยังคงรู้ดีอยู่แก่ใจว่า วันหนึ่งเราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง

ซึ่งนั่นเป็นความจริงที่พระคริสต์ธรรมคัมภีร์ได้บอกชัดเจนว่า หลังจากที่มนุษย์ตายจากโลกนี้ไป วิญญาณเขาจะออกจากร่างและหลังจากนั้นจะมีการพิพากษา โดยพระเจ้าผู้ที่พิพากษาด้วย ความยุติธรรมตามการกระทำของมนุษย์ แต่ละคน และบทลงโทษก็คือ การตกอยู่ในบึงไฟ นรกเป็นนิจนิรันดร์ นั่นเอง ซึ่งพระคริสต์ธรรมคัมพภีร์ได้บอกอีกว่า ไม่มีมนุษย์คนไหน จะสามารถที่จะช่วยตัวเองให้รอดจากการพิพากษาที่ยุติธรรมของพระเจ้านี้ได้เลย และการพิพากษาของพระเจ้าก็ยุติธรรม นั่นก็คือ ติดเงินใช้เงิน ติดทอง ใช้ทอง มนุษย์ใช้ร่างกายทำบาปจะต้องใช้ร่างกายชดเชยบาป

นั่นจึงเป็นเหตุที่พระเยซูคริสต์ได้เข้ามาในโลกก็เพื่อจะใช้ร่างกายของพระองค์รับการ ลงโทษแทนการกระทำที่ผิดของมนุษย์ ขอเพียงแต่เขาหันมาหาพระองค์เปิดใจสารภาพ และเสียใจต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่ได้กระทำมาต่อพระองค์ พระเยซูคริสต์ก็พร้อมที่จะเอา ความผิดที่เขากระทำมาวางไว้บนพระกายของพระองค์ ถ้าผู้ใดยอมรับการรับโทษแทนของ พระองค์ เมื่อวันนั้นเขาจากโลกนี้ไป เขาจะไม่ต้องพบกับการพิพากษา แต่จะได้อยู่บน สวรรค์เป็นนิตย์กับพระเจ้า

ความรอดที่พระเยซูคริสต์ทรงประทานให้แก่มวลมนุษย์นั้น พระองค์ทรงให้ฟรี ๆ แต่ถึงแม้จะฟรี ๆ แต่พระองค์ก็ประทานให้เฉพาะคนเหล่านั้นที่สมัครใจออกมารับแทนเท่านั้น

ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ถ้าวันนี้ท่านเป็นคนหนึ่งที่ขาดคนที่เข้าใจ หรือเป็นคนหนึ่งที่ลึก ๆ ต้องการ การอภัยโทษ ขอให้ท่านเปิดใจของท่านต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์ผู้เป็นราชาแห่งความรอด รู้ถึงความอ่อนแอของท่าน พระองค์ทรงเข้าใจท่าน พระองค์พร้อมแล้วที่จะยกโทษและ รับโทษแทนความผิดของท่าน

อ.นิกร สิทธิจริยาภรณ์
http://www.ccma.i-p.com

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com