โรม 4:23-25

การถูกนับว่าชอบธรรม

"23 แต่คำว่า "ทรงถือว่าเป็นความชอบธรรมของท่าน" นั้น มิได้เขียนไว้สำหรับท่านแต่ผู้เดียว

24 แต่สำหรับพวกเราด้วย จะทรงถือว่าเราเป็นคนชอบธรรม คือ เราที่เชื่อในพระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูเจ้าของเราให้ฟื้นขึ้นจากความตาย

25 คือพระเยซูผู้ทรงถูกอายัดไว้ ให้ถึงสิ้นพระชนม์แล้ว เพราะการล่วงละเมิดของเรา และได้ทรงฟื้นจากความตาย เพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม" (โรม 4:13-22)

A.B. Simpson ได้อธิบายถึงข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์เจ้าว่า "เป็นเรื่องราวที่บอกแก่มนุษย์ผู้ซึ่งเป็นกบฎ ว่าพระเจ้าทรงยอมคืนดี ว่าความยุติธรรมได้เกิดขึ้น ว่าความบาปได้รับการไถ่โทษ ว่าการพิพากษาความผิดจะถูกเพิกถอน การประณามคนบาปได้ถูกยกเลิก คำสาปแช่งจากการละเมิดธรรมบัญญัติถูกลบทิ้ง ประตูแห่งนรกถูกปิด หนทางสู่สวรรค์ถูกเปิดออก อำนาจของบาปถูกปราบลง ความรู้สึกผิดถูกรักษา หัวใจที่แตกสลายได้รับการบรรเทา ความเศร้าโศกและความทุกข์ยากจากการล้มลงในความบาปได้ถูกทำลายลง"

ใช่แล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นจริง เป็นฤทธิ์เดชของข่าวประเสริฐที่สามารถทำให้ผู้เชื่อได้รับความรอด ที่สามารถทำให้คนบาปได้รับชีวิตใหม่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพระคุณ เป็นสิ่งที่ผู้เชื่อได้รับจากการสละพระชนม์ของพระเยซูคริสต์เพื่อการล่วงละเมิดของเรา และพระองค์ทรงฟื้นคืนชีพในวันที่สามเพี่อที่เราจะได้รับความชอบธรรม

พระธรรมโรมตอนนี้ แม้เป็นตอนสั้น ๆ แต่เป็นส่วนสำคัญทีเดียว เป็นคำอธิบายที่อาจารย์เปาโลได้อธิบายถึงการถูกนับว่าชอบธรรมที่บรรดาผู้เชื่อได้รับจากพระเจ้า ซึ่งรวมถึงคริสเตียนในปัจจุบันนี้ด้วยเช่นกัน

จากพระธรรมตอนนี้ อาจารย์เปาโลได้อธิบายว่า กฎของความชอบธรรมเพราะความเชื่อ โดยปราศจากการกระทำนั้น ไม่ใช่เพียงสำหรับคนในสมัยพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมเท่านั้น แต่เป็นจริงในยุคปัจจุบันด้วย เป็นจริงสำหรับชีวิตคริสเตียนด้วยเช่นกัน เป็นจริงสำหรับผู้เชื่อทุกยุคทุกสมัย เพราะมนุษย์ก็เป็นคนบาปเสมอ และพระเจ้าก็ทรงบริสุทธิ์แท้จริง มนุษย์จึงจำเป็นต้องพึ่งอาศัยกฎแห่งความเชื่อนี้แน่นอน ไม่มีทางที่จะเลี่ยงได้

