ความรอดของพ่อ

"จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ"
(มัทธิว 7:7)

วันที่ฉันเข้ารับบัพติสมา เป็นวันครบรอบ 1 ปีที่พ่อเสียชีวิต พ่อเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่ฉันตั้งท้องได้ 8 เดือน ฉันแวะไปเยี่ยมพ่อบ่อยๆ จนพยาบาลตักเตือนว่า "ท้องแก่มากแล้ว ไม่ควรมาเยี่ยมผู้ป่วย" พ่อจากไปหลังจากที่นิคกี้ลืมตามาดูโลกเพียงไม่กี่วัน พ่อไม่ได้เห็นหน้าหลาน เราได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ในขณะที่เรา 2 คนพ่อลูกพักอยู่คนละโรงพยาบาล

"เดี๋ยวป๊าจะขอพยาบาลออกไปเยี่ยมเค็งนะ ป๊าอยากเห็นหน้าหลาน ไปสัก 2-3 ชั่วโมงหมอคงไม่ว่าอะไร" แต่สิ่งนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้น พ่อหมดสติ เข้าห้องไอซียูและไม่เคยฟื้นขึ้นมาอีก พ่อจากโลกนี้ไป เมื่ออายุ 46 ปี ด้วยอาการเลือดคั่งในสมอง แต่สาเหตุที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ก็คือ พ่อเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง พ่ออยู่โรงพยาบาลนานกว่า 2 เดือน เพราะอวัยวะภายในร่างกายเริ่มไม่ทำงานแล้ว พยาบาลผูกแขนผูกขาของพ่อไว้กับราวที่ขอบเตียงเพราะว่าพ่อมักจะแอบหนีไปซื้อบุหรี่ และเบียร์กระป๋องที่ร้านค้าชั้นล่าง พ่อพยายามแก้เชือกที่มัดมือมัดขาพ่อไว้ เป็นเหตุให้พลาดตกเตียง หัวฟาดพื้น พ่อไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้ใครฟัง กว่าจะมารู้อีกที เลือดก็คั่งในสมองเสียแล้ว พ่อทิ้งกระเป๋าสตางค์ไว้ข้างเตียงผู้ป่วยกับเงินเพียงไม่กี่ร้อยบาท และรูปภาพของพ่อ 4 ใบ ให้ลูก 3 คนและแม่บังเกิดเกล้า

1 ปีที่ผ่านมา ญาติๆ และเพื่อนบ้านพูดกันกว่า พ่อวนเวียนมาขออาหารและเสื้อผ้าในฝันของคนหลายคน เหมือนจะบอกว่า ดวงวิญญาณของพ่อยังไม่ไปไหน ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย เพื่อนบ้านของฉันคนหนึ่ง บอกว่า พ่อมาขออาหารในฝัน เหมือนตอนที่เธอเคยให้อาหารพ่อสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอนำความฝันไปแปลเป็นเลข ทำให้ถูกหวยไปหลายแสนบาท

วันนี้ย่าบอกให้น้องชายและน้องสาวไปทำบุญตักบาตรครบรอบวันตายให้พ่อตอนเช้า ไม่มีใครยุ่งกับฉันในเรื่องพวกนี้แล้ว ตอนนี้พวกเขารู้และเคารพในการกลับใจมาเป็นคริสเตียนของฉัน

พระธรรมฮีบรู บทที่ 9 ข้อ 27 บอกว่า "มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด พระคริสต์ก็ฉันนั้น คือพระองค์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาครั้งเดียว เพื่อจะได้ทรงแบกบาปของคนเป็นอันมากไว้ พระองค์จะทรงปรากฎเป็นครั้งที่สอง มิใช่เพื่อกำจัดบาป แต่เพื่อช่วยบรรดาผู้ที่รอคอยพระองค์ด้วยใจจดจ่อให้ได้รับความรอด"

ฉันกังวลใจไม่น้อย เพราะพ่อไม่ได้รู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าก่อนตาย แต่เมื่อนึกทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้วซ้ำไปซ้ำมาหลายๆ ครั้ง ก็จำได้ว่า พ่อตายในโรงพยาบาลของคาทอลิค บนถนนสาทร ครั้งหนึ่งที่ฉันไปเยี่ยม พ่อเล่าให้ฟังว่า


"ป๊า เค็งซื้อพวงมาลัยมาฝาก ก่อนจะนอนป๊าควรจะสวดมนต์นะ และบนหัวนอนของป๊ามีพระเยซูถูกตรึงอยู่บนกางเขน ยังไงป๊าก็ควรสวดอ้อนวอนกับพระเยซูด้วยนะ เพราะป๊านอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลของคริสเตียน พระเจ้าของพวกเขา อาจจะช่วยรักษาป๊าได้" ตอนนั้นฉันยังไม่รู้จักพระเจ้าด้วยซ้ำ แต่ฉันก็เชื่อว่า พระองค์จะทรงดูแลผู้ป่วยทุกคนที่นั่น

