พระเจ้าทรงสร้างจักรวาล จากกาแล็กซีทั้งหลาย ไปจนถึงแมงมุมนักประดาน้ำ (water spiders) พระองค์ทรงสร้างสายลมที่พัดเบา ๆ ซึ่งทำให้เราสงบ และเฮอริเคนที่ทำให้เราหวาดกลัว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแสดงให้เราได้เห็นว่าพระองค์มีลักษณะเช่นไร เพื่อสำแดงพระสิริและบุคลิกของพระองค์
แต่ผู้คนได้ทำให้ตนเองตาบอดต่อความจริง บางคนมิได้ให้ความสำคัญกับการทรงสร้างทั้งปวงของพระเจ้า และบอกว่าสิ่งต่าง ๆ ก็อยู่ตามที่ของมันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีพระเจ้า บางคนก็นมัสการสิ่งซึ่งถูกสร้างขึ้นมา และไม่เห็นพระเจ้าที่อยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านั้น
ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า ในปฐมกาลพระองค์ทรงอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่เป็นอยู่นอกเหนือพระวาทะ พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์ ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดไม่อาจเอาชนะความสว่างได้
ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน ... พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ดูสิ ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก ... ฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน และสรรพสิ่งทั้งสิ้นที่มีอยู่ในนั้นก็ถูกสร้างเสร็จ วันที่เจ็ด พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงทำมานั้น ในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ พระเจ้าจึงทรงอวยพรวันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ เพราะในวันนั้นพระองค์ทรงหยุดพักจากการงานทั้งปวงที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างและทรงกระทำ
เพราะว่าพระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธของพระองค์จากสวรรค์ ต่อความหมิ่นประมาทพระองค์ และความชั่วร้ายทั้งมวลของมนุษย์ ที่เอาความชั่วร้ายนั้นบีบคั้นความจริง เพราะการที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็แจ้งอยู่กับพวกเขา เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่เขาแล้ว ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมานั้น สภาพของพระเจ้าซึ่งตามนุษย์มองไม่เห็น คือฤทธานุภาพอันถาวรและเทวสภาพของพระองค์ ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย เพราะถึงแม้ว่าเขาได้รู้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็ไม่ได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือขอบพระคุณพระองค์ แต่พวกเขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไป ในการอ้างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา เขากลายเป็นคนโง่เขลาไป และเขาได้เอาพระสิริของพระเจ้าผู้เป็นอมตะมาแลกกับรูปมนุษย์ที่ต้องตาย หรือรูปนก รูปสัตว์สี่เท้า และรูปสัตว์เลื้อยคลาน ...
เขาได้เอาความจริงเรื่องพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ ทั้งนมัสการและปรนนิบัติสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น แทนพระองค์ผู้ทรงสร้าง ผู้ซึ่งควรจะได้รับการสรรเสริญเป็นนิตย์ อาเมน
(จาก ยอห์น 1:1-5; ปฐมกาล 1:1-2:3; โรม 1:18-25 THSV2011)
พระเจ้าทรงสร้างประชากรเพื่อถวายพระสิริแด่พระองค์ และพระองค์ทรงสร้างที่ที่สมบูรณ์แบบให้กับเขาทั้งหลาย ที่ซึ่งสะท้อนถึงพระสิริของพระองค์ พระองค์ประทานทุกสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้และต้องการเพื่อความสุขของพวกเขาให้กับพวกเขา
แต่พวกเขาฟังศัตรูของพระเจ้า พวกเขาไม่เชื่ออย่างแท้จริงว่าของขวัญของพระเจ้าที่ประทานให้กับพวกเขานั้นเพียงพอสำหรับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาหันหลังให้กับพระเจ้า และพวกเขาสูญเสียดินแดนที่สมบูรณ์แบบของพวกเขา และมิตรภาพที่สมบูรณ์แบบกับพระเจ้าของพวกเขา บัดนี้พวกเขาสามารถเห็นความเจ็บปวดและความเปล่าประโยชน์และความตายในอนาคตของพวกเขา
พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปลูกสวนแห่งหนึ่งไว้ในเอเดนทางทิศตะวันออก และทรงกำหนดให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงปั้นอยู่ที่นั่น แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าทรงให้ต้นไม้ทุกชนิดที่งามน่าดูและน่ากินงอกขึ้นจากพื้นดิน มีต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่งอยู่กลางสวนนั้น กับต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วต้นหนึ่งด้วย ... พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงตรัสสั่งมนุษย์นั้นว่า "ผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ตามใจชอบ แต่ผลของต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วนั้น ห้ามเจ้ากิน เพราะในวันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะต้องตายแน่" ...
