มัทธิว 8-9

(22/02/2008)

มัทธิวบทที่ 8 และ 9 จะเป็นการสำแดงการอัศจรรย์ของพระเยซูคริสต์ ซึ่งสำแดงโดยการรักษา การขับผี และโดยการที่ทรงมีฤทธิ์อำนาจเหนือพายุ ทั้งหมดในเรื่องราวต่าง ๆ นี้ ให้เรามาเรียนรู้ถึงวัตถุประสงค์ของพระเยซูคริสต์ในการสำแดงการอัศจรรย์เหล่านี้ ซึ่งได้พระเยซูคริสต์ได้ทรงสรุปไว้ในพระธรรมมัทธิว 9:35-38

"35 พระเยซูจึงเสด็จดำเนินไปตามนครและหมู่บ้านโดยรอบ ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา ประกาศข่าวประเสริฐ แห่งแผ่นดินของพระเจ้า ทรงรักษาโรคและความป่วยไข้ทุกอย่างของพลเมืองให้หาย

36 และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชนก็ทรงสงสารเขา ด้วยเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่งดุจฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง

37 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า 'ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่

38 เหตุนั้นพวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์' " (มัทธิว 9:35-38)

จากข้อความตอนนี้ จะเห็นได้ว่า ที่พระองค์ทรงกระทำสิ่งเหล่านี้ ก็เพราะพระองค์ทรงห่วงใยสงสารเขา พระองค์ทรงห่วงใย สงสารคนทุกคนบนโลกนี้

ในสายพระเนตรของพระองค์ พระองค์ทรงทอดพระเนตรดูมนุษย์ และพบว่า มนุษย์ในโลกนี้ น่าสงสารมาก ๆ เพราะว่าเขา "ถูกรังควานและไร้ที่พึ่ง ดุจฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง"

อะไรที่กำลังรังควานเขาอยู่ ? นั่นก็คือความทุกข์ยากต่าง ๆ ความเจ็บป่วยต่าง ๆ ซึ่งมนุษย์ต้องทุกข์ทรมาน และก็ไม่รู้ว่าจะพึ่งอะไร เพราะไม่มีใครที่ช่วยเขาได้ และไม่มีใครที่จะหนีพ้นความทุกข์ยากต่าง ๆ เหล่านี้

แต่พวกเราเองในเวลานี้ ขอบคุณพระเจ้า ที่เราได้อยู่ภายใต้พระคุณของพระองค์เรียบร้อยแล้ว ที่พระองค์ทรงเลี้ยงดู คอยดูแลเรา แต่คนในสมัยนั้น ยังไม่ได้รู้จักพระเยซูมาก่อน และพระองค์ก็กำลังจะทรงสำแดงให้แก่เขาในเวลานั้น คนในสมัยนั้นจึงยังหลงทาง ไร้ที่พึ่งอยู่ เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงต้องเป็นอย่างนี้ พระเยซูได้ทรงบอกให้แก่เขาทราบว่า ที่เขาต้องทุกข์ยากเหล่านี้ ก็เพราะเขา "ไร้ที่พึ่ง ไม่มีผู้เลี้ยง"

ก่อนที่เราจะรู้จักพระเจ้า เราก็เป็นเช่นเดียวกันกับชาวอิสราเอลเหล่านั้น และเราก็ควรจะเห็นภาพเช่นเดียวกับที่พระเยซูคริสต์ทรงเห็นด้วยเช่นเดียวกัน คือ คนที่ไม่มีพระเจ้านั้น น่าสงสาร แม้จะมั่งมีในฝ่ายโลก แม้จะดูเหมือนมีความสุขมากกว่าเรา แต่ในความเป็นจริง เราจะมองที่ภายนอกไม่ได้ เพราะถ้ามองที่ภายนอกเราอาจจะอิจฉาเขาได้ แต่สิ่งที่เขาไม่มี คือ "สันติสุข" เพราะอยู่ในโลกที่ปราศจากผู้เลี้ยง เขาไม่มีทางที่จะมี "สันติสุข" ที่แท้จริงได้ เขาจะไม่รู้เลยว่า ต่อไปจะเป็นอย่างไร