ขอบคุณพระเจ้าที่ให้เราเกิดในยุคสมัยที่เราสามารถพบหลักฐานต่าง ๆ มากมายอย่างชัดเจน เราสามารถรับรู้เรื่องราวของพระเยซูคริสต์เจ้าได้อย่างง่ายดาย และเราก็สามารถเข้าใจถึงคำพยากรณ์ต่าง ๆ ถึงองค์พระผู้ช่วยให้รอด ผู้ซึ่งพระคัมภีร์เดิมได้กล่าวถึง ซึ่งในทุก ๆ คำพยากรณ์ล้วนสำเร็จสิ้นในชีวิตของพระเยซูคริสต์ ที่สำคัญที่สุด คือ การสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนโดยปราศจากผิด เพื่อรับเอาความบาปทั้งสิ้นของมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย ตรึงไว้กับพระองค์ที่นั่น ไม่ใช่แค่ความบาปบางส่วนเท่านั้น ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ของการเสียสละที่พระองค์ทรงสำแดงเท่านั้น แต่เป็นโทษร้ายแรง ที่มนุษย์ควรได้รับ เป็นพระพิโรธของพระเจ้าต่อความบาปที่พระองค์ทรงเกลียดชัง เพื่อเปิดทางแห่งความรอดให้แก่มนุษยชาติ และขอบคุณพระเจ้า พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นขึ้นจากความตาย และทรงได้รับการยกชูสูงสุด เป็นความหวังของคริสเตียน เป็นความหวังของประชาชาติ ความจริงเหล่านี้ ล้วนปรากฎชัด ผ่านทางพระคัมภีร์ ที่พระเจ้าทรงสำแดงให้แก่เราอย่างชัดเจน

เนื้อหาของความเชื่อของอับราฮัมนั้น แม้จะแตกต่างจากความเชื่อของเรา เช่น เนื้อหาแห่งความเชื่อของเราคงจะไม่ใช่ว่า เราจะเข้าในแผ่นดินคานาอัน หรือเราจะมีลูกหลานมากมาย เป็นชนชาติใหญ่ แต่ทว่า เนื้อหาสำคัญที่สุดของความเชื่อก็เป็นเรื่องเดียวกัน นั้นคือ ท่านอับราฮัมมีความหวังว่าเชื้อสายของท่านจะนำพรมาสู่ชาวโลก นั่นคือ ท่านมีความเชื่อในการเสด็จมาครั้งแรกของพระเยซูคริสต์ เพื่อที่จะนำความรอดสู่ชาวโลก (แท้จริงแล้ว แม้แต่อับราฮัมเองก็ได้รับความชอบธรรมผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์เช่นเดียวกับเรา) และเนื้อหาสำคัญของความเชื่อของคริสเตียนก็คือ เชื่อในพระเจ้าผู้ซึ่งชุบชีวิตของพระเยซูคริสต์ขึ้นจากความตาย และการฟื้นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์เจ้านี่เอง การถูกนับว่าชอบธรรมเกิดขึ้นได้

ก่อนที่จะกล่าวถึงการถูกนับว่าชอบธรรมเพิ่มเติม จะขอกล่าวถึงขั้นตอนกระบวนการสู่ความรอด เพื่อที่จะสามารถเข้าใจได้มากขึ้น ถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อมนุษย์ และจะทำให้เข้าใจถึงการถูกนับว่าชอบธรรมได้ดีขึ้น

10 ขั้นตอนสู่ความรอด

บางคนอาจเข้าใจว่า ความรอดของเรา เราได้รับง่าย ๆ เพราะว่าแค่เชื่อก็รอด แต่แท้จริงแล้ว ความรอดของเราเป็นสิ่งที่ไม่ใช่จะได้มาง่าย ๆ แต่เกิดขึ้นได้เพราะความรักที่พระเจ้ามีต่อเรา และไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เราจะได้รับความรอด เพราะว่าแท้จริงแล้วพระเจ้าทรงเลือกเราไว้ตั้งแต่ก่อนทรงสร้างโลก ตั้งแต่ก่อนเราจะเกิดมาเสียอีก ทุกสิ่งล้วนเป็นพระคุณ เป็นสิ่งที่เราไม่สมควรได้รับ แต่พระเจ้าทรงประทานให้แก่เรา

