ข้อสงสัยที่อาจเกิดขึ้น

ขอให้เราดูข้อประเด็นทั่ว ๆ ไปเกี่ยวกับคำสอนเรื่องความรักของพระเจ้าที่เราได้กล่าวกันไปในหนังสือเล่มนี้

1. พระคัมภีร์สอนว่า พระเจ้าไม่เห็นแก่หน้าผู้ใดเลย

"34 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเห็นจริงแล้วว่า พระเจ้าไม่ทรงเลือกหน้าผู้ใด

35 แต่คนใดๆในทุกชาติที่เกรงกลัวพระองค์ และประพฤติตามทางชอบธรรมก็เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์

36 เรื่องที่พระองค์ได้ทรงฝากไว้กับพวกอิสราเอล คือทรงประกาศข่าวดีเรื่องสันติสุขโดยพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง

37 เรื่องนั้นท่านทั้งหลายก็รู้ คือเรื่องที่ได้เล่ากันตั้งแต่ต้น ที่แคว้นกาลิลีไปจนตลอดทั่วแคว้นยูเดีย ภายหลังการบัพติศมาที่ยอห์นได้ประกาศนั้น

38 คือเรื่องพระเยซูชาวนาซาเร็ธ ว่าพระเจ้าได้ทรงเจิมพระองค์ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และด้วยฤทธานุภาพอย่างไร และพระเยซูเสด็จไปกระทำคุณประโยชน์ และรักษาบรรดาคนซึ่งถูกมารเบียดเบียน เพราะว่าพระเจ้าทรงสถิตกับพระองค์

39 เราทั้งหลายเป็นพยานถึงกิจการทั้งปวง ซึ่งพระองค์ทรงกระทำ ในแคว้นยูเดียและในกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์นั้นเขาได้ฆ่าโดยแขวนไว้ที่ต้นไม้

40 ในวันที่สาม พระเจ้าได้ทรงให้พระองค์คืนพระชนม์และทรงให้ปรากฏ

41 มิใช่ทรงให้ปรากฏแก่คนทั่วไป แต่ทรงปรากฏแก่เราพวกพยานซึ่งพระเจ้าได้ทรงเลือกไว้แต่ก่อน คือทรงปรากฏแก่พวกเราที่ได้รับประทานและดื่มกับพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงคืนพระชนม์แล้ว

42 พระองค์ทรงสั่งให้เราทั้งหลายประกาศแก่คนทั้งปวง และเป็นพยานว่า พระเจ้าได้ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นผู้พิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย

43 ผู้เผยพระวจนะทั้งหลายย่อมเป็นพยานถึงพระองค์ว่า ทุกๆคนที่เชื่อถือในพระองค์นั้น พระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของเขา เพราะพระนามของพระองค์” " (กิจการ 10:34-43)

"และถ้าท่านอธิษฐานขอต่อพระองค์ เรียกพระองค์ว่า พระบิดาผู้ทรงพิพากษาทุกคนตามการกระทำของเขา โดยไม่มีอคติ จงประพฤติตนด้วยความยำเกรงตลอดเวลาที่ท่านอยู่ในโลกนี้" (1เปโตร 1:17)

ข้อความนี้กำลังพิสูจน์ว่า พระเจ้ารักเราทุก ๆ คนเท่า ๆ กันมิใช่หรือ เปล่าเลย สิ่งที่ข้อความนี้สอนก็คือ พระเจ้ามิได้สำแดงความรักของพระองค์โดยพิจารณาจากความมากน้อยของความดีที่มนุษย์มี พระเจ้ามิได้เห็นแก่คนรวย คนสวย คนมีอำนาจ หรือคนที่พยายามจะทำให้พระเจ้าพอพระทัยโดยอาศัยความดีของตนเอง

แต่ในอีกแง่หนึ่ง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดูเหมือนพระเจ้าลำเอียง พระองค์พอพระทัยผู้ที่พระองค์ทรงเลือกที่จะรักด้วยความรักเป็นพิเศษ (เฉลยธรรมบัญญัติ 7:7-8) พระองค์พอพระทัยผุ้ที่ถ่อมใจมากกว่าผู้ที่หยิ่งจองหอง (ยากอบ 4:6) และพระองค์พอพระทัยผู้ที่รักความชอบธรรมและเกลียดอธรรม (สุภาษิต 15:9, ฮีบรู 12:8)

