1 ยอห์น 5

"1 ผู้ใดเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ ผู้นั้นก็เกิดจากพระเจ้า และผู้ใดรักพระองค์ผู้ทรงให้กำเนิด ผู้นั้นก็รักคนที่เกิดจากพระองค์ด้วย
2 โดยข้อนี้เราจึงรู้ว่าเรารักคนทั้งหลายที่เป็นบุตรของพระเจ้า เมื่อเราทั้งหลายรักพระเจ้า และประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์
3 เพราะนี่แหละเป็นความรักต่อพระเจ้า คือที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระ
4 เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยต่อโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่ชนะโลก
5 ใครเล่าชนะโลก ไม่ใช่คนอื่น คือผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง" (1ยอห์น 5:1-5)

วิธีที่จะรู้ว่าใครรักพระเจ้า นี่เป็นเงื่อนไขหนึ่ง คือ ผู้ที่รักพระเจ้า ผู้ให้กำเนิด จะต้องรักผู้ที่เกิดจากพระองค์ จะปฏิเสธไม่ได้ที่จะไม่รักพี่น้องผู้ที่พระเจ้าทรงให้กำเนิดเขา คือ ผู้ที่เชื่อในนามพระเยซูคริสต์ ถ้าเราไม่รักพี่น้องที่มองเห็น เราจะรักพระเจ้าผู้ที่เรามองไม่เห็นไม่ได้

เรากำเนิดใหม่โดยพระเจ้า และคนที่บังเกิดใหม่ในพระคริสต์ เราก็จำเป็นต้องรักเขาด้วย นี่เป็นสิ่งที่เราจะต้องตระหนักในใจ และในทางปฏิบัติก็เช่นกัน เมื่อเรารักพี่น้อง เราจะต้องรักด้วยความจริงใจ ไม่ใช่แค่รับด้วยปาก เพราะคนในโลกนี้รักแค่ปาก แต่เราจะต้องไม่รับเพียงด้วยปากและคำพูด แต่จะต้องรักอย่างจริงใจ

ถ้าเราประพฤติตามบัญญัติของพระองค์ การรักพี่น้องก็เป็นส่วนหนึ่งในบัญญัติ และเป็นสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงเน้นย้ำแก่สาวกอยู่เสมอ ให้สาวกรักซึ่งกันและกัน เพื่อคนทั้งหลายจะรู้ว่าเขาทั้งงหลายเป็นสาวกของพระองค์ นอกจากนี้ บัญญัติอื่น ๆ ก็เช่นกัน เพราะบัญญัติเหล่านั้นจะเป็นตัวพิสูจน์ชีวิตของเรา

ถ้าเราทำบัญญัติของพระเจ้าได้เกือบทั้งหมด แต่ผิดเพียงข้อเดียว ก็เท่ากับผิดทั้งหมด พระเจ้าไม่ได้ให้เราเลือกว่าเราจะพอใจทำบัญญัติข้อใด และไม่ทำข้อใด แต่พระองค์ทรงประสงค์ให้เราประพฤติตามบัญญัติทั้งหมด

การประพฤติตามบัญญิของพระเจ้านั้น จะเป็นธรรมชาติในชีวิตของเรา และจะไม่เป็นภาระในชีวิตของเรา นี่เป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องใคร่ครวญว่า ที่ผ่านมา การเชื่อฟังบัญญัติของพระเจ้านั้น เรารู้สึกว่าเป็นภาระหรือไม่? เมื่อไรที่เรารู้สึกว่าเรามีภาระในการที่ถือรักษาบัญญัติของพระองค์ ก็มีความหมายว่าอะไร?

ไม่มีผู้ใดเอาเสื้อผ้าเก่ามาปะผ้าใหม่ ถ้าเราเอาเสื้อผ้าเก่าปะผ่าใหม่ เสื้อผ้าก็จะฉีกขาด และเสียหายมากกว่าเก่า เช่นเดียวกับที่เอาถุงหนังเก่ามาหมักเหล้าใหม่ ก็จะทำให้ถุงรั่ว และเสียเหล้าไปด้วย

เราจะต้องเรียนรู้และเข้าใจว่า เรามีเสรีภาพ เสรีภาพนั้นเป็นจริงหรือไม่ในชีวิตของเรา

ยอห์น ถ้าพระคริสต์ทรงให้เราเป็นไท เราก็จะเป็นไทจริง ๆ

ตราบใดที่เรายังดำเนินตามชีวิตเก่าของเรา บัญญัติของพระเจ้าก็จะเป็นภาระ และเราจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย

