มัทธิว 23

พระเยซูทรงกล่าวโทษ พวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี

"พวกธรรมาจารย์ กับพวกฟาริสีนั่งบนที่นั่งของโมเสส" (มัทธิว 23:2)

พระคัมภีร์ตอนนี้ เป็นตอนที่พระเยซูคริสต์ทรงกล่าวตำหนิพวกธรรมาจารย์และฟาริสีอย่างรุนแรง เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อที่เราจะระมัดระวังในการดำเนินชีวิต และที่เราจะมีความชอบธรรมยิ่งกว่าพวกธรรมาจารย์และฟาริสี

"เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า ถ้าความชอบธรรมของท่าน ไม่ยิ่งกว่าความชอบธรรมของพวกธรรมมาจารย์ และพวกฟาริสี ท่านจะไม่มีวันได้เข้าสู่แผ่นดินสวรรค์" (มัทธิว 5:20)

โมเสส เป็นภาพแห่งการเป็นผู้นำ ที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งพวกฟาริสีเองก็ภูมิใจ ที่พวกเขาเป็นผู้นำของอิสราเอล เขารู้คำสอน เขารู้ธรรมบัญญัติต่าง ๆ มากกว่าประชาชนทั่วไป ดังนั้นพฤติกรรมของเขาจึงแสดงออกมาว่า เขาอยากได้รับตำแหน่งผู้นำเช่นโมเสส


"3 เหตุฉะนั้น ทุกสิ่งซึ่งเขาสั่งสอนพวกท่าน จงถือประพฤติตาม เว้นแต่การประพฤติของเขา อย่าได้ทำตามเลย เพราะเขาเป็นแต่ผู้สั่งสอน แต่เขาเองหาทำตามไม่

4 ด้วยเขาเอาห่อของหนักวางบนบ่ามนุษย์ ส่วนเขาเองแม้แต่นิ้วเดียวก็ไม่จับต้องเลย

5 การกระทำของเขาเป็นการอวดเท่านั้น เขาใช้กลักพระธรรมอย่างใหญ่ สวมเสื้อที่มีพู่ห้อยอันยาว" (มัทธิว 23:3-5)

เนื่องจากพวกธรรมจารย์และฟาริสีรู้ธรรมบัญญัติดี ดังนั้น พระเยซูคริสต์จึงให้เราฟังคำสอนของพวกเขา แต่ในขณะเดียวกัน พระองค์มิให้เรากระทำตามอย่างเขา เพราะพวกเขารู้แต่ไม่ทำตามธรรมบัญญัติ พวกเขาแอบซ่อนพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องไว้ ดังนั้น การรู้ธรรมบัญญัติ รู้พระวจนะคำของพระเจ้าเท่านั้น ไม่เพียงพอ เพราะเราก็จะเป็นแบบพวกฟาริสีที่เขาก็รู้ธรรมบัญญัติ แต่พระเจ้าจะยอมรับก็ต่อเมื่อเราปฏิบัติตามพระวจนะคำของพระองค์เท่านั้น เราจำเป็นต้องรู้ธรรมบัญญัติ และกระทำตามด้วย ชีวิตเราจึงจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า


"6 เขาชอบที่อันมีเกียรติในการเลี้ยง และในธรรมศาลา

7 กับชอบรับการคำนับที่กลางตลาด และชอบให้เขาเรียกว่า 'ท่านอาจารย์'

8 ท่านทั้งหลายอย่าให้ใครเรียกท่านว่า 'ท่านอาจารย์' ด้วยท่านมีพระอาจารย์แต่ผู้เดียว และท่านทั้งหลายเป็นพี่น้องกันทั้งหมด

9 และอย่าเรียกผู้ใดในโลกว่าเป็นบิดา เพราะท่านมีพระบิดาแต่ผู้เดียว คือผู้ที่ทรงสถิตในสวรรค์

10 อย่าให้ผู้ใดเรียกท่านว่า 'พระครู' ด้วยว่าพระครูของท่านมีแต่ผู้เดียวคือพระคริสต์" (มัทธิว 23:6-10)