อาจารย์เปาโลได้บอกแก่เราได้อย่างชัดเจน ว่าเขา ไม่มีความหวัง ปราศจากพระเจ้า แต่ว่าเรา ผู้ที่เชื่อในพระเจ้า แม้จะเจอปัญหาต่าง ๆ มากมาย แต่เราก็ยังคงมี "สันติสุข" เพราะเรามีพระเจ้า เรามีความหวังใจในพระองค์

"จงระลึกว่า ครั้งนั้นท่านทั้งหลายเป็นคนอยู่นอกพระคริสต์ ขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอล และไม่มีส่วนในบรรดาพันธสัญญาซึ่งทรงสัญญาไว้นั้น ไม่มีที่หวัง และอยู่ในโลกปราศจากพระเจ้า" (เอเฟซัส 2:12)

และนี่เอง ก็เป็นเหตุผลที่พระองค์ทรงยอมที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ ยอมมาทุกข์ยากลำบากในสภาพของมนุษย์ เพื่อที่จะมาช่วยชาวโลกให้รอด และพระองค์ก็ได้ทรงสำแดงพระองค์เองให้แก่มนุษย์

ถ้าเราไม่รู้สึกสงสารแก่ผู้ที่ไม่รู้สึกสงสารนั้น ก็เป็นไปได้ 2 ประการ คือ

1. เราไม่เคยได้สัมผัสกับการที่มีพระเจ้า เขาไม่เคยได้สัมผัสกับพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ถ้าเรารู้สึกเฉย ๆ ไม่กระตือรือร้น ไม่รู้สึกว่าเขาน่าสงสาร เราจำเป็นต้องสำรวจตัวเราเองว่าเราเองได้สัมผัสกับพระคุณของพระองค์แล้วหรือยัง ถ้าไม่เคยได้สัมผัส ก็จะไม่ต่างจากผู้อื่น จะยังคงสงสารตัวเอง

2 ไม่ได้สำนึกในพระคุณ พูดง่าย ๆ คือ ไม่เข้าใจว่า พระคุณของพระเจ้าที่ได้ให้แก่เรานั้นเพื่ออะไร ถ้าเราเข้าใจ เราก็จะรู้พระทัยของพระเจ้า เราก็จะรู้ว่าผู้ที่มีพระเจ้านั้นดีอย่างไร และเราก็จะรู้สึกอยากให้ผู้อื่นมารู้จักพระเจ้าอย่างแน่นอน และเราก็จะกระทำตามพระมหาบัญชาของพระเยซูอย่างแน่นอน

"19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์

20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค" (มัทธิว 28:19-20)

จึงอยากให้เราได้สำรวจตัวเราเองว่า เรารู้สึกสงสารตัวเองอยู่หรือเปล่า ? เราได้เคยสัมผัส และเข้าใจการที่อยู่ในพระองค์หรือไม่ ?

ขอพระเจ้าช่วยเรา ที่เมื่อเรามาอยู่ในพระคริสต์แล้ว เราจะได้รู้ว่า การที่ได้อยู่พระเจ้านั้นดีเพียงไร และสิ่งที่เราจะสามารถเข้าใจได้นั้น ก็คือ การที่จะเรียนรู้จักพระองค์มากขึ้น และดำเนินชีวิตใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์มากขึ้น

ประชาชนชาวอิสราเอลในสมัยนั้น ได้มาหาพระองค์ ได้มาแสวงหาเพื่อรับการช่วยเหลือจากพระองค์ อยากให้เรามีสภาพเช่นนั้นด้วย คือ ให้เรามาหาพระองค์ เพื่อรับการช่วยเหลือจากพระองค์ และเราจะได้มองเห็นว่า เราเคยเป็นคนน่าสงสารเพียงใด และบัดนี้ เมื่ออยู่ในพระเยซูคริสต์นั้น มีความสุขมากเพียงใด มีความสุขมากกว่าส่งอื่นใดในโลกนี้ ดังที่อาจารย์เปาโลได้อธิษฐานเพื่อเราในพระธรรมเอเฟซัส