เราจำเป็นต้องมองภาพของสิ่งที่พระคัมภีร์บอกให้ชัดเจน ว่าบัญญัติของพระเจ้า เราจะต้องอยู่ในบัญญัติอย่างครบถ้วนทุกประการ หลายคนยึดบัญญํติของพระเจ้าเฉพาะส่วนที่ทำได้เท่านั้น และมองข้ามส่วนที่ทำไม่ได้ โดยมีข้อแก้ตัวต่าง ๆ นานา แก้ตัวว่ากำลังรอพระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา

บางคนบอกว่า เรากำลังอยู่ในเวลาแห่งการทรงสร้างของพระเจ้า การละเมิดบัญญัติจึงเป็นเรื่องปกติ นี่เป็นการหลอกลวงตัวเอง และทำให้เรารู้สึกว่าบัญญิของพระเจ้าไม่ใช่ปัญหาของชีวิต

แต่แท้จริงแล้ว ชีวิตฝ่ายวิญญาณจะต้องดำเนินตามพระวิญญาณบริสุทธิ์

เสรีภาพที่แท้จริง ชีวิตใหม่ที่แท้จริง

ยอห์น 3 เกิดจากเนื้อหนัง = เนื้อหนัง

สิ่งที่พระเยซูคริสต์ตรัสว่า "คนที่เกิดจากพระวิญญาณก็เป็นอย่างนั้นทุกคน" เป็นสิ่งที่เราจะต้องคำนึงว่า ทำไมเราจึงไม่เป็นอย่างนั้น? ยังรู้สึกผิดในสิ่งที่กระทำจนกระทั้งต้องหาเหตุผลหลอกใจตนเองให้สบายใจ แต่ในความเป็นจริงเราก็รู้ดีว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นความพ่ายแพ้

เราจะต้องเข้าใจให้ชัดเจน เพื่อเราทั้งหลายจะก้าวไปสู่ชีวิตที่ดำเนินโดยพระวิญญาณ คือ บัญญัติของพระเจ้า ไม่มีข้อใดสักข้อเดียวเลย ที่เราจะรู้สึกว่ายากและทำไม่ได้ แต่ถ้าเรายังไม่เป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าเราเป็นถุงหนังเก่าหรือไม่? หรือเรานำเอาผ้าเก่ามาปะกับเสื้อใหม่หรือไม่? นี่อาจเป็นสิ่งที่เข้าใจยาก และจะเข้าใจไม่ได้เลย สำหรับคนที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง จนกว่าจะได้ยินเสียงที่พระวิญญาณตรัสในใจ จึงจะเข้าใจ

แล้วทำไมชีวิตของเราจึงยังคงมีความพ่ายแพ้อยู่? นี่เป็นปัญหาของคริสเตียนจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้เราจะต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นให้ถูก ถ้าไม่กลับไปเริ่มต้นให้ถูก เราก็จะไม่เข้าใจ และดำเนินชีวิตอย่างผิดพลาดไปเรื่อย ๆ มองไม่ออก หรืออาจจะโดนหลอกว่าไม่เป็นไร

สิ่งหนึ่งที่สามารถใช้ในการสังเกตชีวิตได้ คือ ทำไมเราจึงยังไม่สามารถที่จะรักพี่น้องบางคนได้? พระเยซูคริสต์ทรงรักทุก ๆ คน พระองค์ทรงรักแม้กระทั่งคนที่ทำร้ายพระองค์จนถึงความมรณา พระองค์ทรงอภัยให้แก่ทุก ๆ คน นี่เป็นเรื่องที่ยาก แต่เป็นสิ่งที่พวกเราจะต้องเรียนรู้และก้าวไปด้วยความเข้าใจ มิฉะนั้นเราจะไม่ใช่ผู้ที่ชนะโลก ขอที่เราจะขอจากพระเจ้า เริ่มต้นจากจุดที่เราข้ามไป คือ ขอพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตในชีวิต

กาลาเทีย 5:24 นำเอาตัวเก่าตรึงแล้ว

กาลาเทีย 2:20 ตายแล้ว พระคริสต์ที่มีชีวิตอยู่ในพระเจ้า

ดังนั้น เราเองต้องมีใจที่ปรารถนาจะรับชีวิตใหม่ มิฉะนั้นเราก็จะไม่ประหารชีวิตเก่าของเรา และเมื่อนั้นชีวิตใหม่จะเกิดไม่ได้ จะเป็นเหมือนผ้าเก่าที่ปะผ้าใหม่เพื่อรอวันที่จะฉีกขาด