คนประเภทฟาริสีมีอยู่มากมาย เพราะว่าการจะเป็นผู้นำหรือผู้ที่ได้รับการยอมรับ ก็เป็นสิ่งที่เนื้อหนังปรารถนา ได้รับเกียรติ ท่านยากอบจึงได้กล่าวไว้ว่า

"ดูก่อน พี่น้องของข้าพเจ้า อย่าให้เป็นอาจารย์กันมากหลายคนเลย เพราะท่านก็รู้ว่า เราทั้งหลายที่เป็นผู้สอนนั้น จะได้รับการทรงพิพากษาที่เข้มงวดกว่าผู้อื่น" (ยากอบ 3:1)


"11 ผู้ใดที่เป็นนายใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นย่อมต้องรับใช้ท่านทั้งหลาย

12 ผู้ใดจะยกตัวขึ้น ผู้นั้นจะต้องถูกเหยียดลง ผู้ใดถ่อมตัวลง ผู้นั้นจะได้รับการยกขึ้น" (มัทธิว 23:11-12)

โลกมองว่า ผู้ที่เป็นใหญ่ ก็จะเป็นผู้ที่ปกครอง ได้รับการรับใช้ แต่พระเยซูคริสต์ทรงสอนตรงกันข้ามว่า ผู้ที่เป็นใหญ่ จะต้องรับใช้ผู้อื่น ผู้ที่่ยกตัวขึ้นก็จะถูกเหยียดลง แต่ผู้ที่ถ่อมตัวลงจะได้รับการยกชูขึ้น


"13 วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเจ้าปิดประตูแผ่นดินสวรรค์ไว้จากมนุษย์ พวกเจ้าเองก็ไม่เข้าไป และเมื่อคนอื่นจะเข้าไป พวกเจ้าก็ขัดขวางไว้

14 วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าริบเอาเรือนของหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาว เพราะฉะนั้นพวกเจ้าจะต้องมีโทษมากยิ่งขึ้น

15 วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าเที่ยวไปตามทางทะเล และทางบกทั่วไป เพื่อจะได้แม้แต่คนเดียวเข้าจารีต เมื่อได้แล้ว ก็ทำให้เขาถึงนรกยิ่งกว่าเจ้าเองถึงสองเท่า" (มัทธิว 23:13-15)

พฤติกรรมของฟาริสี คือ ไม่ต้องการให้ใครได้ดีกว่าตัวเอง ผู้ใดจะได้ดีกว่าพวกเขา จะต้องโดนขัดขวาง พวกเขารู้บทบัญญัติ แต่จะไม่สอนทุกอย่างตามที่เขารู้ เพราะถ้าคนอื่นรู้ พวกเขาเหล่านั้นก็จะได้ดีกว่าฟาริสี ต้องการให้ผู้อื่นเดินตามหลัง

"แม้เขาจะรู้พระบัญญัติของพระเจ้า ที่ว่าคนทั้งปวงที่ประพฤติเช่นนั้นสมควรจะตาย เขาก็ไม่เพียงประพฤติเท่านั้น แต่ยังเห็นดีกับคนอื่นที่ประพฤติเช่นนั้นด้วย" (โรม 1:32)

นี่คือธรรมชาติของการเป็นทาสบาป ที่จะไม่ต้องการให้ใครได้ดีกว่าเขา เขาก็จะขัดขวางโดยการที่เขาจะสนับสนุนให้คนอื่นทำตามสิ่งที่เขาทำอยู่ ดังนั้น เราจะต้องระมัดระวังให้ดีที่จะไม่เป็นเช่นพวกฟาริสี ที่จะไม่เป็นผู้สอนที่เห็นแก่ตัว สอนเฉพาะสิ่งที่พวกเขาทำ สิ่งที่ถูกก็จะไม่สอนเพราะว่าเขาทำไม่ได้

นอกจากนี้ ถ้าเราปรารถนาสิ่งที่เป็นพระพรฝ่ายวิญญาณ เราจะต้องระมัดระวังบรรดาผู้สอนทั้งหลายให้ดี โดยต้องดูชีวิตของเขา ว่าชีวิตของเขากระทำตามพระวจนะหรือไม่ ถ้าหากเขามิได้กระทำตามพระวจนะคำของพระเจ้า เขาก็จะไม่สอนในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู ถ้าครูทำมิได้ แล้วศิษย์จะทำได้หรือไม่

