ความเชื่อใน
ความเชื่อของเรา

"พระเยซูจึงตรัสตอบเหล่าสาวกว่า 'จงเชื่อในพระเจ้าเถิด' "
(มาระโก 11:22)

ขอให้เราลองคิดดูให้ถี่ถ้วนว่า จะเป็นไปได้หรือ ที่เราจะมีความเชื่อในความเชื่อของเรา มากกว่ามีความเชื่อในพระเจ้า ในเมื่อความเชื่อเป็นสิ่งที่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย จึงไม่น่าแปลกใจถ้าศัตรูของเราพยายามทำทุกวิถีทางให้เราหลงหายไปจากเป้าหมายที่แท้จริง คือ พระเจ้า ดังนั้น พระเจ้าจึงสั่งว่า "จงเชื่อในพระเจ้าเถิด"

เมื่อเรารู้สึกว่า พระเจ้าตรัสกับเราด้วยพระสัญญาที่มหัศจรรย์เหลือเชื่อ บางทีเรามักจะสงสัยและแย้งว่า "แต่ข้าพระองค์ไม่มีความเชื่อพอ ข้าพระองค์มีความเชื่อน้อย ข้าพระองค์ไม่มีความเชื่อแบบนั้น" พระองค์จะทรงตอบสวนมาว่า "ก็ใครเล่าที่เจ้าเชื่อ" เพราะการที่มีความเชื่อ หมายความว่าเราต้องเชื่อในใครสักคนหนึ่ง คุณกำลังจะวางใจในความเชื่อของคุณเองเพื่อจะให้ความเชื่อนั้นสำเร็จหรือ หรือคุณจะวางใจในพระเจ้าผู้ทรงประทานพระสัญญานั้น

ถ้าเราเชื่อในตัวเอง ก็เหมือนกับเราเอาตัวไปพิงอยู่กับไม้อ้อผุ ๆ เวลาที่เราพี่งพิงตัวเองย่อมไม่สงสัยเลยว่าเราจะไม่ได้รับอะไรแน่ ความเชื่อในพระเจ้าต่างหากที่พระองค์จะทรงตอบสนอง ไม่ใช่เชื่อในความเชื่อของเรา ถ้าเรากำลังกังวลว่าความเชื่อของเราถูกต้องหรือไม่ มีความเชื่อพอหรือไม่ นั่นหมายความว่าซาตานประสพความสำเร็จในการที่จะเบนเราออกจากเป้าหมายที่แท้จริง และถ้าเรายังเพิ่งมองดูความเชื่อของเราอยู่ ในไม่ช้า เราก็จะไม่มีอะไรให้ดู ความเชื่อทุกอย่างที่พึ่งพิงอยู่ในพระเจ้าเป็นความเชื่อที่ถูกต้อง และแม้ว่าจะมีน้อยเท่าเมล็ดผัก แต่เมื่อเป็นความเชื่อที่มีชีวิตก็ย่อมเพียงพอเสมอ หน้าที่ของความเชื่อ คือ ทำให้เราสัมพันธ์กับพระเจ้าผู้ทรงประทานพระสัญญา แต่ความเชื่อที่ไม่สมบูรณ์ พระเจ้าจะไม่สนพระทัย เพราะเป็นความเชื่อที่มีรากฐานอยู่บนความเชื่อของเราเอง เราจะได้รับพระพรตามพระสัญญาต่อเมื่อ ความเชื่อของเราอยู่ในพระเจ้า เพราะพระเจ้าเองเป็นผู้ทรงกระทำให้พระสัญญานั้นสำเร็จในชีวิตเรา

J. Oswald Sanders
จากหนังสือ ฤทธิ์เดชแห่งความเชื่อ
สำนักพิมพ์ กนกบรรณสาร

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com