ตายแล้วจะพบกับอะไร?

ในข้อที่ 5 ของช่องมนุษย์ที่เขียนว่า "เผชิญกับเหตุการณ์หลังความตาย" นั้น เขาจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์อะไรหรือ ?

พวกเราที่เป็นคริสเตียน เราเชื่อว่า นับตั้งแต่มนุษย์ทำบาป คือ แยกตัวออกจากพระเจ้า ไม่เชื่อฟังพระองค์ เขาก็เริ่มมีการตาย 3 อย่างเกิดขึ้นในชีวิตของเขา คือ

  1. ตายฝ่ายวิญญาณ เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ ในขณะที่คุณเป็นอยู่

  2. ตายฝ่ายร่างกาย จะเกิดขึ้นแน่ในอนาคต

  3. ตายในนรก แยกจากพระเจ้าเป็นนิตย์ จะพบกับความตายนี้หรือไม่ เรามีสิทธิ์เลือกเมื่อยังมีชีวิตอยู่

ตอนนี้ให้เรามาดูกันทีละอย่าง

1. ความตายฝ่ายวิญญาณ

ความตายฝ่ายวิญญาณ คือ การไม่เอาพระเจ้าเป็นจุดศูนย์กลางในการดำเนินชีวิต แต่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางในการดำเนินชีวิต เขาจะกำหนดวิถีชีวิตขึ้นมาเอง เขาจะกำหนดว่าสิ่งใดถูกหรือผิดด้วยตัวเอง เขาจะวางมาตรฐานศีลธรรมของตนเอง นี่เป็นผลจากการแยกออกจากพระเจ้า นี่เป็นความตายฝ่ายวิญญาณที่มนุษย์ทุกคนในโลกกำลังประสบอยู่ ซึ่งการตายฝ่ายวิญญาณนี้จะสังเกตได้ง่าย ๆ 5 ประการในชีวิตของมนุษย์ทุกคน ก็คือ

  1. ไม่สนใจพระเจ้า ไม่คิด ไม่แสวงหา ไม่ถวายเกียรติแด่พระองค์ ลบหลู่พระองค์ เกลียดชังพระเจ้า และเรื่องของพระเจ้าโดยไร้สาเหตุ ฯลฯ

  2. ฉันทำผิดได้ไม่เป็นไร แต่คนอื่นห้ามทำผิด ฉันโกหกคนอื่นได้ไม่เป็นไร แต่ใครมาโกหกฉันล่ะ น่าดู ฉันนินทาคนอื่นได้ไม่เป็นไร แต่คนอื่นห้ามมานินทาฉันเด็ดขาด ฉันทำผิดเรื่องเพศได้ แต่ใครอย่ามาทำผิดเรื่องเพศกับครอบครัวฉัน ฯลฯ

  3. ถึงแม้จะมีกฎหมาย และมาตรฐานศีลธรรมของศาสนา แต่เขาก็ยึดไว้แต่ปาก ส่วนการดำเนินชีวิตของเขา ดำเนินตามที่ตนเองห็นชอบ

  4. สอนได้ ทำไม่ได้ เช่น พ่อแม่สอนลูกว่าอย่าโกหก แต่ตัวเองก็โกหก ยิ่งมาก็ยิ่งหน้าซื่อใจคด มือถือสากปากถือศีล ถือศาสนาแต่เปลือกนอก แต่แก่นแท้ของศาสนาเขากลับไม่ถือ

  5. แสวงหาในสิ่งที่เอาไปไม่ได้ รู้ไหม ว่าตายแล้วเอาไปไม่ได้ รู้แต่ก็ยังหา ทำไม ?

ปรากฎการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเพราะมนุษย์ทุกคนกำลังตายฝ่ายวิญญาณ และความตายฝ่ายวิญญาณนี้กำลังนำพวกเขาเข้าไปสู่การตายที่น่ากลัวอีกสองอย่าง

2. ตายฝ่ายร่างกาย

นี่คือการเหี่ยวแห้งหรือการถดถอยของสังขาร ในชีวิตของพวกเราทุกคนที่มีชีวิตฝ่ายวิญญาณที่แยกจากพระเจ้านี้ จะเริ่มมีอาการนี้ปรากฎออกมาเรื่อย ๆ เริ่มจากเด็กและโตขึ้น จนถึงวัยชรา ร่างกายจะเริ่มเหี่ยวลง เหี่ยวลง และเหี่ยวลง และ ตายในที่สุด

ดังนั้น จึงมีนักปรัชญาบางคนกล่าวว่า "การเริ่มต้นของชีวิตเป็นเรื่องที่เจ็บปวด เพราะมันเป็นการเริ่มต้นเดินไปสู่จุดจบ" เบื้องหลังของความคิดของเขา ก็คือ เขากำลังบอกว่าถ้ามนุษย์เริ่มมีชีวิต และเมื่อไปถึงจุดที่เป็น "หนุ่มสาว" และหยุดอยู่ ณ จุดนี้ตลอดไปได้ ก็จะมีแต่ความสุข (นี่เป็นความคิดที่มีอยู่ในทุกคนทั่วโลก คือ เด็กอยากเป็นผู้ใหญ่ คนชราก็อยากกลับไปเป็นหนุ่มสาวอีกครั้งหนึ่ง)

แต่ความจริงแล้ว เราไม่สามารถที่จะหยุดเวลาในช่วงนี้ได้เลย ดังนั้น เราจึงต้องพบกับความเจ็บปวดแห่งการพลัดพรากจากคนที่เรารัก หรือคนที่รักเรา คือ การตายฝ่ายร่างกาย