อาจารย์บางคนสอนเก่ง สอนสนุก แต่ในฝ่ายวิญญาณเราจะดูแค่นี้ไม่เพียงพอ

ตัวอย่างเช่น อาจารย์บางคนจะสอนให้คริสเตียนร้อนรน ประกาศข่าวประเสริฐ แต่ไม่เคยเห็นอาจารย์ท่านนั้นมีส่วนร่วมในการประกาศข่าวประเสริฐเลย เราก็จะทราบได้ทันทีเลยว่า ถ้าหากเราอยากมีชีวิตที่กระทำตามพระมหาบัญชา เราก็จะติดตามอาจารย์ท่านนี้ไม่ได้ แต่หากเราอยากเป็นนักประกาศ เราจะต้องติดตามผู้ที่เป็นนักประกาศ เขาก็จะเป็นครูของเรา เราก็จะเป็นนักประกาศที่ดีตามอาจารย์ที่เราติดตามได้

ผู้สอน จะต้องเตรียมชีวิตให้พร้อมที่จะถูกจับผิด เพราะถ้าหากเขาดำเนินชีวิตที่ดีแล้ว เขาก็จะไม่กลัวว่าจะมีผู้ใดจะมาจับผิดได้ เมื่อผู้ใดเป็นผู้สอน ผู้นั้นจะต้องพร้อมที่จะได้รับการตรวจสอบชีวิตว่าชีวิตของเขาเป็นตามอย่างที่เขาสอนหรือไม่ ผู้นั้นจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาสอน ถ้าหากว่าเขาสอนโดยที่เขาเองก็กระทำไม่ได้ พระเยซูก็ทรงตำหนิคนพวกนี้อย่างรุนแรงว่า "คนหน้าซื่อใจคด"

พระวจนะของพระเจ้าเป็นดาบสองคม สามารถที่จะแตะต้องชีวิตผู้อื่นได้ และผู้สอนเองจะได้รับการตรวจสอบเช่นกันโดยพระวจนะคำเหล่านั้น

"เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตาย และทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูก และไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิด และความมุ่งหมายในใจด้วย" (ฮีบรู 4:12)

พวกฟาริสีมีความพยายามที่จะนำคนเข้าจารีต แต่เมื่อพวกเขารีตแล้ว พวกนั้นก็จะได้รับการกดขี่อย่างมาก เพราะนอกจากที่ฟาริสีจะสามารถตั้งกฎเกณฑ์ นำเอากฎเกณฑ์ต่าง ๆ มาบังคับให้ผู้อื่นกระทำตามแล้ว พวกเขายังสามารถที่จะลงโทษคนที่ไม่ปฏิบัติตามด้วย พวกเขาเอาภาระทั้งหมดวางอยู่บนบ่าของคนที่เป็นศิษย์ของเขา พระเยซูคริสต์จึงได้เปรียบเทียบว่าพวกเขาเปรียบเหมือน"ผู้นำทางตาบอด"


"16 วิบัติแก่เจ้า คนนำทางตาบอด เจ้าสอนว่า 'ผู้ใดจะสาบานอ้างพระวิหาร คำสาบานนั้นไม่ผูกมัด แต่ผู้ใดจะสาบานอ้างทองคำของพระวิหาร ผู้นั้นจะต้องกระทำตามคำสาบาน'

17 โอ คนโฉดเขลาตาบอด สิ่งไหนจะสำคัญกว่า ทองคำหรือพระวิหารซึ่งกระทำให้ทองคำนั้นศักดิ์สิทธิ์

18 และว่า 'ผู้ใดจะสาบานอ้างแท่นบูชา คำสาบานนั้นไม่ผูกมัด แต่ผู้ใดจะสาบานอ้างเครื่องตั้งถวายบนแท่นบูชานั้น ผู้นั้นต้องกระทำตามคำสาบาน'