นี่แหละ ชีวิตคริสเตียนหลาย ๆ คน ที่บังเกิดมาหลายสิบปี แต่กลับยังคงมีชีวิตที่ไม่สามารถประพฤติตามบัญญัติของพระเจ้าได้ ขอที่เราจะไม่เป็นเช่นนั้น ถ้าเราบังเกิดฝ่ายวิญญาณอย่างแท้จริง ตาของเราจะแยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เพื่อเราจะสามารถนำคนอีกหลายชีวิตที่จะดำเนินทางแห่งความชอบธรรม

"พระเยซูตรัสว่า 'เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้' " (ยอห์น 3:5)

การเชื่อฟังพระวิญญาณ เป็นการบ่งบอกอย่างดีว่า เราได้รับบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้วหรือยัง? เมื่อไรก็ตามที่เรา

เมื่อเราเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า เราจะกล้าละเมิดต่อพระองค์หรือไม่?

"6 นี่แหละคือผู้ที่ได้มาโดยน้ำและพระโลหิต คือพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ด้วยน้ำสิ่งเดียว แต่ด้วยน้ำและพระโลหิต และพระวิญญาณทรงเป็นพยานเพราะพระวิญญาณทรงเป็นความจริง

7 มีพยานอยู่สามประการด้วยกัน

8 คือพระวิญญาณ น้ำ และพระโลหิต และพยานทั้งสามนี้สอดคล้องกัน

9 ถ้าเรายังรับพยานหลักฐานของมนุษย์ พยานหลักฐานของพระเจ้าก็ยิ่งใหญ่กว่า เพราะว่าพยานหลักฐานของพระเจ้านั้น คือพระองค์ได้ทรงเป็นพยานอ้างถึงพระบุตรของพระองค์

10 ผู้ที่เชื่อในพระบุตรของพระเจ้าก็มีพยานอยู่ในตัว ผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็ได้กระทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา เพราะเขามิได้เชื่อคำพยาน ที่พระเจ้าได้ทรงเป็นพยานอ้างถึงพระบุตรของพระองค์

11 และพยานหลักฐานนั้นก็คือว่า พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานชีวิตนิรันดร์ให้เราทั้งหลาย และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์

12 ผู้ที่มีพระบุตรก็มีชีวิต ผู้ที่ไม่มีพระบุตรก็ไม่มีชีวิต" (1 ยอห์น 5:6-12)

เวลานั้นพวกยิวส่วนหนึ่งไม่ยอมรับพระคริสต์ เพราะไม่เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นบุตรของพระเจ้า อาจารย์ยอห์นจึงได้มอบพยานถึงสามสิ่ง

1. น้ำ เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงเสด็จรับบัพติสมากับยอห์นผู้ให้บัพติสมา ก็มีเสียงตรัสจากพระบิดา ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นบุตรที่รักของพระองค์ พระเจ้าทรงรับรองพระคริสต์ และพวกสาวกก็ได้ยินเช่นกัน และชาวยิวกลับมองข้าม

2. พระโลหิต พระเยซูคริสต์ได้ถูกสัญญาไว้ ว่าจะเป็นผู้ช่วยให้รอด และการไถ่จะเกิดขึ้นได้ จะต้องมีการเสียโลหิต แต่พวกยิวกลับมองข้ามถึงเรื่องพระโลหิตของพระองค์ กลับมองว่าพระองค์จะมาช่วยชาติ แต่แท้จริงแล้วพระองค์ทรงเสด็จมาเพื่อที่มนุษย์จะพ้นบาป เป็นเครื่องบูชาเพื่อยกบาปของคนทั้งปวง

3. พระวิญญาณ พระวิญญาณจะเป็นพยานแก่เรา พระวิญญาณทรงเสด็จมาในชีวิตของเราเพื่อให้เราเชื่อ และเมื่อเราเชื่อพระวิญญาณก็จะทรงสถิตในชีวิตของเราตามพระสัญญา ดังนั้น ถ้าเราไม่เชื่อ เราก็จะต้องระมัดระวังให้ดี เพราะถ้าเราเชื่อ เราก็จะมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของเรา แล้วเราก็จะเชื่อฟังพระองค์ ถ้าเราปฏิเสธ ไม่ทำตามบัญญัติ นั่นก็หมายความว่าเราปฏิเสธพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะพระองค์จะทรงเตือนเรา นำเรา คอยตรัสในใจของเราตลอดเวลา