ในบรรดาสัตว์ป่าทั้งหมด ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงสร้างนั้น งูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า "จริงหรือ? ที่พระเจ้าตรัสว่า 'ห้ามพวกเจ้ากินผลจากต้นไม้ทุกต้นในสวนนี้' " ...
เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าต้นไม้นั้นดีน่ากิน ทั้งเป็นต้นไม้น่าปรารถนาที่ทำให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีที่อยู่กับเธอกินด้วย เขาก็กิน ...
เขาทั้งสองได้ยินเสียงพระยาห์เวห์พระเจ้าเสด็จดำเนินอยู่ในสวน ชายนั้นกับภรรยาของเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้กลางสวน ให้พ้นจากพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้า พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงเรียกชายนั้นและตรัสถามเขาว่า "เจ้าอยู่ที่ไหน?"
ชายนั้นทูลว่า "ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็กลัว เพราะข้าพระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย"
พระองค์จึงตรัสว่า "ใครบอกเจ้าว่าเจ้าเปลือยกาย? เจ้ากินผลจากต้นไม้ที่เราสั่งไม่ให้กินนั้นแล้วหรือ?"
ชายนั้นทูลว่า "หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กับข้าพระองค์ เธอส่งผลจากต้นไม้นั้นให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน"
พระยาห์เวห์พระเจ้าตรัสถามหญิงนั้นว่า "นี่เจ้าทำอะไรลงไป?"
หญิงนั้นทูลว่า "งูล่อลวงข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน" ...
พระองค์ตรัสแก่หญิงนั้นว่า "เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากมากขึ้นแก่เจ้า และเมื่อเจ้ามีครรภ์ เจ้าจะคลอดบุตรด้วยความเจ็บปวด" ...
พระองค์จึงตรัสแก่ชายนั้นว่า "เพราะเหตุเจ้าเชื่อฟังคำพูดของภรรยา และกินผลจากต้นไม้ที่เราสั่งไม่ให้กินผลจากต้นนั้น แผ่นดินจึงต้องถูกสาปเพราะเจ้า เจ้าจะต้องหากินบนแผ่นดินด้วยความทุกข์ลำบากตลอดชีวิต ... เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับไปเป็นดิน เพราะเจ้าถูกนำมาจากดิน และเพราะเจ้าเป็นผงคลีดิน และเจ้าจะกลับเป็นผงคลีดินดังเดิม"
เพราะเหตุนี้ บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป
(จาก ปฐมกาล 2:8-3:19; โรม 5:12 THSV2011)
พระเจ้ามักจะยับยั้งพระพิโรธของพระองค์เหนือบาป แต่ครั้งหนึ่งพระองค์ได้ปลดปล่อยพระพิโรธ เพื่อที่เราจะรู้ว่าการที่เราหันหลังให้กับพระเจ้า ออกจากทางของพระองค์ และมุ่งสู่ความมืดนั้น เป็นสิ่งที่ร้ายแรงเพียงไร และเพื่อที่เราจะรู้ว่าพระพิโรธของพระองค์ที่มีต่อบาปนั้นยิ่งใหญ่เพียงไร
แต่พระองค์ไม่ได้ทำลายสิ่งทรงสร้างของพระองค์อย่างสิ้นเชิง พระองค์พระเมตตาของพระองค์ให้เราได้เห็น ผ่านทางเรื่องราวของโนอาห์
พระยาห์เวห์ทรงเห็นว่าความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจทั้งหมดของเขาล้วนเป็นเรื่องชั่วร้ายตลอดเวลา 6 พระยาห์เวห์เสียพระทัยที่ทรงสร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดินและโทมนัสยิ่งนัก พระยาห์เวห์จึงตรัสว่า "เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราได้สร้างมานี้ไปเสียจากแผ่นดิน ..."
