10. การได้สันติสุขและดีรอบคอบ

การได้สันติสุขและความกระตือรือร้นที่จะดีรอบคอบ

เราคงจะมีความสุขมาก ถ้าหากเราไม่ใส่ใจในคำพูดและการกระทำของผู้อื่น เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ธุระอะไรของเรา เป็นไปได้หรือที่คนที่ชอบยุ่งกับธุระที่ไม่ใช่ของตนเอง ที่หาความบันเทิงในทางแปลก ๆ ที่ไม่ค่อยสำรวม หรือนาน ๆ จึงจะสำรวมครั้ง จะมีสันติสุขในชีวิตได้อย่างยาวนาน

ผู้ที่มีใจซื่อก็เป็นสุข เพราะจะมีสันติสุขอย่างเหลือล้น

ทำไมนักบวชบางคน จึงเป็นคนดีรอบคอบ และมีนิสัยชอบภาวนา ก็เพราะพวกเขาพยายามจะขจัดความปรารถนาฝ่ายโลกทุกอย่างที่มีอยู่ในตัวเขาเองออกไป ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงสามารถรักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจ และสำรวมความคิดที่อยู่ลึกที่สุดในใจของเขาเองอย่างไม่มีอุปสรรค

เรายุ่งเกินไปกับความต้องการและความเพ้อฝันต่าง ๆ ของเราเอง ยุ่งกับการเอาใจใส่สิ่งที่อยู่แค่ชั่วคราว นาน ๆ ทีเราจึงจะสามารถเอาชนะนิสัยชั่วแม้สักแค่ประการหนึ่งได้ และเราก็ขาดความกระตือรือร้นที่จะช่วยตัวเองให้ดีขึ้นวันแล้ววันเล่า เพราะฉะนั้น เราจึงเฉื่อยชาอย่างเดิม โดยขาดความรัก ถ้าเราจะปราบปรามร่างกายของเราอย่างเต็มที่ และไม่อนุญาตให้สิ่งที่จะเรียกร้องความสนใจของเราไปในทางอื่นเข้ามาภายในจิตใจ เราก็จะเห็นคุณค่าของสิ่งที่เกี่ยวกับพระเจ้า และมีประสบการณ์ในการใคร่ครวญถึงสิ่งที่เกี่ยวกับสวรรค์บ้าง

อุปสรรคใหญ่ ซึ่งที่จริงเป็นอุปสรรคเดียว นั่นคือ เราติดอยู่ในบ่วงแร้วของความปรารถนาและราคะตัณหา ที่เราไม่พยายามเดินตามทางดีรอบคอบของพวกนักบุญ ดังนั้น เมื่อเราเผชิญกับปัญหาเพียงเล็กน้อย เราจึงมักจะท้อใจง่ายเกินไป และหันไปหาความเล้าโลมใจจากมนุษย์ แต่ถ้าเราพยายามยืนหยัดอย่างชายชาติทหารในยามศึกสงคราม ความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าจากสวรรค์คงจะพอค้ำจุนกำลังของเราได้แน่ เพราะพระองค์ผู้ทรงประทานโอกาสแก่เราในการต่อสู้เพื่อให้มีชัยชนะเหนือศัตรู ก็พร้อมที่จะช่วยคนเหล่านั้นที่ต่อสู้โดยวางใจในพระคุณของพระองค์

ถ้าเราปล่อยให้ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตฝ่ายวิญญาณขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามศาสนกิจภายนอกเท่านั้น ไม่นานความจงรักภักดีของเราก็จะมาถึงจุดจบ ฉะนั้น ให้เราหยิบขวานมาตัดต้นนี้แบบขุดรากถอนโคน เพื่อเราจะปลดปล่อยจากความปรารถนาของเรา แล้วจึงจะมีสันติสุขในใจ

ถ้าหากเราจะถอนรากเหง้าของนิสัยชั่วเพียงปีละอย่างเท่านั้น ไม่นานาเราก็จะกลายเป็นคนดีรอบคอบ แต่ในความเป็นจริง บ่อยครั้งจะเป็นตรงกันข้าม คือ เรารู้สึกว่าเมื่อเรามีความร้อนรนในครั้งที่เกลับใจใหม่ ๆ นั้น เราเคยเป็นคนที่ดีกว่า และบริสุทธิ์กว่าที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน หลังจากที่เราปฏิบัติตามความเชื่อของเรามานานหลายปี เราควรจะร้อนรนขึ้นและเจริญก้าวหน้าขึ้นทุก ๆ วัน แต่ทุกวันนี้ ถ้าคนเราสามารถรักษาแม้เพียงส่วนหนึ่งของความร้อนรนดั้งเดิมนั้นไว้ได้ ก็ถือกันว่าเป็นสิ่งที่ควรแก่การนับถือแล้ว

ถ้าในตอนแรก เราปฏิบัติต่อตัวเราอย่างเข้มงวดสักหน่อย ต่อไปเราน่าจะทำทุกสิ่งได้อย่างง่ายด้ายและด้วยความยินดี การเลิกนิสัยเก่านั้นยาก แต่การทำอะไรแบบฝืนใจตนเองก็ยากยิ่งกว่า

ถ้าคุณไม่สามารถเอาชนะสิ่งเล็กน้อยได้ คุณจะเอาชนะในสิ่งที่ยากกว่าได้อย่างไร จงต่อสู้การทดลองเสียตั้งแต่เริ่มต้น และเรียนรู้ที่จะเลิกนิสัยชั่วนั้นเสีย เกรงว่าบางทีมันจะค่อย ๆ นำคุณไปสู่นิสัยที่เลวร้ายกว่าเดิม

ถ้าเพียงคุณจะพิจารณาดูว่าการดำเนินชีวิตที่ดีจะนำสันติสุขมาให้คุณเองอย่างไร และนำความชื่นชมยินดีมาให้ผู้อื่นอย่างไร ผมคิดว่าคุณคงจะเอาใจใส่ในความเจริญก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณของคุณมากกว่าที่เคยทำมา

หนังสือ เลียนแบบพระคริสต์ (Of The Imitation of Christ)
เขียนโดย โธมัส อาเคมพิส (Thomas à Kempis)
แปลโดย พญ. เออร์ซูลา โลเวนธอล
เรียบเรียงโดย กนกบรรณสาร

ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com