19 ช่างตาบอดกันเสียจริงหนอ สิ่งใดจะสำคัญกว่า เครื่องตั้งถวาย หรือแท่นบูชาที่กระทำให้เครื่องตั้งถวายนั้นศักดิ์สิทธิ์

20 เหตุฉะนี้ ผู้ใดจะสาบานอ้างแท่นบูชา ก็สาบานอ้างแท่นบูชา และสิ่งสารพัดซึ่งอยู่บนแท่นบูชานั้นด้วย

21 ผู้ใดจะสาบานอ้างพระวิหาร ก็สาบานอ้างพระวิหาร และอ้างพระองค์ผู้ทรงสถิตในพระวิหารนั้นด้วย

22 ผู้ใดจะสาบานอ้างสวรรค์ ก็สาบานอ้างพระที่นั่งของพระเจ้า และอ้างพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้นด้วย" (มัทธิว 23:16-22)

ตัวอย่างที่พระเยซูคริสต์กล่าวถึงสิ่งที่พวกฟาริสีสอน เช่น การสาบาน พวกฟาริสีสอนว่า ถ้าหากกล่าวอ้างบางสิ่งบางอย่าง ไม่ต้องทำตามก็ได้ แต่ถ้าสาบานอ้างถึงบางสิ่งบางอย่าง ต้องกระทำตาม ซึ่งนี่เป็นคำสอนที่ขัดกับสิ่งที่พระเยซูคริสต์ตรัสสอนชัดเจนว่า อย่าให้เราสาบานเลย และถ้าหากเราสาบาน ไม่ว่าจะอ้างอะไรก็ตาม จะต้องรักษาไว้อย่างดี คำสาบานเหล่านั้นมีผลทั้งสิ้น

"33 อีกประการหนึ่ง ท่านทั้งหลายได้ยินคำ ซึ่งกล่าวไว้แก่คนโบราณว่า อย่าเสียคำสัตย์สาบาน คำสัตย์สาบานที่ได้ถวายต่อองค์พระผู้เป็นเจ้านั้น ต้องรักษาไว้ให้มั่น

34 ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าสาบานเลย โดยอ้างถึงสวรรค์ก็อย่าสาบาน เพราะสวรรค์เป็นที่ประทับของพระเจ้า

35 หรือโดยอ้างถึงแผ่นดินโลกก็อย่าสาบาน เพราะแผ่นดินโลกเป็นที่รองพระบาทของพระเจ้า หรือโดยอ้างถึงกรุงเยรูซาเล็มก็อย่าสาบาน เพราะกรุงเยรูซาเล็มเป็นราชธานีของพระมหากษัตริย์

36 อย่าสาบานโดยอ้างถึงศีรษะของตน เพราะท่านจะกระทำให้ผมขาว หรือดำไปสักเส้นหนึ่งก็ไม่ได้

37 จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแต่เพียงนี้ก็พอ คำพูดเกินนี้ไป มาจากความชั่ว {หรือ มารร้าย}" (มัทธิว 5:33-37)

"23 วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าถวายทศางค์ {คือ สิบชักหนึ่ง} ของสะระแหน่ ลูกผักชี และยี่หร่า ส่วนข้อสำคัญแห่งธรรมบัญญัติ คือ ความยุติธรรม ความเมตตา ความเชื่อนั้นได้ละเลยเสีย การถวายทศางค์พวกเจ้าก็ควรปฏิบัติ แต่ไม่ควรละเลยข้อสำคัญนั้นด้วย

24 โอ คนนำทางตาบอด เจ้ากรองลูกน้ำออก แต่กลืนตัวอูฐเข้าไป" (มัทธิว 23:23-24)