แต่โนอาห์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ... โนอาห์เป็นคนชอบธรรมดีพร้อมในสมัยของเขา โนอาห์ดำเนินกับพระเจ้า
พระเจ้าทอดพระเนตรแผ่นดินก็ทรงเห็นว่าเสื่อมทราม เพราะมนุษย์ทั้งหมดประพฤติตนเสื่อมทรามบนแผ่นดิน พระเจ้าจึงตรัสแก่โนอาห์ว่า "เราจะให้มนุษย์และสัตว์ทั้งปวงสิ้นสุดต่อหน้าเรา ... เจ้าจงต่อเรือด้วยไม้สนโกเฟอร์ ..."
เพราะดูเถิด เราเองจะเป็นผู้ทำให้น้ำท่วมแผ่นดิน เพื่อทำลายมนุษย์และสัตว์ใต้ฟ้าที่มีลมปราณ ทุกสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินจะตายสิ้น แต่เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับเจ้า เจ้าจะเข้าอยู่ในเรือ ... จงนำสัตว์ตัวผู้และตัวเมียทุกชนิดอย่างละคู่จากสัตว์ที่มีชีวิตทั้งปวงเข้าไปไว้ในเรือ เพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่กับเจ้า ..."
พระเจ้าทรงบัญชาให้โนอาห์ทำอย่างไร โนอาห์ก็ทำอย่างนั้นทุกประการ
ฝนตกบนแผ่นดิน 40 วัน 40 คืน ... น้ำท่วมแผ่นดินตลอด 40 วัน ... พระองค์ทรงทำลายล้างสิ่งทั้งปวงที่มีชีวิตอยู่บนพื้นดิน... เหลืออยู่แต่โนอาห์และบรรดาผู้ที่อยู่กับท่านในเรือ
พระเจ้าทรงระลึกถึงโนอาห์ ... จึงทรงทำให้ลมพัดผ่านมาเหนือแผ่นดิน น้ำก็ลดลง ... โนอาห์ก็ออกไป ...
พระยาห์เวห์ทรงดำริในพระทัยว่า "เราจะไม่สาปแผ่นดินอีกต่อไป แม้ว่ามนุษย์ไม่ดี เพราะเค้าความคิดในใจของมนุษย์ล้วนแต่ร้ายมาตั้งแต่เด็ก เราจะไม่ทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งปวงอีก ดังที่เราได้ทำแล้วนั้น ..."
พระเจ้าตรัสว่า "นี่แหละเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญา ซึ่งเราให้ไว้ระหว่างเรากับพวกเจ้า และกับสัตว์มีชีวิตทั้งปวงที่อยู่กับพวกเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ คือเราตั้งรุ้งของเราไว้ที่เมฆ และรุ้งนั้นจะเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาระหว่างเรากับโลก"
(จาก ปฐมกาล 6-9 THSV2011)
แม้แต่ก่อนที่โลกจะถูกสร้างขึ้น พระเจ้าทรงทราบว่าพระเยซูจะเป็นทางนั้น ความจริง และชีวิต สำหรับทุกคนที่เชื่อในพระองค์ แต่พระเจ้าไม่ได้เพียงแต่ทอดทิ้งประชากรของพระองค์ เพื่อรอเวลาแห่งการเสด็จมาของพระเยซู ไม่ใช่เลย พระองค์ได้ประทานหนทางเพื่อที่จะได้รับการอภัย ถ้าหากพวกเขาถวายเครื่องบูชาจากหัวใจแห่งการนมัสการ พวกเขาก็จะสามารถรื้อฟื้นมิตรภาพของพวกเขากับพระเจ้า เมื่อพวกเขาได้แสดงให้เห็นถึงการพึ่งพาของพวกเขาในพระองค์
แต่ประชากรเหล่านั้นไม่ได้พึ่งพาพระเจ้า บางคนไม่ติดตามทางของพระองค์ในการถวายเครื่องบูชาและนมัสการ และยังได้มีปัญหาที่ลึกกว่านั้น หลายคนอาจจะได้ติดตามด้วยพิธีกรรมที่แสดงออกภายนอก แต่พวกเขาไม่ได้เชื่อวางใจพระเจ้าด้วยหัวใจของพวกเขา พวกเขาไม่ได้รักพระองค์ พวกเขาไม่ได้ดำเนินชีวิตที่สะท้อนถึงพระสิริของพระองค์