ถ้าใจของเรากล่าวโทษตัวเราเมื่อไร เราก็รู้ว่าเราอยู่ฝ่ายสัจจะ แต่ถ้าพระวิญญาณไม่อยู่กับเราแล้ว ใจของเราก็จะไม่กล่าวโทษตัวเราเองอีกต่อไป และจะละเมิดต่อไป

ถ้าเราทำบาปอยู่ เราก็จะไม่สบายใจ วิธีเดียวที่จะทำให้เราเป็นสุขในพระเจ้า และทำให้เราไม่รู้สึกกลัว ก็คือ การที่เรารักษาบัญญัติของพระองค์ เชื่อฟังทุกประการ และฟังเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วเราจะไม่รู้สึกผิดอีกต่อไป

ดังนั้น ชัยชนะที่พระเจ้าทรงประทานแก่เรา คือ ชัยชนะเหนือโลก สิ่งเหล่านี้ยืนยันที่พระคริสต์ตรัสให้เราดำเนินตามแบบอย่างพระองค์ เพราะพระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า


คนที่ปฏิเสธว่าพระเยซูคริสต์มิใช่พระบุตรของพระเจ้า ก็เท่ากับว่าเขาได้ปฏิเสธพระบิดาแล้ว คือกำลังบอกว่าพระเจ้ากำลังมุสา เพราะว่าพระเจ้าทรงรับรองพระคริสต์แล้วเมื่อพระคริสต์รับบัพติสมา และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือองค์พระเยซูคริสต์

ปัจจุบันมีลัทธิเทียมเท็จต่าง ๆ มากมาย เราจะต้องระมัดระวังให้ดี

ขอที่เราจะสำรวจชีวิตของเราว่าเรามีพระบุตรแล้วหรือยัง ประพฤติตามบัญญัติของพระองค์ ไม่เห็นว่าบัญญัติของพระองคืเป็นภาระ เชื่อฟังพระองค์และปฏิเสธเนื้อหนังผลของพระวิญญาณ 9 ประการเรามีครบแล้วหรือยัง ซึ่งผลเหล่านี้เป็นข้อพิสูจน์

จะขอสรุปแบบตรงไปตรงมา คือ ชีวิตในพระคริสต์ เป็นชีวิตที่พระเจ้าทรงใช้การเชื่อฟังในการพิจารณา พระองค์ปรารถนาคนที่เชื่อฟังพระองค์ทุกประการเท่านั้น คนเหล่านี้จึงจะได้รับการยอมรับจากพระเจ้า ถ้าเราไม่เชื่อฟังพระเจ้า เราก็จะถูกปฏิเสธ เพราะเราปฏิเสธที่จะไม่เชื่อฟังพระคริสต์ พระเจ้าก็จะปฏิเสธเราเช่นกัน

ดังนั้น การดำเนินชีวิตคริสเตียนของเรา เราจึงจำเป็นต้องเอาจริงเอาจังในการดำเนินในทางของพระเจ้า เราจะเดินอย่างเล่น ๆ ไม่ได้ และเราจะต้องรู้ว่า เราจะทำบาปไม่ได้ มิฉะนั้น เราจะมิได้รับสิ่งใดเลยในสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ แม้กระทั่งชีวิตนิรันดร์

แต่การที่เราดำเนินตามบัญญัติของพระเจ้า มิได้หมายความว่าเรารอดโดยธรรมบัญญัติ แต่เป็นการที่เราเชื่อฟังพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อที่เราจะมีชีวิตเหมือนพระคริสต์ เชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าทุกประการ ถ้าเราสวมชีวิตของพระคริสต์ เราก็จะสวมสภาพของการเชื่อฟังธรรมบัญญัติทุกประการ และการรักพี่น้องจะเป็นสิ่งที่สังเกตได้ง่ายและชัดเจน เพราะพระเจ้าจะทรงทอดพระเนตรว่าเรารักพี่น้องหรือไม่

ชีวิตนิรันดร์ไม่ใช่ของที่เล่น ๆ แต่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก

เมื่อวานข้าพเจ้าได้รับอุบัติเหตุ โดนไฟลวกที่มือข้างขวา รู้สึกปวดแสบปวดร้อนอย่างมากเป็นเวลานาน ทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงถึงความน่ากลัวของบึงไฟนรก ขอที่เราจะเชื่อฟังพระเจ้า และรักพระองค์ด้วยสุดใจ และรักพี่น้องเหมือนรักตัวเอง อย่าดื้อดึงกับพระเจ้า เพราะบึงไฟนรกน่ากลัวมาก อย่าคิดหาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง ขอที่เราอยู่ในกฎเกณฑ์ของพระเจ้า ต่อสู้ แล้วชีวิตเราจะปลอดภัย