"17 ข้าพเจ้าอธิษฐานว่า ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา คือพระบิดาผู้ทรงพระสิริทรงโปรดประทานให้ท่านทั้งหลาย มีจิตใจอันประกอบด้วยสติปัญญา และความประจักษ์แจ้งในเรื่องความรู้ถึงพระองค์

18 และขอให้ตาใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อท่านจะได้รู้ว่า ในการที่พระองค์ทรงเรียกท่านนั้น พระองค์ได้ประทานความหวังอะไรแก่ท่าน และรู้ว่า มรดกของพระองค์สำหรับธรรมิกชนมีสง่าราศีอันอุดมบริบูรณ์เพียงไร

19 และรู้ว่า ฤทธานุภาพอันใหญ่ของพระองค์มีมากยิ่งเพียงไร สำหรับเราทั้งหลายที่เชื่อ ตามอำนาจของพระกำลัง และฤทธานุภาพอันใหญ่ยิ่งของพระองค์" (เอเฟซัส 1:17-19)

เราก็จะเข้าใจว่า พระอค์ทรงประทานความหวังอะไรให้แก่เรา จะรู้ว่า มรดกของพระองค์สำหรับเรานั้นมีอุดมเพียงไร และจะตระหนักว่า ฤทธานุภาพอันใหญ่ของพระองค์

ถ้าเราเข้าใจใน 3 สิ่งที่อาจารย์เปาโลได้อธิษฐานเพื่อเรานั้น เราก็จะไม่สงสารตัวเองอีกต่อไป เราจะไม่ต้องการสิ่งใดอื่น อีกต่อไป และเราก็จะรู้สึกสงสารแก่ผู้ที่ไม่มีพระเจ้า

เมื่อเราสงสารแล้ว เราก็จะกระทำตามที่พระเยซูทรงบัญชาต่อไป คือเป็นพยานแก่คนเหล่านั้น

"37 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า 'ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่

38 เหตุนั้นพวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์' " (มัทธิว 9:35-38)

เมื่อเราได้อยู่ในพระองค์แล้ว เราจะไม่แสวงหาสิ่งอื่นใด นอกจากพระองค์ และถ้าเราขอสิ่งใดที่เป็นน้ำพระทัยของพระองค์ ทุกสิ่งก็จะเป็นไปตามที่ขออย่างแน่นอน และเราจะเข้าใจว่า ชีวิตของเรานั้น เราไม่สามารถกำหนดได้เองเลย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระองค์เท่านั้น

"ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทราบแล้วว่าทางของมนุษย์ไม่อยู่ที่ตัวเขา คือไม่อยู่ที่มนุษย์ผู้ซึ่งดำเนินไป ที่จะนำฝีก้าวของตนเอง" (เยเรมีย์ 10:23)

และผู้ที่มีพระเจ้า จะรู้ว่า ถ้าขอสิ่งใด แล้วพระเจ้าจะให้ แต่ผู้ที่ไม่มีพระเจ้า ก็จะไม่รู้ได้ว่าขอสิ่งใดแล้วจะได้ หรือขอสิ่งใดแล้วจะไม่ได้

แม้บางครั้ง เราอยากได้สิ่งใดอยากมาก และเราก็ไม่รู้ว่านี่เป็นตามน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือไม่ สิ่งที่เราจะทำได้ คือ เข้าสนิทอยู่ในพระองค์ และปฏิบัติตามพระคำของพระองค์ พระองค์ก็จะให้สิ่งเหล่านั้นตามในปรารถนาอย่างแน่นอน ซึ่งนี่แหละ เป็นเคล็ดลับที่ผู้ที่มีพระองค์มี

"ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น" (ยอห์น 15:7)

อ.ประดิษฐ์ พรกีรติกุล
กลุ่มเซลล์เพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
สรุปโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com