55. ธรรมชาติและพระคุณ

การเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันของธรรมชาติและพระคุณ

พระสุรเสียงของพระคริสต์

บุตรของเราเอ๋ย จงเอาใจใส่อย่างดีต่อการเคลื่อนไหวของธรรมชาติและพระคุณ เพราะสองสิ่งนี้เคลื่อนไหวในวิถีทางที่แตกต่างกันและเข้าใจยาก และเป็นสิ่งที่แทบจะไม่มีใครสามารถแยกแยะได้นอกจากคนที่ได้รับความสว่างฝ่ายวิญญาณในจิตใจของตน จริง ๆ แล้วมนุษย์ทุกคนปรารถนาสิ่งที่ดี และอุตส่าห์กระทำสิ่งที่ดีทั้งในทางวาจาและในความประพฤติ เพราะเหตุนี้การปรากฎซึ่งดูเหมือนว่าเป็นการกระทำดีจึงหลอกลวงคนเป็นอันมาก

ธรรมชาติมนุษย์มักเป็นคนเจ้าเล่ห์และดึงดูดผู้คนมากมาย ทำให้พวกเขาตกหลุมพราง และถูกหลอกลวงในขณะที่แสวงหาแต่ผลประโยชน์สำหรับตัวเอง แต่พระคุณดำเนินไปอย่างเรียบง่าย หันออกจากสิ่งต่าง ๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นความชั่วได้ ไม่หลอกลวงและกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพระเจ้าผู้เดียว ซึ่งเป็นผู้ที่พระคุณยึดถือเป็นที่พักพิงของตนในที่สุดปลาย

ธรรมชาติมนุษย์ไม่ยอมตายหรือถูกห้ามหรือถูกชนะ และจะไม่ปราบปรามตัวเองหรือยอมจำนนเลย แต่ตรงกันข้าม พระคุณพยายามต่อสู้ที่จะตายต่อตัวเอง ต่อต้านราคะตัณหา แสวงหาที่จะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา ไม่มีความปรารถนาที่จะใช้เสรีภาพของตนเอง ชอบถูกบังคับให้อยู่ใต้วินัย และไม่ปรารถนาที่จะเป็นผู้บังคับบัญชาผู้ใด แต่ปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตตั้งมั่น และอยู่ใต้การบังคับบัญชาของพระเจ้าเสมอ และยอมก้มกราบด้วยความถ่อมใจต่อมนุษย์ทุก ๆ คนเพราะเห็นแก่พระองค์

ธรรมชาติมนุษย์ทำงานเพื่อประโยชน์ของตนเองและแสวงหาที่จะได้กำไรจากผู้อื่น พระคุณไม่ได้นึกถึงสิ่งที่จะมีประโยชน์หรือเป็นกำไรสำหรับตัวเอง แต่นึกถึงสิ่งที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้คนเป็นอันมากต่างหาก ธรรมชาติมนุษย์ชอบที่จะได้รับเกียรติและความเคารพนับถือ แต่พระคุณสัตย์ซื่อในการถวายเกียรติและศักดิ์ศรีทั้งหมดแด่พระเจ้า ธรรมชาติมนุษย์กลัวการขายหน้าหรือการถูกดูหมิ่น แต่พระคุณยินดีที่จะถูกประณามเพราะเห็นแก่พระนามของพระเยซู ธรรมชาติมนุษย์ชอบอยู่อย่างสะดวกสบายและการพักผ่อนทางกาย แต่พระคุณทนไม่ได้ที่จะอยู่เฉย ๆ และมีใจพร้อมที่จะทำงานหนัก ธรรมชาติมนุษย์แสวงหาที่จะเป็นเจ้าของสิ่งที่หายากและสิ่งที่งดงามโดยเกลียดชังสิ่งที่ราคาถูกและหยาบ ๆ ตรงกันข้าม พระคุณมีความยินดีกับสิ่งที่เรียบง่าย ไม่หรูหรา โดยไม่ดูหมิ่นสิ่งที่หยาบ ๆ และไม่ปฏิเสธที่จะสวมใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ

ธรรมชาติมนุษย์สนใจการมีทรัพย์สินฝ่ายโลก และชื่นชมยินดีในผลประโยชน์ที่ได้รับฝ่ายโลก โศกเศร้าถ้าขาดทุน และฉุนเฉียวถ้าใครกล่าวคำพูดนิดเดียวที่อาจทำให้เจ็บใจ แต่พระคุณมองไปถึงสิ่งนิรันดร์ และไม่ยึดสิ่งที่เป็นของกาลเวลาไว้ โดยไม่กระเทือนใจถ้าเกิดการเสียหาย หรือโกรธเมื่อถูกคนกล่าวคำพูดรุนแรง เพราะได้ฝากขุมทรัพย์และความยินดีไว้ที่สวรรค์ที่ไม่เกิดการเสียหายในสิ่งใดเลย

ธรรมชาติมนุษย์มักจะโลภอยากได้ เต็มรับมากกว่าให้ผู้อื่น และชอบที่จะมีสิ่งของเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัวของตนเอง แต่พระคุณนั้นอ่อนโยนและมีใจกว้างขวาง หลีกเลี่ยงการทำอะไรเพื่อประโยชน์ส่วนตัว อิ่มใจเมื่อมีแค่เล็กน้อย และถือว่าการให้เป็นพระพรมากกว่าการรับ

ธรรมชาติมนุษย์ชอบมนุษย์ เนื้อตัวของตนเอง สิ่งที่อนิจจัง และการวิ่งไปวิ่งมา แต่พระคุณนั้นเข้ามาใกล้พระเจ้าและคุณธรรม ไม่คบหามนุษย์ เกลียดชังความปรารถนาของเนื้อหนัง ควบคุมการสัญจรของตน และรู้สึกอายจนหน้าแดงที่ต้องปรากฎในที่สาธารณะ

ธรรมชาติมนุษย์ชอบมีอะไรภายนอกที่ปลอบโยนและที่จะบำเรอราคะตัณหาของตน แต่พระคุณแสวงหาความปลอบโยนในพระเจ้าเท่านั้น เพื่อจะมีความปลื้มปีติในคุณงามความดีสูงสุด ซึ่งอยู่เหนือกว่าสิ่งทั้งปวงที่ตามองเห็นได้

ธรรมชาติมนุษย์ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อกำไรและประโยชน์ของตนเอง จะทำอะไรไม่ได้ถ้าปราศจากค่าตอบแทน และคาดหวังว่าการทำดีของตนจะได้รับรางวัลพอ ๆ กันหรือดีกว่านั้นอีก หรือมิฉะนั้น การชมเชยและความโปรดปราน ธรรมชาติมนุษย์มีความปรารถนาอย่างยิ่งที่การทำดีและของประทานที่จะได้รับการชมเชยอย่างมาก แต่พระคุณไม่แสวงหาสิ่งใดที่เป็นของโลกนี้ และไม่ขอค่าตอบแทนอะไรนอกจากพระเจ้าเท่านั้น ในเรื่องปัจจัยสำหรับชีวิตในโลกนี้ พระคุณขอให้รับพอที่จะบรรลุถึงนิรันดร์กาลเท่านั้น

ธรรมชาติมนุษย์ชื่นชมยินดีในการมีเพื่อนฝูงและญาติพี่น้องมากมาย ภูมิใจในการมีตำแหน่ง และตระกูลที่มีเกียรติ สอพลอต่อผู้มีอำนาจ ประจบประแจงต่อคนรวย และยกย่องคนที่เป็นเหมือนตัวเอง แต่พระคุณรักแม้แต่ศัตรูของตนเอง และไม่ทะนงตัวเพราะมีเพื่อนฝูงมากมาย ไม่ได้ถือว่าตำแหน่งหรือตระกูลที่มีเกียรติเป็นสิ่งที่พิเศษ เว้นแต่จะมีคุณธรรมประกอบด้วย ชอบคนอนามากกว่าคนมั่งมี เห็นอกเห็นใจคนที่ไร้ความผิดมากกว่าคนที่อำนาจสูง ปีติยินดีร่วมกันกับคนที่สัตย์ซื่อมากกว่าคนที่หลอกลวง และมักจะชักชวนคนดีให้บากบั่นที่จะได้ของประทานที่ดีกว่า ให้กลายเป็นคนเหมือนกับพระบุตรของพระเจ้าโดยการฝึกในด้านคุณธรรม