ขั้นตอนกระบวนการเหล่านี้ จะขออนุญาตกล่าวเพียงสั้น ๆ สรุป โดยจะไม่ขอกล่าวถึงทฤษฎีข้อโต้แย้งต่าง ๆ เนื่องจากจะขอนำเสนอเพื่อความเข้าใจเมื่ออ่านพระธรรมโรมมากขึ้น (บางกระบวนการอาจเกิดพร้อม ๆ กัน ไม่จำเป็นต้องเป็นตามลำดับขั้นตอนเสมอไป)

1. การเลือกสรรของพระเจ้า (Election) พระองค์ทรงเลือกสรรประชากรของพระองค์เรียบร้อยแล้ว การทรงเลือกของพระองค์ พระองค์ไม่ได้ดูที่ความดีของมนุษย์ แต่การเลือกสรรของพระองค์เป็นตามความพอพระทัยของพระองค์

2. การทรงเรียก (The Call) แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การทรงเรียกภายนอก (general หรือ outward) คือ ผ่านทางการประกาศข่าวประเสริฐ และการทรงเรียกภายใน (effectual หรือ inward) ซึ่งเป็นการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งทรงทำงานผ่านทางการประกาศข่าวประเสริฐ และทรงนำชีวิตของผู้ที่ได้ยินนั้นให้ตอบสนองต่อข่าวประเสริฐ

3. การบังเกิดใหม่ (Regeneration) เป็นพระราชกิจของพระเจ้าในชีวิตของผู้เชื่อ พระองค์ทรงประทานชีวิตใหม่ เป็นชีวิตฝ่ายวิญญาณ ให้แก่ผู้ที่เชื่อ

4. การกลับใจ (Conversion) ได้แก่ การที่ผู้ที่ตอบสนองต่อข่าวประเสริฐนั้น มีความรู้สึกสำนึกผิด และสารภาพชีวิตบาปของเขา ตั้งใจที่จะหันหลังกลับจากความบาป และวางใจในองค์พระเยซูคริสต์ผู้ทรงประทานความรอดให้แก่เขา

5. การถูกนับว่าชอบธรรม (Justification) เป็นพระราชกิจในเชิงกฎหมายของพระเจ้า ซึ่งเป็นการที่พระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่เรา โดยทรงถือว่าความชอบธรรมของพระเยซูคริสต์นั้น เป็นความชอบธรรมสำหรับเราด้วยเช่นกัน และประกาศว่าเราเป็นผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระองค์

6. การถูกรับเป็นบุตร (Adoption) เป็นการที่ผู้เชื่อมาเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของพระเจ้า

7. การชำระให้บริสุทธิ์ (Sanctification) เป็นการที่พระองค์ทรงขับเคลื่อนในชีวิตของผู้เชื่อ ที่จะมีชีวิตที่ปราศจากบาปมากขึ้นทุกวัน และมีชีวิตเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้นทุกวัน

8. การคงสภาพความเป็นคริสเตียน (Perseverance) ผู้ที่ได้รับการบังเกิดใหม่อย่างแท้จริง ย่อมจะได้รับการปกป้องรักษาจากพระเจ้า ที่เขาจะยังคงดำรงชีวิตอยู่ในทางของพระเจ้า ยังคงเป็นคริสเตียนอย่างแท้จริง จนกระทั่งถึงสุดปลายชีวิต กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ผู้ที่ยังคงรักษาความเชื่อจนถึงที่สุดนั่นเอง ที่จะเป็นผู้ที่ได้ผ่านกระบวนการบังเกิดใหม่อย่างแท้จริง

9. การเสียชีวิต (Death) เป็นการที่จิตวิญญาณของเราแยกออกจากร่างกายของเรา ทันทีที่คริสเตียนเสียชีวิต เมื่อนั้น จิตวิญญาณของผู้เชื่อจะถูกรับขึ้นไปอยู่ต่อพระพักตร์ของพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี

10. การได้รับการเชิดชู (Glorification) เป็นการที่ผู้เชื่อได้รับกายอีกครั้งหนึ่ง เป็นกายใหม่ เกิดขึ้นเมื่อพระเยซูคริสต์ทรงเสด็จกลับมาครั้งที่สอง และทรงชุบชีวิตฝ่ายกายชอบผู้เชื่ออีกครั้งหนึ่ง ซึ่งกายใหม่ที่ได้รับจะเป็นกายที่สมบูรณ์แบบเหมือนพระองค์

การถูกนับว่าชอบธรรม

การถูกนับว่าชอบธรรม คือ การที่พระเจ้าทรงประกาศว่า คนบาปผู้ซึ่งได้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้น ชอบธรรมในสายพระเนตรพระองค์ เป็นการประกาศความชอบธรรมแก่คนบาป ซึ่งถ้าจะเทียบก็คือ เป็นเหมือนการประกาศทางกฎหมายว่า คนบาปคนนั้นไม่ผิด เป็นผู้บริสุทธิ์ แม้ว่าแท้จริงแล้วมนุษย์จะยังคงอยู่ในกายที่ยังได้รับอิทธิพลของเนื้อหนัง และยังสามารถทำบาปได้อยู่

การถูกนับว่าชอบธรรมนั้น เกิดขึ้นจากพระเจ้า ผู้ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเที่ยงธรรม ประกาศว่าคนบาปไม่ผิด ไม่ใช่กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับชีวิตภายในของผู้เชื่อ ไม่ได้เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงผู้เชื่อให้เป็นคนชอบธรรมมากขึ้น แต่เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกัน คือ เมื่อมนุษย์ได้ถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรมแล้ว เขาก็เป็นผู้ชอบธรรมทางกฎหมาย แต่เขายังคงต้องอยู่ในกระบวนการที่เรียกว่า sanctification ซึ่งเป็นกระบวนการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำในชีวิตของผู้เชื่อ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา ให้มีความประพฤติที่สอดคล้องกับสถานะการเป็นผู้ชอบธรรมทางกฎหมาย

สรุปแล้ว คำนิยามของการถูกนับว่าชอบธรรมนั้น มีหลายแง่มุม ได้แก่ การที่มนุษย์มิต้องรับโทษจากความบาปอีกต่อไป (เพราะพระเยซูคริสต์ทรงรับแทนแล้วที่ไม้กางเขน) การที่เราสามารถกลับมาเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าได้ และเป็นการที่พระเจ้าทรงนับว่าเราชอบธรรม เพื่อที่เราจะสามารถมีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้

การถูกนับว่าชอบธรรมนั้น มนุษย์ได้รับโดยพระคุณของพระเจ้า ผ่านทางพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ เกิดเพราะความเชื่อ และมิได้ขึ้นกับการกระทำ

หลังจากที่เราถูกนับว่าชอบธรรมแล้ว แน่นอนว่าเมื่อเราได้รับความชอบธรรมทางกฎหมายนี้แล้ว ชีวิตของเราจะไม่เหมือนเดิม กระบวนการ sanctification จะเริ่มขึ้นในชีวิตของเราทันที ธรรมชาติใหม่ของเราจะไม่เหมือนเดิมแล้ว องค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของผู้เชื่อจะเป็นผู้สอน ผู้นำชีวิตของเรา ให้บริสุทธิ์ ให้เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ผู้ทรงบริสุทธิ์ ช่วยเราให้สามารถเอาชนะบาปในชีวิตได้

ธีรยสถ์ นิมมานนท์
ชั้นศึกษาพระคัมภีร์ ์สำหรับอนุชน คริสตจักรสะพานเหลือง
07/06/2009

  • โรม 3:19-31
    ธรรมบัญญัติ ความชอบธรรม และความเชื่อ

  • โรม 4:1-8
    ความชอบธรรม: ตัวอย่างของอับราฮัมและดาวิด

  • โรม 4:9-12
    ความชอบธรรม VS การเข้าสุหนัด

  • โรม 4:13-22
    แบบอย่างของความเชื่อ

  • โรม 4:23-25
    การถูกนับว่าชอบธรรม

  • โรม 12:1
    เครื่องบูชาที่มีชีวิต

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com