2. พระคัมภีร์สอนว่า พระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง

"พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อๆไปเป็นนิจกาล" (ฮีบรู 13:8)

"ของประทานอันดีทุกอย่าง และของประทานอันเลิศทุกอย่างย่อมมาจากเบื้องบน และส่งลงมาจากพระบิดาแห่งบรรดาดวงสว่าง ในพระบิดาไม่มีการแปรปรวน หรือไม่มีเงาอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง" (ยากอบ 1:17)

ดูเหมือนว่า ข้อความนี้จะขัดแย้งกับความคิดที่ว่า ความรักของพระเจ้าเปลี่ยนแปลงไปตามการตอบสนองที่เรามีต่อพระองค์ เปล่าเลย เมื่อพระคัมภีร์สอนว่า พระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง หมายความว่า บุคลิกของพระองค์ไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันนี้พระเจ้าก็ยังคงเป็นพระเจ้าองค์เดียวกับพระเจ้าในพระคัมภีร์เดิม ผู้ประกอบด้วยความรัก ความพิโรธ ความเห็นอกเห็นใจ หรือความหวงแหน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าประชากรของพระองค์มีท่าทีต่อพระองค์อย่างไร

คุณยังจำได้ไหม ที่พุ่มไม้เพลิงนั้น พระองค์ที่ท่าทีอย่างไรต่อโมเสส ผู้รับใช้ที่พระองค์รัก และเลือก และพิโรธของพระเจ้าพลุ่งขึ้นต่อโมเสส เมื่อเขาปฏิเสธที่จะทำตามพระบัญชาของพระองค์ (อพยพ 4:14) พระเจ้ามิได้เปลี่ยนแปลง พระองค์ยังคงเป็นเช่นนี้

3. ประเด็นอื่น ๆ

จริงหรือที่เมื่อลูกประพฤติชั่วแล้ว พ่อแม่จะยังคงรักลูกได้มากเท่า ๆ กับที่ลูกประพฤติดี สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับว่า คุณใช้คำว่า "รัก" และคำว่า "มากเท่า ๆ กับ" อย่างไร ตัวอย่างเช่น อาจกล่าวได้ว่า เราต้องใช้ความพยายามที่จะรักเด็กที่ไม่เชื่อฟัง มากกว่าเด็กที่เชื่อฟัง ในอีกแง่หนึ่ง ข้อความนี้ก็เป็นจริง แต่นั้นไม่ใช่คำว่า "มากเท่า ๆ กับ" อย่างที่เราพูดถึงอยู่นี้ เรากำลังพูดถึงความจริงที่ว่า ความรักที่สมบูรณ์แบบนั้น คือ ความรักที่ประกอบด้วยการยอมรัก และความสนิทสนม

ความรักที่นำไปสู่การแต่งงานเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ เพราะความรักนี้มีอะไร ๆ มากกว่าเพียงความตั้งใจที่จะแสวงหาสิ่งดี ๆ ให้อีกฝ่ายหนุ่งเท่านั้น แต่ยังหมายความถึงหัวใจสองดวงที่งอกงามใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นยิ่งขึ้น ในความรักที่สนิทสนม ความรักของพระเจ้ายังมีที่ว่างให้กับความคุ้นเคย สนิทสนม และความชื่นชมยินดีอีกด้วย (เฉลยธรรมบัญญัติ 21:10-12, โฮเชยา 11:1-4, ยอห์น 10:17, 2โครินธ์ 9:7)

จากหนังสือ พระเจ้ารักฉันอย่างไร
(How Does God Love Me?)
เขียนโดย มาร์ติน อาร์เดอ ฮานห์
แปลโดย วรินทรา
เรียบเรียงโดย กนกบรรณสาร
สำนักพิมพ์ กนกบรรณสาร

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com