"13 ข้อความเหล่านี้ข้าพเจ้าได้เขียนถึงท่านทั้งหลาย ที่เชื่อในพระนามของพระบุตรของพระเจ้า เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่าท่านมีชีวิตนิรันดร์
14 และนี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา
15 และถ้าเรารู้ว่า พระองค์ทรงโปรดฟังเรา เมื่อเราทูลขอสิ่งใดๆ เราก็รู้ว่าเราได้รับสิ่งที่เราทูลขอนั้นจากพระองค์"
(1ยอห์น 5:13-21)

ชีวิตจะมีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพระนามของพระบุตร นั่นคือ พระนามพระเยซูคริสต์เจ้านั้นเอง นี่คือชีวิตนิรันดร์

การบิดเบือนต่าง ๆ ที่มาจากฝูงสุนัขป่าในคราบแกะ ผู้เผยพระวจนะเท็จ ผู้สอนผิด ก็จะคลาดเคลื่อนจากที่พระคัมภีร์ตอนนี้ได้ย้ำเน้น

เรื่องชีวิตนิรันดร์เป็นสิ่งที่เราจะต้องตระหนัก เพราะแผนการการช่วยกู้ของพระเจ้า ก็เพื่อให้เราได้รับชีวิตนิรันดร์ ดังนั้น ขออย่าที่เราจะให้สิ่งใดสำคัญไปกว่าชีวิตนิรันดร์ ต้องระวังมิให้ค่านิยมของโลกดึงเราไปจนไปหมกมุ่นกับสิ่งเหล่านั้น เราจะต้องใคร่ครวญถึงเป้าหมาย เพื่อเราจะไม่ลืม และจะไม่ถูกสิ่งใดทำให้ไขว้เขว

สิ่งที่พระเจ้าได้ตรัสกับโยชูวา

เพียงแต่จงเข้มแข็งและกล้าหาญยิ่งเถิด ระวังที่จะกระทำตามธรรมบัญญัติทั้งหมด ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของเราได้บัญชาเจ้าไว้นั้น อย่าหลีกเลี่ยงจากธรรมบัญญัตินั้นไปทางขวามือหรือทางซ้าย เพื่อว่าเจ้าจะไปในถิ่นฐานใดเจ้าจะได้รับความสำเร็จ อย่างดี (โยชูวา 1:7)

เราจะต้องเดินให้ตรง เพื่อจะไม่พลาด และเราก็จะได้เห็นว่าคนรอบข้างของเราเดินออกไปด้านซ้ายหรือด้านขวาเท่าไร ทางของพระเจ้าเป็นทางแคบ และคนส่วนใหญ่จะเดินไปในทางกว้าง เราจะมองด้วยมุมมองตามคนส่วนใหญ่ไม่ได้

ในขณะที่เราเองมีความปรารถนา เราก็จำเป็นต้องพิจารณาดูว่าความปรารถนาของเราเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่

"อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ" (ฟีลิปปี 4:6)

ถ้าเราเข้าใจถึงพระทัยของพระเจ้า เราก็จะทราบว่าพระประสงค์ของพระองค์ คือ จะทรงนำเราให้เราไม่พลาดไปจากชีวิตนิรันดร์ ดังนั้นถ้าเราทูลขอในสิ่งที่เป็นของโลก เป็นฝ่ายเนื้อหนัง ถ้าสิ่งเหล่านั้นไม่สามารถนำเราไปสู่เป้าหมาย คือชีวิตนิรันดร์ได้ เราก็จะไม่ได้รับสิ่งนั้น เพราะถ้าพระองค์ทรงตอบตามใจของเรา แล้วเราต้องศูนย์เสียชีวิตนิรันดร์ พระองค์ก็จะไม่ทรงประทานให้อย่างแน่นอน

แล้วเราจะทูลขออะไรในโลกไม่ได้เลยหรือ? คำตอบคือ ได้ ถ้าสิ่งนั้นไม่ทำให้เราพลาดจากเป้าหมาย คือชีวิตนิรันดร์ พระองค์ก็ทรงเต็มพระทัยที่จะตอบคำอธิษฐานของเราทุกอย่าง

"ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น" (ยอห์น 15:7)

