ความกดดันในแง่บวก

ถ้าเราสังเกตดูดี ๆ เราจะเห็นว่ามนุษย์กับสัตว์นั้น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่แตกต่างกัน และความแตกต่างกันนั้น ไม่ใช่ทางด้านกายภาพภายนอก แต่เป็นภายใน เช่น เมื่อสัตว์มันกินอิ่ม มันจะหยุดและนอน แต่มนุษย์เราเมื่อทานอิ่มทางร่างกายก็ยังไม่พอใจ เพราะมนุษย์เรามีความต้องการมากกว่านั้น นั่นคือ ความต้องการที่จะอิ่มใจ

ถ้าจะถามว่า "เพราะเหตุไรมนุษย์เราจึงมีความแตกต่างจากสัตว์มากมายหลายสิ่ง ?" นั่นเป็นเพราะ มนุษย์เรานั้นถูกสร้างตามอย่างพระฉายาของพระเจ้า ("ตามอย่างพระฉายาของพระเจ้า" หมายถึง "เหมือน" พระเจ้า ไม่ใช่ "เป็น" พระเจ้า) ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ซึ่งเป็นหนังสือที่พระเจ้าทรงใช้คนของพระองค์บันทึกให้แก่มนุษย์เรานั้น ได้บอกอย่างชัดเจนว่า ท่ามกลางสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง มนุษย์เรานั้นมีค่ามากที่สุด เพราะเรามีจิตวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เหมือนพระเจ้า

หลายคนมีความสงสัยในใจว่า "วิญญาณมีจริงไหม ? ถ้าวิญญาณมีจริง เราจะทราบได้อย่างไร ?"

คำตอบของคำถามนี้ไม่ยากจนเกินไป เมื่อผมเจอคำถามนี้ ผมมักจะตอบว่า "คุณเคยเห็นลมไหม ?" ...

แน่นอน ไม่มีใครเคยเห็นลม แต่ทำไมเราจึงรู้ว่ามีลม ? ... นั่นเป็นเพราะเรามองเห็นปรากฎการณ์ที่ลมกระทำต่อวัตถุ เช่น เราเห็นใบไม้กำลังมีการเคลื่อนไหว นั่นเพราะมีลมพัดมาโดนมัน วิญญาณของมนุษย์เราก็เช่นเดียวกัน เรามองไม่เห็น แต่เราก็สามารถที่จะสังเกตปรากฎการณ์ของวิญญาณมนุษย์ได้ ถ้าจะถามว่าจะสังเกตจากอะไร ? ผมจะยกตัวอย่างให้เห็น

ถ้าจะถามว่าบ้านของคุณเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่งไว้ วันหนึ่งเมื่อคุณกำลังเดินเข้าบ้าน มันกระดิกหาง วิ่งเข้ามาต้อนรับคุณ คุณไม่พูดพร่ำทำเพลงเตะไปที่ลำตัวของมันทันที มันจะร้องแล้วก็วิ่งหนีไป หลังจากนั้นคุณก็เอาไก่ย่างชิ้นหนึ่งเรียกมันมากิน รับรองมันวิ่งมากินแน่ ๆ เอาล่ะ ตอนนี้สมมติว่าคุณกำลังเดินเข้าบ้าน น้องของคุณวิ่งออกมาต้อนรับคุณ คุณไม่พูดพร่ำทำเพลงเช่นเดียวกัน แล้วก็เตะเปรี้ยงไปที่ก้นของเขา น้องของคุณก็ร้องไห้และวิ่งหนี หลังจากนั้นคุณก็บอกน้องคุณว่า คุณจะพาเขาไปทาน KFC คุณคิดว่าน้องคุณจะไปไหม ? ... ไม่มีทางไปเด็ดขาด เพราะน้องของคุณไม่เพียงแต่เจ็บกายเท่านั้น เขายังเจ็บใจอีกด้วย

เมื่อสุนัขขี้เรื้อนหาเศษอาหารกินตามถังขยะ มันจะรู้สึกอาภัพในวาสนาหรือน้อยใจในชีวิตของตนเองที่ไม่มีใครเอาใจใส่ ไม่มีใครมารักมันไหม ? ... มันไม่มีความรู้สึกนั้นเลย ถ้ามนุษย์เราไม่มีคนรัก ไม่มีคนเอาใจใส่ดูซิ ... เขาจะปวดร้าวและร้องไห้

นักปรัชญาท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า "น้ำตาของมนุษย์ที่ไหลออกมา เป็นสื่อที่เขาคนนั้นกำลังบอกว่า ชีวิตของเขามีค่า มีความหมาย" ...