3. การตายในนรก

พระคัมภีร์ได้บอกพวกเราว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่มีความรักและทรงมีความยุติธรรม ด้วยความรัก พระองค์ไม่อยากจะลงโทษมนุษย์ (เพราะพระองค์ทรงรักมนุษย์เหมือนพ่อรักลูก) แต่เพราะความยุติธรรมจึงทำให้พระองค์จะต้องลงโทษความผิดบาป เพราะถ้าพระองค์ไม่ทรงลงโทษความผิดบาปแล้ว พระองค์ก็ไม่มีความยุติธรรม

หลังจากมนุษย์ตายฝ่ายร่างกาย วิญญาณของเขาก็จะออกจากร่างกาย ไปสู่สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า แดนคนตาย เพื่อรอการพิพากษาจากพระเจ้า และเมื่อวันพิพากษามาถึง วิญญาณของเขาจะมีร่างกายอีกร่างกายหนึ่ง และจะต้องถูกนำตัวมายังหน้าบัลลังก์พิพากษา และพระเจ้าจะทรงพิพากษาตามการกระทำของเขาที่ทำในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลก

พระเจ้าจะทรงพิพากษาด้วยความยุติธรรมและรอบคอบที่สุด ผู้พิพากษาในโลกนี้อาจจะพิพากษาได้อย่างยุติธรรมในความผิดที่ปรากฎชัดแจ้ง และมีหลักฐานที่ชัดเจนเท่านั้น แต่การพิพากษาของพระเจ้านั้นยุติธรรม และพระองค์จะนำการกระทำทุกอย่างที่มนุษย์กระทำ ไม่ว่าในที่ลับ ที่แจ้ง ที่ชัดเจน หรือที่ปกปิดซ่อนไว้ในใจออกมาพิพากษาหมด

"พระองค์จะทรงเปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่ในความมืดให้แจ่มกระจ่าง และจะทรงเผยความในใจของคนทั้งปวงด้วย" (1โครินธ์ 4:5)

"พระเจ้าจะทรงพิพากษาตามข้อความที่ได้จารึกไว้ในหนังสือเหล่านั้น และตามที่เขาได้กระทำ ... และโทษของมนุษย์ที่ทำบาปจะได้รับ ก็คือ การตายในบึงไฟนรก ซึ่งเป็นการตายครั้งที่สอง" (วิวรณ์ 20:13-15)

(การตายฝ่ายร่างกายเป็นการตายครั้งที่ 1 และการตายในนรกก็เป็นการตายครั้งที่ 2)

คุณยังจำคำพูดของคุณหมอที่พูดกับเศรษฐีในตอนแรกได้ไหม "คุณไม่ได้กลัวตายหรอก แต่สิ่งทีคุณกลัวก็คือเบื้องหลังความตาย เพราะคุณไม่รู้ว่าคุณจะต้องพบอะไร คุณไม่พร้อมที่จะตาย เพราะลึก ๆ คุณรู้ดีว่าเบื้องหลังความตายมีสิ่งที่น่ากลัวกำลังรอคุณอยู่"

เหตุที่มนุษย์ทุกคนกลัวตาย ก็เพราะเขาไม่พร้อมที่จะเผชิญกับมัน (เหมือนเศรษฐี) ทำไมพวกเขาไม่พร้อมที่จะเผชิญกับมัน ก็เพราะเขารู้ดีว่าในชีวิตของเขามีความผิดบาปมากมายซ่อนอยู่ และถ้าเราพินิจดูชีวิตของตัวเองแล้ว เราก็จะพบว่า ตัวเรานั้นก็มีความผิดบาปมากมายซ่อนอยู่ในชีวิตเช้นกัน ไม่ว่าจะเป็นการโกหก โลภ นินทา พูดเสียดสี ขี้เกียจ เห็นแก่ตัว เอาเปรียบคนอื่น อิจฉาริษยาตาร้อน ยุยง ไม่ให้อภัย อวดตัว เกลียดชัง พูดคำหยาบ ขโมย โกง ใส่หน้ากาก คิดแก้แค้น ผิดสัญญา จองหอง เย่อหยิ่ง ลามกสกปรก ด่าพ่อด่าแม่ เถียงพ่อเถียงแม่ ฯลฯ

สิ่งต่าง ๆ ข้าต้นเหล่านี้ หลังจากผ่านการตายครั้งที่ 1 แล้ว จิตวิญญาณของเราก็จะออกจากร่าง ไปพบกับการพิพากษาอันยุติธรรมของพระเจ้าแน่นอน ไม่มีมนุษย์คนใดในโลกที่จะสามารถรอดพ้นจากการพิพากษาที่ยุติธรรมอันแสนน่ากลัวนี้ได้เลย เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า (คือทำในสิ่งที่พระเจ้าไม่ประสงค์ให้เขาทำ) (โรม 3:23)

ทำไมลึก ๆ มนุษย์ทุกคนจึงไม่พร้อมที่จะตาย เพราะเขารู้ดีว่าเบื้องหลังความตาย จะต้องพบกับการพิพากษา และเขาก็หนีไม่พ้น เพราะเขาได้ทำบาปมากมาย ถึงแม้เขาพยายามที่จะทำดีเพื่อลบล้างความผิดบาปที่เขาทำ ก็ไม่สามารถที่จะลบล้างความผิดที่เขาเคยทำมาได้เลย (เหมือนกับนักโทษ เมื่อทำผิด เขาต้องรับโทษสถานเดียว ไม่มีทางทำดีเพื่อชดใช้ความผิดที่ตนได้กระทำมาได้เลย) การทำดีของเขานั้น ช่วยเขาได้แค่เพียง "ทำให้ข้อหาน้อยลงหน่อยเท่านั้นเอง" สุดท้ายเขาจะต้องพบกับความตายครั้งที่ 2 นั่นก็คือการตายในบึงไฟนรก

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์
จากหนังสือ คุณพร้อมแล้วหรือ?

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com