ธรรมชาติมนุษย์เร็วในการบ่นต่อว่าเมื่อขาดสิ่งจำเป็นหรือมีปัญหา แต่พระคุณอดทนขณะโดนความขัดสน ธรรมชาติมนุษย์นำทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาสู่ตนเอง ต่อสู้และโต้แย้งเพื่อประโยชน์ของตนเอง แต่พระคุณนำทุกสิ่งกลับมาสู่พระเจ้าที่เป็นแหล่งกำเนิดของสิ่งเหล่านั้น ไม่ถือว่าตนเองมีความดีประการใด ไม่ทะนงตัวหรือจองหอง ไม่ชอบโต้เถียง ไม่ถือว่าทัศนะของตนเองดีกว่าทัศนะของผู้อื่น แต่ในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับความคิดความเข้าใจก็ยอมต่อพระสติปัญญานิรันดร์ และการพิพากษาของพระเจ้า

ธรรมชาติมนุษย์กระหายที่จะรู้ความลึกลับและที่จะฟังข่าว ปรารถนาที่จะปรากฎตัวในที่สาธารณะ และที่จะมีประสบการณ์มากมายด้านประสาทสัมผัสทั้งห้า อยากให้เป็นที่รู้จักและกระทำสิ่งที่จะนำให้ตนเองได้รับการยกย่องและชมเชย แต่พระคุณไม่สนใจที่จะฟังข่าวหรือเรื่องแปลก ๆ เพราะทั้งหมดนี้มาจากความเสื่อมทรามดั้งเดิมของมนุษย์ เนื่องจากไม่มีสิ่งใดที่ใหม่ ไม่มีสิ่งใดที่ถาวรในโลก ฉะนั้น พระคุณจึงสอนให้ควบคุมประสาทสัมผัสทั้งห้า ให้หลีกเลี่ยงการกระทำที่ทำให้ตัวเองพอใจและการอวดอ้างอย่างไร้สาระ ให้การปิดบังการกระทำที่น่าจะได้รับคำยกย่องและชมเชยไว้ด้วยความถ่อมใจ และในสิ่งสารพัด ในความรู้ทุกอย่าง ให้แสวงหาผลที่เป็นประโยชน์ การสรรเสริญและถวายเกียรติแด่พระเจ้า

พระคุณนี้เป็นความสว่างที่เหนือธรรมชาติ เป็นของประทานพิเศษจากพระเจ้า เป็นเครื่องหมายเฉพาะของผู้ที่เลือกสรรไว้ และเป็นมัดจำของความรอดนิรันดร์ พระคุณนี้ยกชูมนุษย์ขึ้นจากสิ่งที่อยู่ในโลก ให้รักสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ ทำให้ผู้ที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังกลายเป็นคนฝ่ายวิญญาณ ดังนั้น ยิ่งควบคุมและปราบปรามธรรมชาติมากเท่าไร ก็ยิ่งได้รับพระคุณมากเท่านั้น ส่วนภายในของมนุษย์ถูกสร้างขึ้นใหม่ทุก ๆ วันให้เป็นตามพระฉายาของพระเจ้า เนื่องจากการได้รับการเยี่ยมเยียนใหม่ ๆ

หนังสือ เลียนแบบพระคริสต์ (Of The Imitation of Christ)
เขียนโดย โธมัส อาเคมพิส (Thomas à Kempis)
แปลโดย พญ. เออร์ซูลา โลเวนธอล
เรียบเรียงโดย กนกบรรณสาร

ความชูใจภายใน

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com