สู่อาณาจักรของพระองค์

"เราได้รู้จักเจ้า ก่อนที่เราได้ก่อร่างตัวเจ้าที่ในครรภ์
และก่อนที่เจ้าคลอดจากครรภ์ เราก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้"
(เยเรมีย์ 1:5)

ฉันมองดูสมุดเงินฝากที่เพิ่งนำไปปรับยอดมาจากธนาคาร มีเงินเหลืออยู่ 4,000บาท ตอนฉันลาออกจากงานที่ทำอยู่ก่อนไปออสเตรเลียฉันมีเงินเก็บเกือบแสน นีลไม่เคยส่งเงินมาให้อย่างที่สัญญา ฉันยังแอบอ่านอีเมลของพวกเขาทุกครั้งที่มีโอกาสใกล้เครื่องคอมพิวเตอร์ นีลแอบยักยอกเงินของบริษัทไว้ได้บางส่วน และไปพบเฮเลนที่ยูเครนไม่นานนักหลังจากที่ฉันเดินทางกลับบ้าน พวกเขาแต่งงานกันทันเวลา ก่อนที่เขาจะกลายเป็นบุคคลล้มละลายรอบ 2 ไม่รู้ว่าโลกใบนี้กำลังเล่นตลกกับฉันหรืออะไร "คนล้มละลายกับภรรยาใหม่และลูกที่ไม่ใช่ของตนเอง" ฉันให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่า "จากวันนี้ไปจะไม่เข้าไปอ่านอีเมลของเขาอีก"

วันนั้นที่ฉันเดินทางถึงประเทศไทย ฉันกลับไปขอโทษอาเจ็กและทุกคนที่ไม่เชื่อฟังในคำตักเตือนของพวกเขา ทุกคนไม่โกรธและเลี้ยงดูฉันกับนิคกี้เป็นอย่างดี อาม่าเป็นคนออกเงินค่าคลอดบุตรที่โรงพยาบาล อาเจ็กให้ที่อยู่อาศัยและข้าวปลาอาหารฉันกับลูกอย่างไม่ขัดสน นิคกี้เป็นเด็กลูกครึ่งหน้าตาเหมือนตุ๊กตา ใครเห็นใครก็รัก ทำให้บรรยากาศในบ้านรื่นเริงขึ้นมาก เงินของฉันส่วนมากนั้นหมดไปกับการซื้อนม เสื้อผ้า และของใช้จำเป็นต่างๆ ให้กับลูก ตอนนี้นิคกี้อายุ 7 เดือนแล้ว คงถึงเวลาที่ฉันจะต้องออกหางานทำ

"หวัดดีจ้ะ เค็ง เป็นไงบ้าง ลูกสบายดีไหม" นุช เพื่อนรักที่เรียนมาด้วยกัน โทรมาพร้อมกับข่าวดี

"คือว่า เพื่อนของพี่สาวนุช เขาเป็นฝ่ายบุคคลอยู่ที่สมาคม YWCA ตรงสาทรน่ะ เขาอยากได้เลขานุการให้กับผู้บริหาร เค็งลองไปสมัครดูสิ"

"สมาคมที่มีสระว่ายน้ำอยู่ตรงถนนสาทร ที่เราไปว่ายน้ำตอนเด็กๆ ใช่ไหม ถ้าได้งานก็ดีสิ ไม่ไกลจากบ้านมาก" ตอนนี้อาเจ็กขยับขยายกิจการ พาพวกเรามาอยู่แถวฝั่งธนบุรีแล้ว การเดินทางไปสาทรคงไม่ใช่เรื่องยากลำบากมากนัก และฉันคงไม่กลับถึงบ้านเย็นจนเกินไป ใจก็ยังอดห่วงลูกน้อยไม่ได้ที่จะต้องห่างกับแม่ทั้งวัน

"เค็งไปพบคุณสมโชค พรุ่งนี้เลยนะ โชคดีนะเพื่อน" ฉันวางสายจากนุชด้วยความตื่นเต้น ไม่รอช้า รีบขึ้นห้องไปหาเสื้อผ้าและเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในวันรุ่งขึ้น


