คำพยานจากผู้มีเหตุผล

เมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว มีนักปรัชญาชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ชื่อ C.S. Lewis ท่านเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ที่อังกฤษ แต่ก่อนท่านเป็นคนที่ไม่เชื่อว่าโลกนี้มีผู้สร้าง ไม่เชื่อในความเป็นมนุษย์ของพระเยซูคริสต์ ท่านได้โต้แย้งกับเพื่อนอาจารย์ที่เป็นคริสเตียนด้วยกันอย่างรุนแรง และเพื่อนของท่านได้เสนอให้ท่านอ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์ ท่านจึงได้อ่าน แต่ไม่ใช่เพื่อจะเรียนรู้ แต่เพื่อจะหาข้อผิดพลาดเพื่อจับผิดพระคริสตธรรมคัมภีร์

และเมื่อท่านอ่านมาถึงจุดที่ว่า "พระเยซูอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าผู้สร้างโลกนี้ สร้างมนุษย์ และอ้างว่าตัวเองเข้ามาในโลก เพื่อรับสภาพเป็นร่างกายมนุษย์ เพื่อจะใช้ร่างกายนี้รับโทษบาปแทนมนุษย์" ท่านจึงได้วาดภาพชาร์ตนี้ออกมา

พระเยซูอ้างว่าเป็นพระเจ้า

--> พระองค์อ้างผิด --> มีสองทางเท่านั้น

--> พระองค์ทราบดีว่าตัวเองอ้างผิด --> พระองค์ตั้งใจจะหลอกคน --> พระองค์จึงเป็นคนพูดโกหก --> พระองค์เป็นคนหน้าซื่อใจคด --> พระองค์เป็นวิญญาณชั่ว --> พระองค์เป็นคนโง่เขลาเพราะยอมตายเพื่อสิ่งที่ตัวเองรู้ว่าไม่จริง

--> พระองค์ไม่ทราบว่าตัวเองอ้างผิด --> พระองค์ถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว --> พระองค์เป็นคนคนบ้า

--> พระองค์อ้างถูกต้อง --> พระเยซูทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้า มีสองทางเท่านั้น

--> ต้อนรับ

--> ปฏิเสธ

จากชาร์ตของ Lewis เราจะเห็นว่า ท่านได้บอกว่า ถ้ามีคนหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้า ก็มีทางเป็นไปได้ 2 ทางด้วยกัน คือ 1. เขาอ้างถูก 2. เข้าอ้างผิด

ถ้าเขาอ้างผิด ก็มีทางเป็นไปได้ 2 ทางเช่นกันคือ 1. เขารู้ตัวว่าอ้างผิด 2. เขาไม่รู้ตัวว่าเขาอ้างผิด

ถ้าเขาไม่รู้ตัวว่าอ้างผิด เขาก็เป็นคนบ้าอย่างแน่นอน แต่ถ้าเขารู้ตัวว่าไม่ใช่พระเจ้า แต่ยังอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้า เขาก็เป็นคนที่โกหก หลอกลวง เป็นนักต้มตุ๋น เป็นคนใช้ไม่ได้ เป็นคนถูกผีสิง และสุดท้ายก็เป็นคนโง่ที่สุด เพราะยอมตายในสิ่งที่ตนเองรู้ว่าไม่จริง และไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย (ไม่มีใครโกหกเพื่อเสียผลประโยชน์)

เมื่อ Lewis วิเคราะห์เหตุผลตามข้างต้น เขาก็ต้องยอมรับด้วยเหตุผลในสมองแห่งความเข้าใจ และวินิจฉัยของตัวเขาเองว่า พระเยซูคริสต์ไม่ใช่คนบ้า และไม่ใช่คนที่หลอกลวงมนุษย์ ในเมื่อพระองค์ไม่ใช่คนบ้า และคนที่หลอกลวงมนุษย์ ในที่สุด Lewis ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า พระเยซูอ้างถูกแล้ว นั่นก็คือ "พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ที่มารับสภาพเป็นมนุษย์เพื่อใช้ร่างกายของพระองค์ รับโทษบาปแทนมนุษย์จริง ๆ"

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ Lewis ก็บอกกับตัวเองว่า "เมื่อผมได้ใคร่ครวญถึงเหตุผลและความจริงแล้ว ผมก็มีทางเลือกแค่ 2 ทางเท่านั้น คือ ปฏิเสธหรือยอมรับพระองค์ และวันนี้ผมจะต้องเลือกตัดสินใจในสิ่งที่ผมไม่อยากจะเลือกที่จะตัดสินใจเช่นนั้นเลย"

สุดท้าย ท่านก็ได้ตัดสินใจต้อนรับพระเยซูคริสต์มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของท่าน

ข้างล่างนี้เป็นข้อสรุปจากคำพูดของท่านประโยคหนึ่งจากหนังสือที่ท่านเขียนให้แก่ผู้อ่านหนังสือของท่าน

"ถ้าเรามองอย่างผิวเผิน เราอาจจะมองเห็นว่าพระเยซูคริสต์เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่มีศีลธรรมอันดีงามเท่านั้น แต่ถ้าเราศึกษาเกี่ยวกับข้อมูลของพระองค์จริง ๆ แล้ว ข้อมูลเหล่านั้นจะทำให้เราต้องตัดสินใจว่า ชายคนคนนี้คือคนบ้า คนหลอกลวง หรือ เป็นพระเจ้าผู้มารับสภาพเป็นมนุษย์เพื่อใช้ร่างกายของตัวเองในการรับโทษบาปแทนมนุษย์ ... สำหรับข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าขอบอกว่า พระเยซูคริสต์ไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์คนหนึ่งที่มีศีลธรรมดีงามเท่านั้น แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าจริง ๆ แต่การที่ข้าพเจ้ายอมรับเหตุผลว่าจริง ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ข้าพเจ้าเป็นคริสเตียน (ได้รับความรอด) ได้ ข้าพเจ้าจะต้องยอมรับว่าข้าพเจ้าเป็นคนบาป และขอพึ่งวางใจในพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าจึงจะสามารถรับความรอดได้"

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์
จากหนังสือ พระเจ้าเกี่ยวข้องกับฉันอย่างไร?

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com