พระยาห์เวห์ทรงเรียกโมเสส ตรัสกับท่านจากเต็นท์นัดพบว่า "จงพูดกับคนอิสราเอล และกล่าวแก่พวกเขาว่า เมื่อใครในพวกท่านนำเครื่องบูชามาถวายพระยาห์เวห์ ให้นำสัตว์เลี้ยงที่เป็นเครื่องบูชาของท่านมาจากฝูงโคหรือฝูงแพะแกะ ... ให้เขานำสัตว์ตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิมาที่ประตูเต็นท์นัดพบ และถวายสัตว์นั้นเพื่อเขาจะเป็นที่โปรดปรานต่อพระยาห์เวห์ ให้เขาเอามือวางบนหัวสัตว์ซึ่งเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และเครื่องบูชาเผาทั้งตัวนั้นจะเป็นที่โปรดปรานเพื่อลบมลทินของเขา"
เพราะพระองค์ไม่ทรงประสงค์เครื่องสัตวบูชา ถึงข้าพระองค์จะถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว พระองค์ก็มิได้พอพระทัย เครื่องบูชาที่พระเจ้าทรงปรารถนาคือจิตใจที่แตกสลาย ใจที่แตกสลายและสำนึกผิดนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะไม่ทรงดูถูก
ข้าพเจ้าจะนำอะไรเข้ามาเฝ้าพระยาห์เวห์ และกราบไหว้พระเจ้าเบื้องสูง? ควรข้าพเจ้าจะเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยเครื่องบูชาเผาทั้งตัวหรือ? ด้วยลูกวัวอายุหนึ่งปีหลายตัวหรือ? พระยาห์เวห์จะพอพระทัยการถวายแกะผู้หลายพันตัว และธารน้ำมันหลายหมื่นสายหรือ? ควรข้าพเจ้าจะถวายบุตรหัวปีไถ่การละเมิดของตนหรือ? คือถวายบุตรไถ่บาปของตน?
มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี? และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า? นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตา และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ
พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า ... "ในวันที่เราได้พาบรรพบุรุษของเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราไม่ได้พูดกับพวกเขาหรือสั่งเขาเรื่องเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องบูชา แต่เราบัญชาเขาทั้งหลายอย่างนี้ว่า จงเชื่อฟังเสียงของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า และเจ้าจะเป็นประชากรของเรา และเจ้าจงดำเนินในหนทางที่เราได้บัญชาเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะได้อยู่เย็นเป็นสุข แต่พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังหรือเงี่ยหูฟัง แต่กลับดำเนินตามแผนการของเขาเอง และในความดื้อกระด้างตามจิตใจชั่วของเขา และเดินถอยหลัง แทนที่จะเดินไปข้างหน้า ตั้งแต่วันที่บรรพบุรุษของพวกเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์จนทุกวันนี้ เราได้ส่งบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเราไปยังเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ฟังเรา หรือเงี่ยหูฟัง แต่ได้ทำให้คอของตนแข็ง เขาได้ทำชั่วยิ่งกว่าบรรดาบรรพบุรุษของเขาเสียอีก ...