ถ้าเราติดสนิทแล้วเราขอสิ่งใดก็จะได้ ใช่หรือไม่? ถ้าเราเข้าสนิทอยู่ในพระเจ้า และถ้อยคำของพระเจ้าฝังอยู่ใยนเรา เราก็จะทราบว่าสิ่งใดสำคัญที่สุดในชิวต เราก็จะไม่ขอในสิ่งที่ทำให้เราเสียชีวิตนิรันดร์อย่างแน่นอน

จุดอ่อนของคริสเตียน คือ ไม่ได้รู้พระประสงค์ของพระเจ้า จึงทำให้ชีวิตเราออกไปทางขวาบ้าง ทางซ้ายบ้าง แล้วเราจะทำให้พระเจ้าเสียพระทัย

โลกและสิ่งของของโลก กำลังล่อลวงให้เราออกจากทางนั้น เราจะต้องระมัดระวังให้ดี

ถ้าเรารู้ว่าพระเจ้าทรงฟังเรา เพราะเรารู้ว่าพระประสงค์ของพระองค์คืออะไร แน่นอน เราขอสิ่งใดก็จะได้รับสิ่งนั้นอย่างแน่นอน ขอเพียงเราเข้าใจถึงประเด็นนี้ แล้วเราจะไม่ท้อใจ แต่จะเข้าใจ

"ท่านขอและไม่ได้รับ เพราะท่านขอผิด หวังได้ไปเพื่อสนองกิเลสตัณหาของท่าน" (ยากอบ 4:3)

เราจะต้องรู้จักพระเจ้าของเราให้มาก เพื่อเราจะรู้พระประสงค์ของพระองค์ เพราะแท้จริงแล้วพระประสงค์ของพระองค์ได้ทรงเปิดเผยอย่างชัดเจนแล้ว คือ ทางพระเยซูคริสต์

"9 พระเจ้าได้ทรงโปรดให้เรารู้ความล้ำลึกในพระทัยของพระองค์ ตามพระเจตนารมณ์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงดำริไว้ในพระคริสต์

10 ประสงค์ว่า เมื่อเวลากำหนดครบบริบูรณ์แล้ว พระองค์จะทรงรวบรวมทุกสิ่ง ทั้งที่อยู่ในสวรรค์ และในแผ่นดินโลกไว้ในพระคริสต์ (เอเฟซัส 1:9-10)

พระเจ้ามิได้ทรงหวงแหนสิ่งหนึ่งสิ่งใด สำหรับคนที่จะเดินทางไปเพื่อชีวิตนิรันดร์

"เพราะพระเจ้าทรงเป็นดวงอาทิตย์และเป็นโล่ พระองค์ทรงปูนความชอบและเกียรติ พระเจ้ามิได้ทรงหวงของดีอันใดไว้เลย จากบุคคลผู้เดินอย่างเที่ยงธรรม" (สดุดี 84:11)

"16 ถ้าผู้ใดเห็นพี่น้องของตนกระทำบาปอย่างหนึ่งอย่างใด ที่ไม่นำไปสู่ความตาย ผู้นั้นจงทูลขอ และพระองค์ก็จะทรงประทานชีวิตแก่ผู้ที่ได้กระทำบาป ซึ่งไม่ได้นำไปสู่ความตาย บาปที่นำไปสู่ความตายก็มี ข้าพเจ้ามิได้ว่าให้อธิษฐานในเรื่องบาปอย่างนั้น

17 การอธรรมทุกอย่างเป็นบาป แต่บาปที่ไม่ได้นำไปสู่ความตายก็มีอยู่

18 เราทั้งหลายรู้ว่า คนที่เกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป แต่พระบุตรของพระเจ้าได้ทรงคุ้มครองรักษาเขา และมารร้ายไม่แตะต้องเขา

19 เราทั้งหลายรู้ว่าเราเกิดจากพระเจ้า และชาวโลกทั้งสิ้นอยู่ใต้อานุภาพของมารร้าย

20 และเราทั้งหลายรู้ว่า พระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาแล้ว และได้ทรงประทานสติปัญญาให้เรา เพื่อให้เรารู้จักพระเจ้าแท้ และเราอยู่ในพระเจ้าแท้นั้นโดยอยู่ในพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ นี่แหละเป็นพระเจ้าแท้และเป็นชีวิตนิรันดร์

21 ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงระวังรักษาตัว อย่าเกี่ยวข้องกับรูปเคารพ" (1 ยอห์น 5:16-21)