นอกจากนี้ เราจะต้องระมัดระวัง ที่เราจะไม่ใส่ใจในส่วนปลีกย่อย โดยที่ละเลยส่วนสำคัญ อาทิเช่น นอกจากที่เราจะใส่ใจในการถวายแล้ว เราควรที่จะไม่ละเลยถึงท่าทีในการถวายที่ถูกต้อง เพราะนอกจากที่เราจะสัตย์ซื่อในการถวายแล้ว เราควรที่จะถวายด้วยท่าทียำเกรงพระเจ้าด้วย ตัวอย่างที่จะเห็นได้ชัดก็คือ ในงานมิชชันแฟร์ต่าง ๆ หรือไม่ว่าจะเป็นโต๊ะจีนต่าง ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อหาเงินเข้าในพันธกิจ เราควรจะระมัดระวังท่าทีของเราให้ดี ที่เราจะร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้น มิใช่เป็นตามอย่างโลก คือ "นอกจากที่ได้ถวายให้พระเจ้าแล้ว ยังได้ของที่เราต้องการด้วย" นี่มิใช่ท่าทีที่พระเจ้าทรงพอพระทัย แต่ให้เราจะถวายด้วยใจยำเกรงพระเจ้า โดยไม่ได้หวังสิ่งที่จะได้รับมา พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราถวายด้วยความเต็มใจ มิใช่เพื่อหวังสิ่งตอบแทน


"25 วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยเจ้าขัดชำระถ้วยชามแต่ภายนอก ส่วนภายในถ้วยชามนั้น เต็มด้วยโจรกรรม และการมัวเมากิเลส

26 โอ พวกฟาริสีตาบอด จงชำระถ้วยชามภายในเสียก่อน เพื่อข้างนอกจะได้สะอาดด้วย

27 วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด เพราะว่าเจ้าเป็นเหมือนอุโมงค์ฝังศพซึ่งฉาบด้วยปูนขาว ข้างนอกดูงดงาม แต่ข้างในเต็มไปด้วยกระดูกคนตาย และสารพัดโสโครก

28 เจ้าทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้นแหละ ภายนอกแลดูเหมือนว่า เป็นคนชอบธรรม แต่ภายในเต็มไปด้วยความเท็จเทียม และอธรรม

29 วิบัติแก่เจ้า พวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี คนหน้าซื่อใจคด ด้วยพวกเจ้าก่อสร้างอุโมงค์ฝังศพของผู้เผยพระวจนะ และตกแต่งอุโมงค์ฝังศพของผู้ชอบธรรมให้งดงาม

30 แล้วกล่าวว่า 'ถ้าเราได้อยู่ในสมัยบรรพบุรุษของเรานั้น จะได้มีส่วนกับเขา ในการทำโลหิตของผู้เผยพระวจนะให้ตก ก็หามิได้'

31 อย่างนั้นเจ้าทั้งหลายก็เป็นพยานปรักปรำตนเองว่า เจ้าเป็นบุตรของผู้ที่ได้ฆ่าผู้เผยพระวจนะเหล่านั้น

32 เจ้าทั้งหลาย จงกระทำตามที่บรรพบุรุษได้กระทำนั้นให้ครบถ้วนเถิด

33 โอ พวกงู พันธุ์งูร้าย เจ้าจะพ้นโทษนรกอย่างไรได้

34 เหตุฉะนั้น นี่แหละ เราใช้ผู้เผยพระวจนะ นักปราชญ์ และธรรมาจารย์ต่างๆ ไปหาพวกเจ้า เจ้าก็จะฆ่าเสียบ้าง ตรึงเสียที่กางเขนบ้าง เฆี่ยนตีในธรรมศาลาของเจ้าบ้าง ข่มเหงไล่ออกจากเมืองนี้ไปเมืองโน้นบ้าง

35 ดังนั้น บรรดาโลหิตอันชอบธรรมซึ่งตกที่แผ่นดินโลก ตั้งแต่โลหิตของอาแบล ผู้ชอบธรรม จนถึงโลหิตของเศคาริยาห์บุตรบารัคยาที่พวกเจ้าได้ฆ่าเสีย ในระหว่างพระวิหารกับแท่นบูชานั้น คงตกบนพวกเจ้าทั้งหลาย

36 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า บรรดาผลกรรมชั่วเหล่านั้นจะตกกับคนสมัยนี้" (มัทธิว 23:25-36)