เจ้าจงพูดแก่เขาว่า 'นี่เป็นประชาชาติที่ไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และไม่ยอมรับการตีสอน สัจจะพินาศเสียแล้ว ถูกตัดขาดจากปากของเขาแล้ว' "
(จาก เลวีนิติ 1:1-4; สดุดี 51:16-17; มีคาห์ 6:6-8; เยเรมีห์ 7:21-28 THSV2011)
พระเจ้าต้องการให้ประชากรมีความสุข และวิธีเดียวที่เราจะสามารถมีความสุขได้ ก็คือโดยการทำตามคำแนะนำของพระองค์ ดังนั้นพระองค์ประทานพระวาทะของพระองค์ให้กับเรา เพื่อทำให้เราได้เข้าใจชัดเจนว่าชีวิตของเรามาจากไหน และเราจะสามารถรักษาชีวิตนี้ได้อย่างไร
แต่ครั้งแล้วครั้งเล่า เราคิดว่าความคิดของเรานั้นดีกว่าของพระเจ้า และเราหันจากชีวิตสู่ความตาย
ธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ดีพร้อม และฟื้นฟูชีวิต พระโอวาทของพระยาห์เวห์นั้นแน่นอน ทำให้คนรู้น้อยtมีปัญญา ข้อบังคับของพระยาห์เวห์นั้นถูกต้อง ทำให้ใจยินดี พระบัญญัติของพระยาห์เวห์นั้นบริสุทธิ์ ทำให้ดวงตากระจ่างแจ้ง ความยำเกรงพระยาห์เวห์นั้นสะอาดหมดจด ถาวรเป็นนิตย์ กฎหมายของพระยาห์เวห์ก็สัตย์จริง และชอบธรรมทั้งสิ้น
น่าปรารถนามากกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองบริสุทธิ์มากนัก หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง ที่หยดลงจากรวง อนึ่ง สิ่งเหล่านี้เป็นที่ตักเตือนผู้รับใช้ของพระองค์ การรักษาข้อความเหล่านั้นก็ได้บำเหน็จยิ่งใหญ่
ข้าพเจ้า (ดาเนียล) ได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า และสารภาพว่า "ข้าแต่องค์เจ้านาย พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งและน่าเกรงขาม ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคงต่อผู้ที่รักพระองค์และปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาป และได้ทำผิด ได้ก่อการอธรรมและการกบฏ ได้หันจากพระบัญญัติและกฎหมายของพระองค์ ข้าพระองค์ไม่ได้ฟังบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้กล่าวในพระนามของพระองค์ต่อบรรดากษัตริย์ของข้าพระองค์ทั้งหลาย ทั้งต่อบรรดาผู้นำและบรรพบุรุษของข้าพระองค์ รวมทั้งประชาชนทุกคนของแผ่นดิน
ข้าแต่องค์เจ้านาย ความชอบธรรมเป็นของพระองค์ แต่ความอับอายควรแก่พวกข้าพระองค์จนถึงทุกวันนี้ ... เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์ พระกรุณาและการอภัยโทษเป็นขององค์เจ้านายพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย เพราะว่าพวกข้าพระองค์ได้กบฏต่อพระองค์ และไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายที่ให้ทำตามธรรมบัญญัติของพระองค์ ซึ่งทรงตั้งไว้ต่อหน้าข้าพระองค์ทั้งหลาย ผ่านบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ อิสราเอลทั้งชาติได้ทำผิดต่อธรรมบัญญัติของพระองค์และได้หันไปเสีย ไม่เชื่อฟังพระองค์"
(จาก สดุดี 19:7-11; ดาเนียล 9:4-11 THSV2011)
พระเจ้าได้ทำให้มั่นพระทัยว่าเราจะสามารถเข้าใจว่าพระองค์เป็นผู้ใด พระองค์มีลักษณะเช่นไร และพระองค์ต้องการสิ่งใดสำหรับพวกเรา และพระองค์ต้องการสิ่งใดจากพวกเรา พระองค์ทรงทำสิ่งนี้โดยการส่งพระเยซูพระบุตร บัดนี้เราไม่ได้มีเพียงแต่พระวาทะที่ถูกเขียนขึ้นมา เรามีพระวาทะที่ดำรงพระชนม์อยู่ เป็นบุคคลจริง ๆ เมื่อผู้คนเฝ้ามองพระเยซู พวกเขากำลังเห็นพระเจ้า
แต่แม้แต่พระเจ้าในสภาวะบุคคลพระองค์เอง ก็ยังโดนปฏิเสธ ผู้คนเกลียดชังพระองค์และปฏิเสธข้อความจากพระเจ้า
พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
ขณะเขาทั้งสองอยู่ที่นั่น ก็ถึงเวลาที่มารีย์จะคลอดบุตร นางจึงคลอดบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้า เพราะว่าไม่มีที่ว่างในโรงแรมสำหรับพวกเขา
ท่านถูกดูหมิ่นและถูกทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความทุกข์ยาก และเป็นดั่งผู้ซึ่งคนทั้งหลายหันหน้าหนี ท่านถูกดูหมิ่น และเราไม่ได้นับถือท่าน
พระองค์จึงทรงพาสาวกสิบสองคนแยกออกมาอีก แล้วตรัสให้พวกเขาทราบถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดกับพระองค์นั้นว่า "นี่แน่ะ พวกเราจะขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และบุตรมนุษย์จะทรงถูกมอบไว้กับพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ และเขาเหล่านั้นจะลงโทษท่านถึงตาย และจะมอบท่านไว้กับบรรดาคนต่างชาติ คนต่างชาติเหล่านั้นจะเยาะเย้ยท่าน ถ่มน้ำลายรดท่าน จะเฆี่ยนตีท่านและจะฆ่าท่าน"
(จาก ยอห์น 3:16; ลูกา 2:6-7; อิสยาห์ 53:3; มาระโก 10:32-34 THSV2011)
นี่เป็นวันที่มืดทึบที่สุดในประวัติศาสตร์ พระบุตรของพระเจ้าพระองค์เองถูกฆ่าโดยประชากรผู้ซึ่งไม่พึงพอใจเพียงแค่ที่ได้ปฏิเสธพระองค์ พวกเขาทนไม่ได้ที่จะให้พระองค์มีชีวิตอยู่ พวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถกำจัดพระเจ้าออกจากการดำรงอยู่
พวกเขาพาพระองค์มาถึงที่แห่งหนึ่งชื่อกลโกธา (แปลว่ากะโหลกศีรษะ) แล้วพวกเขาเอาเหล้าองุ่นผสมกับมดยอบให้พระองค์เสวย แต่พระองค์ไม่ทรงรับ แล้วพวกเขาก็ตรึงพระองค์ที่กางเขน ...
"เจ้าพวกคนหัวแข็ง ... พวกท่านขัดขวางพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เสมอ บรรพบุรุษของท่านทั้งหลายทำอย่างไร พวกท่านก็ทำอย่างนั้น มีใครบ้างในบรรดาผู้เผยพระวจนะที่บรรพบุรุษทั้งหลายของพวกท่านไม่ได้ข่มเหง? พวกเขาฆ่าคนทั้งหลายที่พยากรณ์ถึงการเสด็จมาของ 'องค์ผู้ชอบธรรม' และบัดนี้ท่านทั้งหลายก็ทรยศและฆ่าพระองค์ คือพวกท่านที่ได้รับธรรมบัญญัติจากเหล่าทูตสวรรค์ แต่ไม่ได้ประพฤติตามธรรมบัญญัตินั้น"
"จงฟังเรื่องต่อไปนี้ คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธผู้ที่พระเจ้าทรงรับรองต่อท่านทั้งหลาย โดยการอิทธิฤทธิ์ การอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ที่พระเจ้าได้ทรงทำโดยพระองค์ท่ามกลางท่านทั้งหลาย ดังที่พวกท่านทราบอยู่แล้ว พระเยซูองค์นี้ทรงถูกมอบไว้ตามที่พระเจ้าทรงดำริแน่นอนและทรงทราบล่วงหน้า และท่านทั้งหลายได้ประหารพระองค์ด้วยการตรึงพระองค์บนกางเขนโดยอาศัยน้ำมือของคนอธรรม"
แน่ทีเดียวท่านแบกความเจ็บไข้ของพวกเรา และหอบความเจ็บปวดของเราไป กระนั้นพวกเรายังคิดว่าที่ท่านถูกตี คือถูกพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ แต่ท่านถูกแทงtเพราะความทรยศของเรา ท่านบอบช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนที่ตกบนท่านนั้นทำให้พวกเรามีสวัสดิภาพ และที่ท่านถูกเฆี่ยนตีก็ทำให้เราได้รับการรักษา เราทุกคนหลงทางไปเหมือนแกะ ต่างคนต่างหันไปตามทาง
(จาก มาระโก 15:22-24; กิจการ 7:51-53; 2:22-23 อิสยาห์ 53:4-6 THSV2011)
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า! พระองค์ไม่สามารถคงอยู่ในสภาพของคนตาย พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ พระสิริแท้ของพระเจ้าส่องสว่างเข้ามาในโลก แสงสว่างได้มีชัยชนะแล้ว แสงสว่างนิรันดร์! ดาวประจำรุ่งอันเจิดจ้า! แสงสว่างของโลก!
ทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวกับผู้หญิงเหล่านั้นว่า "อย่ากลัวเลย เรารู้แล้วว่าพวกท่านมาหาพระเยซูที่ถูกตรึงกางเขน พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ เพราะทรงเป็นขึ้นมาแล้วตามที่พระองค์ตรัสไว้นั้น จงมาดูที่ซึ่งเขาวางพระองค์ไว้นั้น"
พระคริสต์ทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้าผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือทุกสิ่งที่ทรงสร้าง เพราะว่าโดยพระองค์ทุกสิ่งได้รับการทรงสร้างขึ้น ทั้งสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าและบนแผ่นดินโลก ทั้งสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์แห่งพวกภูตผี หรือพวกภูตผีที่ปกครอง หรือพวกภูตผีที่ครอบครอง หรือพวกภูตผีที่มีอำนาจ --- ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์ พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนทุกสิ่ง และทุกสิ่งถูกยึดเข้าด้วยกันโดยพระองค์ พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกายคือคริสตจักร พระองค์ทรงเป็นปฐม ทรงเป็นผู้แรกที่เป็นขึ้นจากตาย เพื่อว่าพระองค์จะทรงเป็นเอกในทุกสิ่ง
เพราะว่าพระเจ้าพอพระทัยที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งหมดดำรงอยู่ในพระองค์ และโดยพระองค์ พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งคืนดีกับพระองค์เอง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่บนแผ่นดินโลกหรืออยู่บนสวรรค์ โดยทรงทำให้เกิดสันติภาพโดยพระโลหิตแห่งกางเขนของพระองค์ และเมื่อก่อนนี้พวกท่านถูกตัดขาดจากพระเจ้า และเป็นศัตรูในใจโดยการทำชั่วต่างๆ แต่บัดนี้พระเจ้าโปรดให้คืนดีกับพระองค์เองโดยความตายของพระกายที่เป็นเนื้อหนังของพระคริสต์ เพื่อจะถวายพวกท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ ไร้มลทิน และปราศจากตำหนิเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ แต่ท่านทั้งหลายต้องดำรงอยู่ในความเชื่ออย่างแน่วแน่ มั่นคงและไม่โยกย้ายไปจากความหวังในข่าวประเสริฐที่ท่านได้ยิน ซึ่งได้ประกาศแก่มนุษย์ทุกคนทั่วใต้ฟ้า
สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา โดยพระเมตตาล้นเหลือของพระองค์ ทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่ เข้าในความหวังที่ยั่งยืน โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ และเข้าในมรดก ซึ่งไม่เสื่อมสลายและไร้มลทิน และไม่ร่วงโรย ซึ่งได้เก็บรักษาไว้ในสวรรค์แล้วเพื่อพวกท่าน
(จาก มัทธิว28:5-6; โคโลสี 1:15-23; 1 เปโตร 1:3-4 THSV2011)
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นขึ้นมาแล้ว!
แน่ทีเดียว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นขึ้นมาแล้ว!
อ. โนเอล ไพเพอร์
หัวข้อ "แสงไฟแห่งเทศกาลมหาพรต บทใคร่ครวญเพื่อเตรียมตัวสู่วันอีสเตอร์"
แปลโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์
ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน
ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com