มนุษย์ไม่สามารถทำดีพ้นบาปได้

ข้างต้น เราได้เข้าใจแล้วว่า โลกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่มีพระเจ้าเป็นผู้สร้าง ความจริงนี้มันแจ้งอยู่ในใจมนุษย์ และพระเจ้ามีกฎให้กับทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างนอกจากมนุษย์ จะต้องทำตามกฎ มันไม่มีอิสระที่จะเลือก แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวในโลก ที่สามารถเลือกว่าจะทำตามกฎหรือไม่ก็ได้ เขามีอิสระในการตัดสินใจได้เอง ถ้าเขาใช้อิสระในทางที่ถูก เขาจะไม่รู้สึกผิด แต่ถ้าเขาใช้อิสระที่มีอยู่ภายในเขาในทางที่ผิด เขาจะรู้สึกถึงการขัดแย้ง และรู้สึกลึก ๆ ว่า เขาต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขา

ดังนั้น มนุษย์จึงเริ่มที่จะทำให้ความรู้สึกที่ต้องรับผิดชอบนั้นหายไป และวิธีที่มนุษย์ใช้มากที่สุด คือ การทำดี การประพฤติตามศีลธรรมอันดี แต่การกระทำเช่นนี้ของมนุษย์ ช่วยมนุษย์ให้พ้นจากความบาปที่เขาได้กระทำมาได้หรือ ? เรามาดูกัน

ก่อนอื่นให้เรามาดูชาร์ข้างล่างนี้กันก่อน

กฎหมาย --> มีอิสระ

--> ทำผิดกฎหมาย (พลเมืองเลว)

--> จับได้ --> ติดคุกทันที

--> จับไม่ได้ --> ยังมีอิสระ แต่ไม่ใช่อิสระที่แท้จริงอีกต่อไป --> ต่อมาถูกจับได้ ก็จะรู้ว่าไม่มีอิสระตั้งนานแล้ว --> ถูกลงโทษตามกฎหมาย

--> ทำถูกกฎหมาย (พลเมืองดี)

--> มีอิสระที่แท้จริง

ชาร์ตนี้ได้บอกเราถึงความจริงอะไรบ้าง ?

ถ้าเราดูจากชาร์ต จะเห็นว่า ช่องแรก คือ "กฎหมาย" เราอยู่ในเมืองไทย เราต้องอยู่ในขอบเขตของกฎหมายของเมืองไทย เรามีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายไทย

ภายใต้กฎหมายไทย เรามีหน้าที่เป็นพลเมืองดี การรักษากฎหมายเป็นหน้าที่ของเราทุกคน

แต่เพราะเรามีอิสระนี่เอง เราจึงสามารถเลือกได้ว่าจะทำตามกฎหมาย หรือไม่ทำก็ได้ (รัฐบาลไม่ได้บังคับเรา แต่เรียกร้องให้เรารักษากฎหมาย)

ถ้าเราใช้อิสระในการเลือกในทางที่ถูก คือ ทำตามกฎหมาย รัฐบาลไทยก็จะเรียกเราว่า "พลเมืองดี" ที่แท้จริง แต่ถ้าเราใช้อิสระที่มีอยู่ในทางที่ผิด รัฐบาลไทยก็จะเรียกเราว่า "พลเมืองเลว" ทันที

และเราทำตามกฎหมาย หรือไม่ทำตามกฎหมาย เรามีพยานที่อยู่ในจิตใจของเรา เรารู้ดีแก่ใจ

ถ้าเราทำผิดกฎหมาย ก็มีทางเป็นไปได้ 2 ทาง นั่นก็คือ ถูกจับได้ทันที หรือ ยังถูกจับไม่ได้

ถ้าเราถูกจับได้ทันที ก็ดำเนินคดี และลงโทษ

แต่ถ้าเรายังถูกจับไม่ได้ เราก็ดูเหมือนว่ามีอิสระ แต่ไม่ใช่อิสระที่แท้จริงต่อไปแล้ว มันเป็นอิสระที่มีคดีติดตัว ถ้าตำรวจจับได้เมื่อไหร่ เราก็ถูกลงโทษเมื่อนั่น

เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมรู้จักยามคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในโรงงานจังหวัดขอนแก่น ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ รักครอบครัว แต่วันหนึ่งตำรวจได้มาจับเขาในข้อหาฆ่าคนตายที่สกลนครเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เขามาอยู่ขอนแก่น เขาดูเหมือนว่าอิสระ ดูเหมือนว่าไม่มีความผิดอะไร แต่เมื่อตำรวจมาถึง เราจึงรู้ว่า ตั้งแต่เขาทำผิด คือ ฆ่าคนตาย เขาก็ไม่มีอิสระตั้งนานแล้ว

แต่ถ้าเมื่อเราทำผิดกฎหมาย เราไปบอกตำรวจว่า เราจะรักษากฎหมายเพื่อลบล้างคดีของเรา ตำรวจจะพูดว่าอะไร ?