ฉันมาถึงสมาคมฯ ที่เคยมาว่ายน้ำกับแม่เมื่อตอนเด็กๆ ตอนนี้สระว่ายน้ำได้ถูกฝังอยู่ใต้ตึกที่สูงกว่า 25 ชั้น ซึ่งเป็นบริษัทของผู้ที่มาเช่าที่ดินแปลงนี้ สำนักงานของสมาคมฯ เองกลับอยู่ที่ตึกเก่าๆ 5 ชั้นที่ด้านหลังอาคารจอดรถ เมื่อฉันกรอกใบสมัครงานเรียบร้อย คุณสมโชคบอกว่า "คุณโนรีรัตน์ เลขาธิการของสมาคมฯ ว่างพอดี สัมภาษณ์เลยนะ"

ฉันเดินเข้าไปในห้องทำงานของคุณโนรีรัตน์ ที่เป็นกระจกใสทั้งห้อง มองเห็นคนเดินผ่านไปมาตลอดเวลา สาวใหญ่ในชุดผ้าไหมพร้อมเครื่องประดับที่ทำให้เธอดูสง่างาม นั่งอยู่ตรงข้ามฉัน "ไหนลองเล่าประวัติของเธอให้ฟังหน่อยสิ และทำไมถึงออกจากงานเก่า"

"เรื่องมันยาวมากเลยนะคะ" แต่ฉันก็เริ่มเล่าให้เธอฟัง ถึงความเป็นมาที่พาฉันมานั่งอยู่ตรงหน้าของเธอ

ฉันนั่งคุยกับคุณโนรีรัตน์อยู่ 1 ชั่วโมง รู้สึกว่าเป็นการสัมภาษณ์งานที่แปลกประหลาดมาก เพราะเธอไม่ได้ให้ความสนใจกับประวัติการทำงาน การศึกษาของฉันเท่าไร แต่กลับซักไซ้เรื่องชีวิตส่วนตัวของฉันมากกว่า ฉันเล่าให้เธอฟังถึงวินาทีที่ฉันรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย และเธอก็พูดถึงพระเจ้าที่เธอรู้จักให้ฟัง

"พี่จะไปพักทานข้าวแล้ว เธอไปหาอะไรทานที่โรงอาหารแล้วกลับมาคุยกันต่อนะ"

"ได้ค่ะ" เมื่อฉันหาอะไรทานเสร็จเรียบร้อย ฉันกลับขึ้นไปนั่งรอเธอที่โต๊ะทำงานของคุณสมโชค

"มาเริ่มงานอาทิตย์หน้าเลยนะครับ" เขายื่นเอกสารให้ฉันเซ็นต์

ฉันลงลายมือชื่อไปด้วยความเต็มใจ บวกกับความแปลกใจเล็กน้อย ขณะนั้นคุณโนรีรัตน์เดินกลับเข้ามายังสำนักงานพอดี

"เซ็นต์สัญญากันแล้วหรือ ยังไม่ได้คุยเรื่องเงินเดือนเลย" คุณโนรีรัตน์กล่าวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

"ก็น้องเขาขอมาเท่านี้ ผมให้เท่านี้ก่อนดีไหมครับ" คุณสมโชคชี้แจง

"ก็โอเค ถ้าทำงานดี อีก 3 เดือนพี่จะขึ้นเงินเดือนให้นะ แล้วอาทิตย์หน้าพบกัน ขอพระเจ้าอวยพรเธอนะจ๊ะ"

มาอีกแล้ว "พระเจ้าอวยพร" คนคริสต์เขาพูดกันแปลกๆ นะ ฉันคิดไปอย่างนั้น ดูท่าทางเธอจะรักพระเจ้าที่เธอพูดถึงมากๆ เอาเถอะ ถึงแม้มันจะเป็นการสัมภาษณ์งานที่แปลกๆ ยังไงวันนี้ฉันก็ได้เซ็นต์สัญญา เริ่มงานอาทิตย์หน้า คงไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว ฉันกลับบ้านด้วยหัวใจพองโต อาทิตย์หน้าแม่จะต้องไปทำงานแล้วนะ นิคกี้จะต้องอยู่กับป้าๆ ต้องเป็นเด็กดีด้วยล่ะ