คุณเคยฟังเรื่อง Broken Heart Dog ไหม ? มีสุนัขตัวผู้ตัวหนี่ง ไปหาสุนัขตัวเมีย แต่สุนัขตัวเมียไม่เล่นด้วย มันจึงเดินคอตกด้วยอาการอกหัก ไปที่ทางรถไฟ ขณะนั้นมีรถไฟขบวนหนึ่งแล่นมาด้วยความรวดเร็ว ขอถามหน่อยเถิดว่า "คุณคิดว่าสุนัขตัวผู้นั้นจะกระโดดให้รถไฟเหยียบตายไหม ?" ... ไม่มีทางอย่างแน่นอน ... รับรองมันต้องกระโดดหนี แต่ถ้าเป็นมนุษย์เราอกหักล่ะ ! บางคนอาจจะกระโดดให้รถไฟเหยียบตายก็ได้ ..

และเรื่องนี้กำลังชี้ให้เห็นสิ่งหนึ่งที่มนุษย์เราจะปฏิเสธไม่ได้ ก็คือ เราจะไม่เคยเห็นสัตว์ตัวไหนคิดฆ่าตัวตายเลย นอกจากมนุษย์เรา และเรายิ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ปรากฎการณ์ของการฆ่าตัวตายของมนุษย์เรานั้น กำลังเป็นตัวบ่งชี้ว่า ภายในจิตใจของมนุษย์เรานั้นมีจิตวิญญาณ และได้รับการกระทบอย่างหนัก จึงมีความคิดอยากจะฆ่าตัวตาย

พระคริสตธรรมคัมภีร์ยังได้บอกชัดเจนอีกว่า จิตวิญญาณของมนุษย์นี้เอง เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์นั้นมีค่ามากที่สุด ถ้ามนุษย์เราไม่มีจิตวิญญาณ เรามีค่าไม่กี่บาทเลย พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์เราให้มีส่วนผสมต่าง ๆ ของวัตถุ พืช กายภาค (ที่เหมือนสัตว์) และจิตวิญญาณ

ถ้าจะถามว่าส่วนไหนของมนุษย์เป็นวัตถุบ้าง ? ก็พวกหินปูน กระดูกที่เป็นแคลเซียม ขี้หู ขี้ตา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นวัตถุทั้งสิ้น

ส่วนที่เป็นพืช ก็คือ เส้นผม เล็บ ซึ่งเราตัดมัน ก็ไม่รู้สึกเจ็บ และก็งอกใหม่ได้

ส่วนที่เป็นกายภาค ที่เหมือนสัตว์ ก็คือ ร่างกายที่รู้สึกเจ็บ หนาว ร้อน

แต่ส่วนที่ทำให้มนุษย์เราแตกต่างจากสรรพสิ่งทั้งปวงในธรรมชาติ ก็คือ เรามีจิตวิญญาณที่อยู่เหนือธรรมชาติ ที่มาจากการทรงสร้างของพระเจ้า ถ้ามนุษย์เราไม่มีจิตวิญญาณ ราคาของมนุษย์เราก็เทียบกับราคาวัวตัวหนึ่งยังไม่ได้เลย

มีนายแพทย์ท่านหนึ่ง ทำการวิเคราะห์เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ เพราะอยากจะทราบว่าร่างกายของมนุษย์เอามาทำอะไรได้บ้าง ? ... และนี่คือผลจากการค้นคว้าของท่าน ท่านได้สรุปว่า ร่างกายของมนุษย์เรานั้น มีไขมันทำเป็นสบู่ได้ 7 ก้อน มีธาตุฟอสฟอรัสทำหัวไม้ขีดไฟได้ 2,000 ก้าน มีธาตุเหลํกทำตะปูได้ 1 ตัว และมีน้ำ 55 ลิตร ซึ่งถ้าจะนับเป็นจำนวนเงินก็ประมาณ 6 ดอลล่าห์ หรือประมาณ 250 บาท