ตำรวจก็จะพูดอย่างนี้ว่า "คุณทำผิดกฎหมาย ต้องว่าไปตามกฎหมาย คุณไม่สามารถลบล้างคดีด้วยการรักษากฎหมายได้เลย เพราะว่าการรักษากฎหมาย เป็นหน้าที่ของคุณอยู่แล้ว การรักษากฎหมายของคุณไม่ได้ช่วยให้คุณพ้นคดีได้เลย มันช่วยได้เพียงอย่างเดียว คือ ทำให้ข้อหามันอยู่ตัว หรือไม่เพิ่มขึ้นเท่านั้น"

แล้วทำอย่างไรล่ะ คดีจึงจะหมดไปได้ ? คำตอบก็คือ "รับการลงโทษสถานเดียว"

เช่นเดียวกัน หลังจากที่พระเจ้าสร้างมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ให้เขาอยู่ในโลก และวางกฎเกณฑ์ให้แก่เขา ภายใต้กฎเกณฑ์ที่พระเจ้าวางไว้ มนุษย์มีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขตของกฎเกณฑ์นั้น ภายใต้กฎเกณฑ์นั้น มนุษย์มีหน้าที่ทำดี คือ ทำตามกฎเกณฑ์ที่พระองค์ทรงวางไว้ให้แก่พวกเขา

แต่เพราะพระเจ้าให้มนุษย์มีอิสระ มนุษย์จึงสามารถเลือกได้ว่า จะทำตามกฎเกณฑ์ที่พระเจ้าทรงวางไว้ หรือไม่ทำก็ได้ (พระเจ้าไม่ได้บังคับ)

ถ้ามนุษย์ใช้อิสระในทางที่ถูก พระเจ้าก็จะเรียกเขาว่า "ชอบธรรรม" หรือ "ผู้บริสุทธิ์" เขาจะมีอิสระที่แท้จริง

แต่ถ้าหากมนุษย์ใช้อิสระในทางที่ผิด คือ ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ที่พระเจ้าทรงวางไว้ สถานภาพของเขาก็จะกลายเป็น "คนบาป" ทันที ซึ่งมนุษย์ทุกคนรู้อยู่แก่ใจดีว่า เขาทำผิดกฎเกณฑ์ที่พระเจ้าทรงวางไว้ในใจของเขาหรือเปล่า ดูได้จาก จิตสำนึกผิดชอบของเขาว่ามีการขัดแย้งกับเขาไหม

ถ้าคนหนึ่งซื่อสัตย์กับตัวเอง นั่นก็คือ เขากำลังอยู่ในฐานะที่เป็น "คนบาป" นั่นเอง และเมื่อเขาทำผิด ก็มีทางเป็นไปได้ 2 ทาง นั่นคือ พระเจ้าพิพากษาโลกทันที กับพระเจ้ายังให้โอกาสแก่เขา

ถ้าพระเจ้าพิพากษาลงโทษทันที มนุษย์ก็ต้องพินาศในนรกเดี๋ยวนั้นเลย

แต่ขอบคุณพระเจ้า ที่พระองค์ทรงมีความเมตตาต่อมนุษย์เรา พระองค์ยังไม่พิพากษาลงโทษมนุษย์ให้ลงนรกทันที แต่ยังให้โอกาส (โอกาสนี้คืออะไร เราจะพูดรายละเอียดกันในหัวข้อต่อไป)

เมื่อพระเจ้ายังให้โอกาสแก่มนุษย์ จึงทำให้มนุษย์ดูเหมือนว่ามีอิสระ แต่ไม่ใช่อิสระที่แท้จริงแล้ว มันเป็นอิสระที่มีคดีบาปติดตัว (เขารู้อยู่แก่ใจ) และพระเจ้าทรงกำหนดไว้แล้วว่า วันหนึ่งพระองค์จะพิพากษาความผิดบาปที่เขาได้กระทำ

แต่มนุษย์ แทนที่จะกลับใจ เขากลับพยายามที่จะทำดี รักษาศีลธรรมอันดีงาม เพื่อหวังจะพ้นจากบาปที่เขาได้ทำ แต่การทำดีของเขา การประพฤติตามศีลธรรมของเขา ไม่สามารถที่จะลบล้างคดีบาปได้เลย เพราะการทำดี หรือการประพฤติตามกฎศีลธรรมนั้นเป็นหน้าที่ของมนุษย์อยู่แล้ว การทำดี หรือประพฤติตามศีลธรรมไม่สามารถลบล้างคดีบาปได้เลย การทำดี หรือการประพฤติตามศีลธรรมนั้นมันช่วยได้เพียงอย่างเดียว ก็คือ ทำให้คดีบาปของเขาอยู่ตัว หรือไม่เพิ่มขึ้น

แล้วทำอย่างไร จึงจะพ้นจากคดีบาปได้ ?

คำตอบก็คือ "รับโทษสถานเดียว"

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์
จากหนังสือ พระเจ้าเกี่ยวข้องกับฉันอย่างไร?

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com