วันนี้คุณโนรีรัตน์ไม่อยู่ออฟฟิศ เธอไปอบรมการประกาศพระกิตติคุณกับสถาบันฮักกัย ที่ฮาวายเป็นเวลา 10 วัน ก่อนไปเธอขอให้มาช่วยงานในวันเสาร์ ให้พิมพ์งานที่จะนำไปใช้ในการประชุม เอกสารหนาเตอะ เป็นตั้งเต็มโต๊ะทำงาน ฉันตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่ได้อ่านมากนัก

2 เดือนกว่าแล้ว ที่ฉันมารับตำแหน่งเลขาฯ ของคุณโนรีรัตน์ นอกจากงานประจำที่ YWCA ที่ทุกคนเรียกเธอว่า "คุณโน" แล้ว เธอดำรงตำแหน่งกรรมการสหคริสตจักรแบ๊บติสท์ และยังมีงานย่อยๆ ของโบสถ์ที่เธอไปเป็นประจำอีกด้วย พวกเขาเรียกเธอว่า ‘พี่ลิลลี่’ ฉันจึงขอเรียกเธอว่าพี่ลิลลี่บ้าง เพราะฟังดูไพเราะและเป็นดอกไม้ที่ฉันชอบ พี่ลิลลี่อายุ 60 ปีแล้ว แต่ยังไม่ยอมเกษียณ เธอยังอยากทำงานรับใช้พระเจ้าไปจนกว่าพระเจ้าจะอนุญาตให้หยุด เธอบอกฉันอย่างนั้น

วันแรกที่ก้าวเข้ามาทำงานที่นี่ 9 โมงเช้าพนักงานทุกคนต้องไปรวมกันที่ห้องประชุมเล็กเพื่อเข้าร่วมพิธีนมัสการพระเจ้า เพื่อนร่วมงานบางคนบอกฉันในขณะที่เรากำลังเดินตรงไปห้องนมัสการ "ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนหรือไม่ ก็ต้องเข้านมัสการทุกเช้าวันจันทร์นะ น้องเค็ง"

"ดีเสียอีก ไม่ต้องทำงาน 1 ชั่วโมง พี่ชอบ" เพื่อนอีกคนเอ่ยปาก

ฉันไม่เข้าใจมากนักกับสิ่งที่พวกเขาอ่านหรือแม้แต่คำเทศนาของอาจารย์ที่มาเทศน์ แต่ฉันรู้สึกดีที่ได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะ และรู้สึกมีความสุขใจไม่น้อยที่ได้ร่วมร้องเพลงกับทุกๆ คนในห้องประชุมเพื่อเป็นการเริ่มต้นงานในวันแรก

ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ฉันบอกได้ว่า ฉันเฝ้ารอคอยให้ถึงเช้าวันจันทร์ เพราะฉันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างรอฉันอยู่ และฉันก็อยากร้องเพลงกับเพื่อนๆ ร่วมงาน พร้อมฟังคำเทศนาที่ดูเหมือนว่า พระเจ้าองค์นี้ก็รักฉันด้วย

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น "สวัสดีจ้ะเค็ง พี่ลิลลี่เอง พี่เดินทางมาถึงฮาวายโดยปลอดภัยนะ พระเจ้าให้นอนอย่างสบายเลย เครื่องบินทั้งลำมีผู้โดยสารไม่ถึง 10 คน แล้วเธอเป็นไงบ้าง" ก่อนพี่ลิลลี่เดินทางเพียงไม่กี่วัน เครื่องบินที่ถูกปล้น 2 ลำพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เป็นเหตุให้ผู้คนพากันยกเลิกการเดินทาง เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย

"เค็งก็สบายดีนะคะ งานที่พี่สั่งไว้ก็ทำไปบ้างแล้วบางส่วน วันนี้คนจากโบสถ์พี่ ชื่อ พี่ภา เขาจะมาทานข้าวกลางวันกับเค็งนะคะ เค้าบอกว่า พี่ลิลลี่แนะนำให้มาหาเค็ง"

"อ๋อใช่ พี่ลืมบอกไป ภา เขาเป็นมิชชันนารีที่ทำงานประกาศเรื่องของพระเจ้าน่ะ พี่อยากให้เขามาคุยกับเค็ง เค็งอย่าลืมไปพบภานะ"

