ชื่อพลอย (นางสาวพิทยา กลองกระโทก) ค่ะ เกิดที่จังหวัดนครราชสีมา ครอบครัวของพลอยย้ายมาอยู่กรุงเทพและจังหวัดสมุทรปราการตั้งแต่พลอยยังเด็กๆ จนเมื่อปี 2010 ก็ได้มีโอกาสไปศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกที่ประเทศสก็อตแลนด์และที่นี่เองที่พลอยได้รู้จักกับพระเจ้า
พลอยได้มีโอกาสรู้จักกับพี่คนไทยคนหนึ่งซึ่งเรียนที่เดียวกันและทราบว่าพี่เขาเป็นคริสเตียน เย็นวันจันทร์วันหนึ่งพี่เขาถามว่าสนใจไปเรียนภาษาอังกฤษที่โบสถ์ไหม จึงลองไปดูและพบว่าเพื่อนๆ ที่โบสถ์น่ารักและเป็นกันเองมาก หลังจากนั้นจึงลองเข้าร่วมนมัสการวันอาทิตย์และเข้าร่วมเรียนพระคัมภีร์ในเวลาต่อมา ซึ่งขณะนั้นไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนความเชื่อเลย เพียงอยากพัฒนาภาษาอังกฤษและรู้จักเพื่อนๆ รู้สึกว่าเพื่อนๆ ที่โบสถ์น่ารักและจริงใจดี แต่ก็มีแอบสงสัยว่า อะไรนะที่ทำให้เค้าดีกับเราขนาดนี้ทั้งที่ไม่ได้เป็นญาติหรือรู้จักกันมาก่อน เคยคิดถึงขนาดว่า ที่เขาดีกับเราอาจเพราะเขาแค่อยากให้เราเปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนก็เท่านั้น
คืนวันเสาร์หนึ่ง พลอยตั้งคำถามกับพระเจ้าในใจด้วยคำถาม 2 ข้อว่า
ถ้าพระเจ้ามีจริง ขอที่จะแสดงให้รู้ว่าพระองค์มีจริง
ที่หลายคนบอกว่าเป็นคริสเตียนแล้วเหมือนได้รับชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นมาก จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกหรือ? ตอนนั้นพลอยรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่มีครอบครัวที่อบอุ่นและคนรอบข้างที่ดี ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร และคิดว่าคนมาเป็นคริสเตียนเพราะมีปัญหาในชีวิต
เช้าวันอาทิตย์ก็ไปโบสถ์ตามปกติ เช้านั้น วิวรณ์บทที่ 21 ถูกยกขึ้นมากล่าวถึง ส่วนหนึ่งคือ
"ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากพระที่นั่งว่า 'นี่แน่ะ ที่ประทับของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว และพระองค์จะประทับกับเขาทั้งหลาย พวกเขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ พระเจ้าเองจะสถิตกับเขา [และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา]
พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของเขาทั้งหลาย และความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความโศกเศร้า การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นผ่านไปแล้ว”'
แล้วพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งตรัสว่า 'นี่แน่ะ เราสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่' และตรัสอีกว่า 'จงเขียนลงไปเถิด เพราะว่าคำเหล่านี้เป็นคำที่เชื่อถือได้และสัตย์จริง”'
แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า 'สำเร็จแล้ว เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ใครที่กระหาย เราจะให้เขาดื่มจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย
คนที่ชนะจะได้รับสิ่งเหล่านี้เป็นมรดก และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา' " (วิวรณ์ 21:3-7)
ในเวลานั้น รู้สึกเหมือนได้รับคำตอบจากสองคำถามที่ถามพระเจ้าในคืนก่อนหน้านั้น
ในช่วงเวลาเกือบ 2 ปีที่ลองเปิดใจและอธิษฐานกับพระเจ้าในเรื่องต่างๆ ก็เริ่มมีประสบการณ์กับพระองค์มากขึ้น และรับรู้ถึงการตอบคำอธิษฐานของพระองค์ทุกครั้ง ช้าบ้างเร็วบ้างแต่พระองค์ทรงตอบทุกคำอธิษฐาน พลอยได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น เช่นที่เพื่อนๆ คริสเตียนดีกับเรา ให้ความรักกับเรานั้น เขาทำด้วยใจจริง เพราะเขาได้รับความรักที่ไม่มีเงื่อนไขจากพระเจ้ามาก่อนจึงทำให้เขาอยากส่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไขนั้นให้คนอื่นต่อ