"รู้แล้ว มีแม่ชีใส่ชุดขาวแวะมาคุยกับป๊าทุกวันล่ะ" พ่อพยักหน้าเบาๆ

"จริงเหรอ แล้วเธอมาพูดอะไรกับป๊าบ้างล่ะ" ฉันถามด้วยความตื่นเต้น

"เธอก็มาพูดเรื่องของพระเยซูให้ฟัง และสอนให้ป๊าสวดแบบคริสต์ทุกวัน" พ่อเล่าด้วยน้ำเสียงที่ยอมจำนน หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าพ่อได้ยินเรื่องของพระเยซูคริสต์ พ่อจะบอกว่า "เป็นศาสนาของฝรั่ง ไม่ใช่ของเรา" วันนี้พ่ออาจจะรู้สึกว่า พระเจ้าองค์ไหนที่จะทำให้พ่อหาย พ่อก็จะสวดมนต์ไหว้วอนทั้งนั้น


แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่า ตอนนี้จิตวิญญาณของพ่ออยู่ที่ไหน พ่อได้รับความรอดก่อนตายหรือไม่ แม่ชีพูดอะไรให้พ่อฟังบ้าง พ่อได้สารภาพบาปหรือไม่ พ่อนอนมองดูกางเขนที่หัวเตียงเป็นเวลากว่า 2 เดือน วินาทีสุดท้ายก่อนพ่อจะจากโลกนี้ไป พ่อได้ร้องเรียกหาพระองค์หรือเปล่า โอ้..พระเจ้า ฉันจะรู้ได้อย่างไร ฉันตั้งจิตอธิษฐานถามพระองค์ และหวังว่า พระองค์จะตอบ

"ข้าแต่พระบิดาผู้สถิตย์ในสวรรค์ พระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวง พระเจ้าผู้เป็นที่รักยิ่งของข้าพระองค์ ตอนที่พ่อของฉันยังมีชีวิตอยู่ พ่อเคยต่อต้านองค์พระเยซูคริสต์ พ่อเคยเผาหนังสือพระคำของพระองค์ที่ฉันนำกลับมาอ่านในสมัยที่เรียนโรงเรียนคาทอลิค พ่อเคยเอาสร้อยกางเขนที่ฉันห้อยคอไปโยนทิ้ง พ่อดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นทางของความผิดบาป ฉันไม่รู้ว่าป่านนี้ดวงวิญญาณของพ่ออยู่ที่ไหน พ่อได้รับความรอดก่อนตายหรือไม่ พระองค์จะตอบฉันได้ไหม ว่าพระองค์ได้รับพ่อของฉันไปอยู่ด้วยหรือเปล่า ขอพระองค์ทรงเมตตา ประทานสันติสุขในใจให้กับข้าพระองค์ในเรื่องนี้ด้วยเถิด กราบทูลขอสิ่งนี้ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน"

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ฉันฝันเห็นพ่อขุดดินอยู่ด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาของพ่อ พ่อดูหนุ่มและมีความสุข ดินที่พ่อกำลังขุดอยู่นั้นเป็นปุยเมฆสีขาว พ่อไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มแก้มปริ ฉันตื่นขึ้น ทบทวนถึงความฝันนั้นอยู่หลายวัน มั่นใจว่า พระองค์ได้มอบความมั่นใจให้กับฉันในเรื่องนี้ แม้พ่อจะเป็นเพียงแค่คนงานในสวนบนสวรรค์ก็มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดๆ ความรอดของพ่อมิได้มาจากคำอธิษฐานของฉัน หรือการร้องขอของพ่อ หากแต่ "พระคุณ" ของพระเจ้าเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ที่เป็นคำตอบ...

เมื่อพี่ลิลลี่ได้ฟังเรื่องนี้ เธอบอกว่า ความเชื่อของฉันที่มีต่อพระเจ้านั้น เปรียบเหมือนความเชื่อของเด็กที่ไม่มีข้อสงสัยในความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และเป็นความเชื่อดั่งที่พระองค์ต้องการ พระองค์คงอยากให้ฉันวางใจในเรื่องนี้จริงๆ

อีกกี่ปีที่ฉันจะได้พบกับพ่ออีกครั้ง และอีกกี่ปีที่ฉันจะได้ไปพบกับพระบิดาอันเป็นที่รักยิ่ง หนังสือที่เพิ่งอ่านจบบอกว่า บนสวรรค์ไม่มีเวลา เมื่อฉันได้เจอพ่ออีกครั้ง พ่อก็จะยังดูหล่อเหลา ในสภาพที่ดูดีที่สุดของพ่อ พ่อจะไม่รู้สึกเจ็บปวดกับการรอคอยเหมือนอย่างที่ฉันรู้สึก ไม่ว่าจะอีกกี่ปี พ่อทั้ง 2 ท่านรับรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร และจะเฝ้ามองฉันและลูกตลอดเวลา จนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่เราพบกันอีกครั้ง ฉันอยากบอกว่า "ฉันรักพ่อ"

สรินยา วูด
จากหนังสือ แสงแห่งความหวัง

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com