"ได้ค่ะ พี่ไม่ต้องห่วงงานทางนี้นะคะ" ฉันรับปากพี่ลิลลี่ไปอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่แน่ใจว่า พี่ภาจะมาพบฉันด้วยเรื่องอะไร


ฉันพบพี่ภาที่หน้าลิฟต์ แล้วเราก็เดินไปทานข้าวกลางวันด้วยกันที่โรงอาหาร พี่ภาเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า เธอทำงานรับใช้พระเจ้า นำข่าวประเสริฐไปประกาศให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัย และพนักงานบริษัทเอกชนที่มีคนนัดหมายให้ อย่างที่พี่ลิลลี่แนะนำให้มาพบฉัน พี่ภาไม่มีเงินเดือน แต่ได้รับเงินสนับสนุนจากคริสเตียนด้วยกันบ้าง ตามแต่ที่พระเจ้าจะประทานให้ เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูสุขุม นุ่มนวลและสุภาพ ฉันรู้สึกเห็นใจเธอไม่น้อยกับการต้องเดินทางไปพบผู้คนที่ไม่รู้จัก เพื่อพูดบางสิ่งบางอย่างให้กับพวกเขาฟัง และไม่รู้ว่าพวกเขาจะเต็มใจฟังเธอหรือไม่

พี่ภา เปิดเอกสารและภาพที่จัดเตรียมมาให้ฉันดู และเริ่มอธิบายถึงหลักสัจธรรม 4 ประการ ซึ่งมีเนื้อหาคร่าวๆ ได้ใจความว่า

  1. พระเจ้าทรงรักฉัน และทรงมีแผนการอันประเสริฐยิ่ง สำหรับชีวิตของฉัน

  2. มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป และถูกตัดขาดจากพระเจ้า ดังนั้นจึงไม่สามารถรู้ หรือ พบกับความรักของพระเจ้า และแผนการของพระเจ้าสำหรับชีวิตของตนได้

  3. โดยทางพระเยซูคริสต์เท่านั้น ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้เพื่อชำระล้างความผิดบาปของมนุษย์ โดยพระองค์ ฉันจะสามารถรู้ และพบกับความรักของพระเจ้า และแผนการของพระองค์สำหรับชีวิตของฉันได้

  4. ฉันจำเป็นต้องรับเอาพระเยซูคริสต์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอด และเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของฉันเป็นส่วนตัว แล้วฉันจึงสามารถรู้ และพบกับความรักของพระเจ้า กับแผนการของพระองค์สำหรับชีวิตของฉันได้

เมื่ออธิบายจบ พี่ภาบอกว่า "โดยความเข้าใจเพียงเท่านั้นยังไม่พอ เค็งต้องรับองค์พระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดและเป็นพระเจ้าของเค็งด้วย" พี่ภาถามต่อว่า "เค็งพร้อมไหมคะ ที่จะอธิษฐานเพื่อต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดในวันนี้" เธอถาม และรอคอยคำตอบด้วยรอยยิ้มเล็กๆ

"เค็งยังไม่แน่ใจนะคะพี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ยินมาทั้งหมด เค็งเข้าใจ และก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดี แต่มันเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ ขอเอาเอกสารกลับไปอ่านที่บ้านเพื่อทำความเข้าใจอีกครั้งได้ไหมคะ พี่ภากลับมาพบเค็งอีกครั้งอาทิตย์หน้านะคะ" ฉันรู้สึกพอใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ความสับสนในใจก็ยังมีไม่น้อย การพบเธออีกครั้งในอาทิตย์หน้าคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

"ได้ค่ะ แล้วอาทิตย์หน้าพี่จะกลับมาพบเค็งที่เดิมนะคะ" พี่ภาเดินจากไปด้วยท่าทีที่สุภาพและอ่อนโยนเช่นเดิม เธอมิได้แสดงอาการโกรธหรือฉุนเฉียวกับเวลาที่เสียไปแต่อย่างใด ฉันไม่ชอบรับปากอะไรกับใครแล้วไม่ทำ อาทิตย์หน้าเธอจะกลับมาพบฉันอีก อย่างน้อยฉันยังมีเวลาตัดสินใจอีก 7 วัน