นอกจากนี้การอ่านพระคัมภีร์ก็ทําให้ได้รู้จักกับคําว่า "ความบาป" มากขึ้น พลอยเองเคยคิดว่า ตัวเองก็เป็นคนดีพอสมควร ไม่ได้ฆ่าใครหรือขโมยของใคร แต่จากการอ่านพระคัมภีร์ พลอยได้เรียนรู้ว่า เพียงแค่ความคิดก็เรียกว่าบาปแล้ว เหมือนเป็นการเปิดเผยว่าจริงๆ แล้วข้างในเป็นคนอย่างไร พลอยก็ถือว่าเป็นคนบาปคนหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งพระคัมภีร์บอกว่า "ค่าจ้างของความบาป คือความตาย"(โรม 6:23) แต่เพียงเราเชื่อในพระเยซูคริสต์ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์ที่กางเขนเพื่อรับโทษแทนเรา เราก็จะได้รับความรอดจากความบาป
"เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณโดยทางความเชื่อ ความรอดนี้ไม่ใช่มาจากตัวท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า ไม่ใช่มาจากการกระทําเพื่อไม่ให้ใครอวดได้" (เอเฟซัส 2:8-9)
ไม่ใช่การกระทำหรือความดีที่เราเคยทำ แต่เป็นเพราะพระคุณพระเจ้า
ในที่สุดก็ตัดสินใจรับเชื่อเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2012 พระองค์ทรงตอบคำถามที่เคยมีอยู่ในใจว่าพระองค์ทรงมีอยู่จริงผ่านทางพระคัมภีร์และประสบการณ์ส่วนตัวกับพระองค์ ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ย้อท้อในการที่จะเคาะประตูหัวใจและนำความรอดมาให้ ทุกครั้งที่พลอยมองย้อนกลับไป ก็มักจะได้เห็นลายนิ้วมือของพระเจ้ากระจายไปทั่วความทรงจำทั้งหลายในอดีต ได้เห็นแผนการของพระองค์ที่ค่อยๆ นำพลอยให้ได้มาใกล้ชิดและรู้จักกับพระองค์ที่นี่ในประเทศสก็อตแลนด์ และที่ยิ่งทำให้ประหลาดใจและขอบคุณพระเจ้าก็คือ เมื่อบอก Host Family ที่อเมริกาว่ารับเชื่อแล้ว ทั้ง host dad และ host mum ต่างก็ดีใจมาก เขาบอกว่าเขาอธิษฐานเผื่อพลอยทุกคืนตั้งแต่ที่เรารู้จักกันเมื่อปี 2001 เพื่อที่พลอยจะได้รู้จักพระเจ้า และได้เรียนรู้ถึงการทำงานอย่างเงียบๆ ของพระองค์ที่ไม่เคยรู้มาก่อน
เมื่อก่อนเคยคิดแค่ว่าอยากมีความสุข แต่ขอบคุณพระเจ้า พระองค์ทรงประทานสิ่งที่ยิ่งกว่านั้น นั่นก็คือสันติสุข จากคนที่เคยกลัวว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร "ถ้า.. ถ้า.. ถ้า.." แต่พระองค์ทรงสอนให้เรียนรู้ที่จะวางใจเพราะพระองค์ทรงจัดเตรียม ดูแลในทุกๆ สิ่ง และทรงสถิตอยู่ด้วยในทุกสถานการณ์ พระองค์ยังทำให้รู้ว่า ปัญหาหรือเรื่องรบกวนจิตใจก็ยังมีเข้ามาเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ท่าทีที่มีต่อสิ่งเหล่านั้น พระเจ้าทรงประทานหัวใจดวงใหม่ในการมองทุกๆ สิ่งในมุมมองที่ต่างไปจากเดิม
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการจัดเตรียมทุกๆอย่างในชีวิต ขอบคุณพระเจ้าสำหรับครอบครัวที่แสนดีและอบอุ่น รวมถึงคนรอบข้างที่ดี และที่สำคัญ ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงประทานความหมายและเป้าหมายของชีวิต
มีครั้งหนึ่งที่เพื่อนพลอยเคยยกตัวอย่างว่า เมื่อเราได้ลองชิมเค้กชิ้นหนึ่ง เราก็อยากที่จะบอกคนอื่นให้ลองเช่นกัน แต่เราไม่สามารถบังคับให้เขากลืนลงไปได้ สิ่งที่เราอยากบอกก็คือ เค้กชิ้นนี้อร่อยจริงๆนะ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าอยากจะลองด้วยตัวเองหรือไม่.. ขอบคุณพระเจ้าที่พลอยได้มีโอกาสลองเค้กชิ้นนั้นด้วยตัวเองและพบว่าอร่อยจริงๆ :)
ดร. พิทยา กลองกระโทก (พลอย)
ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน
ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com