พวกฟาริสี ได้ชำระเพียงภายนอกให้ดูดี แต่ภายในของพวกเขานั้น เต็มไปด้วยการละเมิด นี่เป็นสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงไม่พอพระทัยอย่างยิ่ง พระองค์ทรงประสงค์ให้ชำระจากภายในก่อน เมื่อธรรมชาติภายในสะอาดแล้ว จึงจะทำให้ภายนอกออกมาสะอาดด้วย

"22 ท่านผู้ที่สอนว่าไม่ควรล่วงประเวณี ตัวท่านเองล่วงประเวณีหรือเปล่า ท่านผู้รังเกียจรูปเคารพ ตัวท่านเองปล้นวิหารหรือเปล่า

23 ท่านผู้โอ้อวดในธรรมบัญญัติ ตัวท่านเองยังลบหลู่พระเจ้า ด้วยการประพฤติผิดธรรมบัญญัติหรือเปล่า" (โรม 2:22-23)

ในชีวิตของเรา เราไม่ควรที่จะยึดติดที่ตัวบุคคล เราควรที่จะพึ่งพิงในพระวจนะคำของพระเจ้าเป็นหลักในชีวิตของเรา เพราะเราจะไม่สามารถทราบสิ่งที่อยู่ภายในของใครได้เลย พระเยซูคริสต์จึงให้เราฟังในสิ่งที่ฟาริสีสอน แต่อย่ากระทำตามพวกเขา

คนที่ดูอันตราย มักจะไม่ค่อยอันตราย แต่คนที่ดูไม่น่าจะอันตราย บางครั้งกลับอันตรายเสียยิ่งกว่า ดังเช่นที่พวกมิจฉาชีพมักจะมีวิธีที่ทำให้ตัวเองดูดี เพื่อให้ผู้อื่นวางใจและไม่ระมัดระวัง เพื่อที่เขาจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เราไม่จำเป็นต้องกลัว แต่เพียงแต่ให้เราระมัดระวังเท่านั้น

มีหลายคนที่มาที่โบสถ์ ทำตัวว่าสนใจเรื่องราวของพระเจ้า แสวงหาพระเจ้าอย่างร้อนรน มีความเชื่อในพระเจ้า มาโบสถ์อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้ที่พบเห็นไว้ใจเขา ว่าเขาเปิดใจ แสวงหาพระเจ้าจริง ๆ จนเมื่อถึงเวลาที่เขาได้วางแผนไว้แล้ว เขาก็จะร้องขอความช่วยเหลือ และเมื่อมีผู้ที่มีภาระใจให้ความช่วยเหลือแล้ว เขาก็ไม่กลับมาโบสถ์อีกเลย จึงขอที่เราจะระมัดระวัง ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ช่วยเหลือเขา แต่เราควรจะค่อย ๆ ให้ความช่วยเหลือทีละส่วน และคอยสังเกตอย่างใกล้ชิด ถ้าหากว่าเขาไม่ได้เชื่อพระเจ้าจริง ๆ เขาก็จะเห็นว่าไม่ได้เป็นตามที่เขาต้องการ เขาก็จะแสดงออกอย่างชัดเจน แต่ถ้าหากเมื่อเราสังเกตแล้วว่า เขาแสวงหาพระเจ้าจริง ๆ ต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ เมื่อนั้นแหละ ก็จะถึงเวลาที่เราจะช่วยเหลือเขาอย่างเต็มทีได้

ขอให้เราเรียนรู้พฤติกรรมของฟาริสี ที่ปกปิดความชั่วร้ายภายใน แสดงออกแต่สิ่งที่ดี เลือกเอาส่วนประกอบมาสอน แต่สาระสำคัญกลับไม่ยึดถือ พวกเขาไม่สอน พวกนี้ชอบได้หน้า ชอบโอ้อวด ได้รับเกียรติ ขอเราเรียนรู้ที่จะสังเกตคนเหล่านั้นในชีวิตของเรา และเช่นเดียวกัน ที่เราจะระมัดระวังที่จะไม่เป็นเช่นพวกฟาริสี

อ.ประดิษฐ์ พรกีรติกุล
กลุ่มเซลล์เพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
สรุปโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com