ตลอดทั้งสัปดาห์ฉันเฝ้าคิดทบทวนถึงสิ่งที่ได้ยินจากพี่ภา พระเจ้าองค์นี้หรือเปล่าที่เป็นพระเจ้าที่ฉันร้องเรียกขอความช่วยเหลือในคืนนั้น แล้วการอธิษฐานรับพระองค์เข้ามาในชีวิตของฉันจะทำให้ชีวิตของฉันดีขึ้นได้อย่างไร ใครจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ได้ ฉันต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อเลี้ยงลูกเพียงลำพัง พระเจ้าจะช่วยฉันได้จริงหรือ แต่พี่ภากับพี่ลิลลี่คงไม่โกหกฉันหรอกนะ พวกเขาจะได้อะไรจากการโกหกฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงความรักและความปรารถนาดีที่พวกเขาหยิบยื่นให้ ฉันจะปรึกษาใครก็คงไม่ได้ เรื่องนี้คงเป็นเรื่องในใจระหว่างฉันกับพระเจ้าที่ฉันอยากรู้จักให้มากกว่านี้เท่านั้น


อีกไม่กี่วันพี่ลิลลี่ก็จะกลับมาจากฮาวายแล้ว พี่ลิลลี่คงจะดีใจมากๆ ฉันอดที่จะเก็บข่าวดีไว้คนเดียวไม่ได้ พี่ภาเพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี้ วันนี้พี่ภามาพบฉันเป็นครั้งที่ 2 และฉันได้บอกกับเธอว่า

"เค็งมั่นใจ 100 เปอร์เซนต์และพร้อมที่จะต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดในชีวิตของเค็งแล้ว" พี่ภาจึงกล่าวนำและให้ฉันอธิษฐานตาม

ฉันไม่รอช้ารีบส่งอีเมลบอกพี่ลิลลี่ เธอโทรศัพท์กลับมาหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นไม่น้อย

"พี่ดีใจมากๆ เลยนะเค็ง ขอบคุณพระเจ้า พี่จะต้องนำเอาเรื่องนี้ไปแบ่งปันในห้องประชุมแล้วล่ะ พี่ไปก่อนนะ พรุ่งนี้พี่ก็เดินทางกลับแล้วจ้ะ"

"ค่ะ เดินทางโดยปลอดภัยนะคะ อืม.. พระเจ้าอวยพรค่ะ"


ฉันไม่แน่ใจว่าในขณะนั้น เพื่อนร่วมงานรู้สึกอย่างไรที่ฉันกลับใจมาเป็นคริสเตียนบังเกิดใหม่ บางคนแอบนินทาลับหลังว่า ฉันทำไปเพื่อเอาใจพี่ลิลลี่ อยากได้เงินเดือนเพิ่มบ้างล่ะ อยากเป็นคนโปรดบ้างล่ะ ที่สมาคมฯ มีพนักงานเกือบ 100 คน แต่มีคริสเตียนเพียงไม่ถึง 10 คน บางครั้งฉันก็รู้สึกเสียดายที่เพื่อนร่วมงานเหล่านั้นไม่เปิดโอกาสรับเอาความรอดที่รอคอยอยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างที่ฉันเต็มใจรับ แต่ฉันก็ได้รับการเรียนรู้จากพระธรรมของพระองค์ว่า

"ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล และเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะได้ประทานสิ้งนั้นให้แก่ท่าน" (ยอห์น 15:16)

ฉันไม่รู้หรอกว่า ฉันเป็นคนโปรดของพี่ลิลลี่หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดองค์นี้ล่ะ ที่ได้ยินเสียงคร่ำครวญของฉันในห้องอันมืดมิดของเอเดรียน แสงริบหรี่ที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านให้ฉันเห็นในคืนนั้น คือ จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง พระองค์ได้โอบอุ้มนำพาฉันและลูกตลอดการเดินทางมาเป็นเวลาแรมปี พระองค์ทรงจัดเตรียมผู้คนที่คอยให้ความช่วยเหลือ และนำพาฉันเข้ามาสู่อาณาจักรของพระองค์

สรินยา วูด
จากหนังสือ แสงแห่งความหวัง

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com