การกลับใจอยู่ที่คนคนนั้น ถ้าเขากลับใจ พระเจ้าก็จะทรงยกโทษให้เขา แต่ถ้าเขาไม่กลับใจ พระเจ้าก็จะไม่ยกโทษให้เขา

แต่ในที่นี้ พระคัมภีร์ได้กล่าวแก่เราว่า เมื่อมีคนหนึ่ง ได้เห็นพี่น้องทำบาปอย่างหนึ่ง ที่ไม่นำไปสู่ความตาย ก็สามารถที่จะอธิษฐานเพื่อเขาได้ ให้เขาหลุดออกจากบาปนั้น

บาปที่ไม่นำไปสู่ความตาย เพื่อพระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ได้ปลดปล่อยเราจากบาปทั้งสิ้น และเราได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ของเราแล้ว แต่ขณะที่เราได้เริ่มชีวิตใหม่และดำเนินชีวิต เราจะต้องระมัดระวังที่จะไม่ทำบาปที่

บาปที่นำไปสู่ความตาย มีอะไรบ้าง?

"28 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ความผิดบาปทุกอย่างและคำหมิ่นประมาท ที่เขากล่าวนั้น จะทรงโปรดยกให้มนุษย์ได้

29 แต่ผู้ใดจะกล่าวคำหมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะโปรดยกให้ผู้นั้นไม่ได้เลย แต่ผู้นั้นมีกรรมชั่วแห่งบาปเป็นนิตย์" (มาระโก 3:28-29)

บาปทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรก็ตาม พระเยซูคริสต์กล่าวว่าทรงโปรดยกโทษให้แก่มนุษย์ไม่ได้ แต่ถ้าผู้ใดหมิ่นประมาทต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ จิตวิญญาณคนนั้นหมดสิทธิที่จะแก้ตัวทันที มีกรรมแห่งบาปเป็นนิตย์

การกระทำของอานาเนีย และสัปฟีรา เป็นเพียงตัวอย่างเดียวที่กล่าวอย่างชัดเจน ว่า

ถ้าผู้ใดปฏิเสธพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้นั้นก็หมดสิทธิ์ที่จะได้รับความรอด เพราะถ้าไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว มนุษย์ก็ไม่สามารถที่จะมาเชื่อในพระเยซูคริสต์ได้เลย

คนที่ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะไม่กล้าที่จะหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างแน่นอน เพราะพระวิญญาณจะทรงนำ แต่ถ้าคนไหนกล้า ก็หมดสิทธิ์ที่จะกลับตัว

เราจะต้องยำเกรงพระเจ้า เชื่อฟังพระองค์ เพื่อให้ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์สำแดงในชีวิตของเรา

อานาเนีย และสัปฟีราได้เชื่อในพระเยซูคริสต์โดยการประกาศของอัครทูต และอัครทูตได้สำแดงฤทธิ์เดชต่าง ๆ พวกเขาได้รู้ว่าอัครทูตเต็มล้นด้วยพระวิญญาณ แต่กลับโกหกว่าเงินที่เขาทั้งสองถวายเป็นเงินทั้งหมด นี่เป็นการเจตนาที่จะไม่เชื่อฟัง หมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ และนำมาซึ่งการลงโทษ

แต่บาปอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จมาเพื่อยกบาปเหล่านั้น

เมื่อพระเยซูคริสต์ทรงยกบาปทั้งสิ้นของเราแล้ว เหตุผลที่พระเจ้าทรงยินดีที่จะอภัยแก่เรา


"30 ในเวลาเมื่อมนุษย์ยังไร้เดียงสา พระเจ้ามิได้ทรงถือโทษ แต่เดี๋ยวนี้ พระเจ้าได้ตรัสสั่งแก่มนุษย์ทั้งปวงทั่วทุกแห่งให้กลับใจใหม่

31 เพราะพระองค์ได้ทรงกำหนดวันหนึ่งไว้ ในวันนั้นพระองค์จะทรงพิพากษาโลกตามความชอบธรรม โดยมนุษย์ผู้นั้นซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกไว้ และพระเจ้าได้ทรงโปรดให้คนทั้งปวงมีความแน่ใจในเรื่องนี้ โดยทรงให้มนุษย์ผู้นั้นคืนชีวิต" (1 ยอห์น 5:30-31)