จากการค้นคว้านี้ ยิ่งทำให้เราเห็นว่า ถ้ามนุษย์เราไม่มีจิตวิญญาณแล้ว มนุษย์เรานั้นมีค่าน้อยมาก แต่ความจริงแล้ว มนุษย์เรามีจิตวิญญาณ ซึ่งพระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า แม้เอาทรัพย์สินทั้งโลกมารวมกัน ยังเทียบค่าไม่ได้กับวิญญาณเพียงดวงเดียวเลย นั่นเป็นเหตุที่ทำให้มนุษย์เราควรจะใช้ชีวิตของตนเองให้สมกับคุณค่าของความเป็นมนุษย์

พระคริสตธรรมคัมภีร์ยังได้บันทึกถึงความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับสัตว์อีกว่า ในสัตว์นั้น (แท้จริงแล้ว ต้องเพิ่มคำว่า "เดียรัจฉาน" ซึ่งหมายถึงการไม่มีสามัญสำนึก ไม่มีความละอาย ไม่รู้ผิดถูก ไม่รู้จักความเมตตา) มันถูกพระเจ้าสร้างโดยไม่มีความกดดันในชีวิต มันทำตามสัญชาติญาณที่มันถูกใส่ไว้ (บางทานอาจจะถามว่า "สัญชาติญาณคืออะไร ?" ... สัญชาติญาณ ก็คือ "ศักยภาพของอารมณ์ความรู้สึก และความต้องการของร่างกาย ที่สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเข้ามาในชีวิตทันทีโดยไม่มีการปิดบัง")

ถึงแม้สัตว์บางตัวมันจะดูเหมือนว่าฉลาดกว่าตัวอื่น แต่มันก็ยังอยู่ในสัญชาติญาณ ไม่สามารถฝืนสัญชาติญาณของมันได้ เช่น เมื่อเราตีสุนัข มันจะวิ่งหลบหนีตามสัญชาติญาณของมันที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ มันจะฝืนสัญชาติญาณของมันไม่ได้เลย แต่เราเป็นมนุษย์ เมื่อคนถือไม้จะมาตีหัวเรา ตามสัญชาติญาณของเราก็คือหนี แต่เราสามารถที่จะทำในสิ่งที่ฝืนสัญชาติญาณของเราได้ นั่นก็คือ ยื่นหัวให้ตี เมื่อสัตว์มันจะถูกทำร้าย มันจะดิ้นรนต่อสู้ตามสัญชาติญาณของมัน มนุษย์เราก็ต่อสู้เหมือนกันเพื่อชีวิตของตนเอง แต่ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์บางอย่าง มนุษย์เราก็สามารถยอมให้ถูกฆ่าได้โดยไม่ขัดขืนไม้แต่น้อย

และถ้าเราจะสังเกตต่อไปเรื่อย ๆ เราก็จะยิ่งเห็นว่ามนุษย์มีความแตกต่างจากสัตว์อย่างมากมายหลายอย่าง เช่น ในสัตว์นั้น เราจะไม่เห็นความละอายใจ มันไม่รู้สึกผิดเมื่อมันมีชู้ หรือขโมย ในสัตว์นั้นไม่มีการสำนึกผิด การขอโทษ การเขิน การงอน การประชด การน้อยใจ การประท้วง ในสัตว์นั้นเราจะไม่เห็นการแก้แค้น การวางแผน การหน้าซื่อใจคด และที่สำคัญ ไม่มีการฆ่ากันด้วยคำพูดเหมือนมนุษย์ ... มันสื่อความรู้สึกในใจออกมาไม่ได้ เมื่อมันเจ็บ ก็คือเจ็บ แต่มนุษย์สื่อความรู้สึกเจ็บใจออกมาได้ด้วยคำพูด ในสัตว์นั้น ... มันไม่มีสิทธิ์หรืออิสระในการเลือก หรือจะพูด

อีกนัยหนึ่งก็คือ สัตว์มันไม่มีความกดดันที่พระเจ้าทรงใส่ไว้เหมือนมนุษย์ ซึ่งในเรื่องความกดดันนี้ เป็นสิ่งที่ผมอยากจะเน้นในหนังสือเล่มเล็ก ๆ นี้

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์
จากหนังสือ ความกดดันในแง่บวกที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ในมนุษย์

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com