พระเจ้าทรงถือว่า มนุษย์ที่ทำบาปนั้น ไร้เดียงสา จึงส่งพระเยซูคริสต์มาเพื่อให้มนุษย์รู้ว่าพระเจ้าทรงมีพระประสงค์เช่นไร และพระเจ้าก็ทรงยกโทษบาปทั้งสิ้นของทุกคนที่เชื่อ แต่หลังจากที่เราเชื่อในพระเจ้าแล้ว เราก็ไม่สามารถที่จะบอกว่าไร้เดียงสาได้แล้ว ดังนั้น บาปที่เกิดขึ้นหลังจากการที่เราได้รับอภัยโทษบาปแล้ว จึงเป็นบาปที่จะสามารถนำเราไปสู่ความตายได้อีกครั้งหนึ่ง

ดังนั้น บาปที่พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บอกว่า ให้เราอธิษฐานเพื่อผู้ที่ทำ จึงเป็นบาปที่ทำโดยไม่ได้เจตนา

ถ้าเรารู้จักพระเจ้าแล้ว บังเกิดใหม่แล้ว คนที่ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็จะไม่ทำบาปอย่างแน่นอน

"เมื่อพระองค์นั้นเสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงกระทำให้โลกรู้แจ้งในเรื่องความผิด ความชอบธรรม และการพิพากษา" (ยอห์น 16:8)

"เมื่อเราได้รับความรู้เรื่องความจริงแล้ว แต่เรายังขืนทำผิดอีก เครื่องบูชาลบบาปนั้นก็จะไม่มีเหลืออยู่เลย" (ฮีบรู 10:26)

ตลอด 5 บท อาจารย์ยอห์นได้เน้นถึง การรักพี่น้อง เราจำเป็นต้องรักพี่น้อง ช่วยเหลือพี่น้องเมื่อเขาเดือดร้อน ไม่ให้เราละเลย คนที่มีมากต้องใส่ใจคนที่มีน้อย เพราะชีวิตนิรันดร์ เราจะต้องไม่รักโลกและเงินทอง เราจะต้องใช้สมบัติอธรรมให้ถูกต้อง แล้วพระเจ้าจะอวยพรเราอย่างแน่นอน

เราจะต้องรู้จักพระเจ้าแท้ เราจึงจะสามารถอยู่ในพระเจ้าแท้ได้ พวกเราจะต้องเอาถ้อยคำทุกถ้อยคำ อยู่ในพระเยซูคริสต์ เรียนรู้ให้เข้าใจถ้อยคำของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ตีความเอง ไม่ใช่คิดเอง เราจะเลือกปฏิบัติไม่ได้

ถ้าพระเจ้าให้เราเอาใจใส่ดูแลคนจน แล้วเราปฏิเสธที่ไม่ทำ จะขอดูแลเฉพาะญาติสนิทเท่านั้น นี่คือเรายังไม่ได้ทำในสิ่งที่เต็มที่ แต่เราจำเป็นต้องดูแลพี่น้องที่ไม่ใช่ญาติของเราด้วย คือ พี่น้องที่กระทำตามพระทัยของพระเจ้า

"แต่พระองค์ตรัสกับเขาว่า “มารดาของเราและพี่น้องของเรา คือคนเหล่านั้นที่ได้ฟังพระดำรัสของพระเจ้าและกระทำตาม" (ลูกา 8:21)

ท้ายที่สุดแล้ว อาจารย์ยอห์นก็ได้กล่าวเตือนเรา มิให้ไปเกี่ยวข้องกับรูปเคารพ

วิถีทางของพระเจ้า เข้มงวดมาก ยิ่งศึกษาพระคัมภีร์จะยิ่งรู้ว่า การที่จะเข้าถึงพระเจ้าแท้นั้น ไม่ใช่เรื่องงานเลย อยู่ทีเรา ว่าเราจะยินยอมหรือไม่ ถ้าเรารักโลก เราก็คงจะไปไม่ถึงแผ่นดินสวรรค์

การที่เราเองจะเชื่อฟังเพียงบางส่วน ก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่เราจำเป็นจะต้องเชื่อฟังทั้งหมด เราจำเป็นต้องเอาชนะใจและความรู้สึกความคิด ที่จะไม่รักตัวเราเองเท่านั้น แต่จะรักเพื่อนบ้านเท่ากับที่เรารักตัวเอง

พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จมาเพื่อปรนนิบัติ ทรงมาเพื่อทนทุกข์ เราจึงเห็นแบบอย่างได้ชัดเจนในพระองค์ แล้วเราจะรู้จักพระเจ้าแท้

อ.ประดิษฐ์ พรกีรติกุล
กลุ่มเซลล์เพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
สรุปโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com