ความเชื่อ
+ที่ใช้การได้

"ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้
เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง"
(ฮีบรู 11:1)

ความเชื่อ ไม่ใช่เป็นการฝึกฝนที่เปล่าประโยชน์ การไว้วางใจในพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์เป็นนิตย์เป็นการไว้วางใจที่ถูกต้อง สิ่งที่รับรองว่าความเชื่อมีผลใช้ได้ มีสามประการ คือ

ประการแรก ความเป็นจริงของพระเจ้าทำให้ความเชื่อในพระเจ้าเกิดผล

พระเจ้าทรงเป็น "พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเที่ยงแท้" และ "พระเจ้าจะไม่ตรัสมุสา"

"เพราะคนเหล่านั้นก็ได้รายงานเกี่ยวกับเราว่า เราได้รับการต้อนรับจากพวกท่านอย่างไร และกล่าวถึงการที่ท่านได้ละทิ้งรูปเคารพและหันมาหาพระเจ้า เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเที่ยงแท้" (1เธสะโลนิกา 1:9)

"เพื่อว่าโดยสองประการที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ (พระเจ้าจะไม่ตรัสมุสา) เราผู้ที่ได้หนีไปยึดความหวังซึ่งมีอยู่ตรงหน้า เราจึงจะได้รับการชูใจอย่างมากมาย" (ฮีบรู 6:18)

ความเป็นจริงของพระเจ้าสอดคล้องกันกับพระวจนะและพระราชกิจของพระองค์ สอดคล้องกับพระทัยของพระองค์ สิ่งเหล่านี้เป็นความจริงที่พระเจ้าสำแดงออกมาให้เห้นได้สองวิธี คือ ทางธรรมชาติ และ การเปิดเผยที่เราไม่อาจค้นพบได้เอง การค้นพบทางวิทยาศาสตร์เท่าที่เป็นความจริงนั้น เป็นเพียงนำความจริงของพระผู้สร้างมาเปิดเผยเท่านั้น พระเจ้าผู้ทรงเป็นความจริงตรงกันข้ามกับซาตานผุ้เป็นบิดาของการหลอกลวงและการมุสา

ความเป็นจริงของพระวจนะซึ่งเราเชื่อ เป็นข้อพิสูจน์ประการที่สองที่รับรองว่าความเชื่อของเราใช้การได้ เพราะพระวจนะของพระเจ้าไม่มีวันที่จะทำให้ผู้ที่เข้ามาพี่งผิดหวัง

"ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่ถ้อยคำของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย" (มัทธิว 24:35)

"ถ้อยคำของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย" ถ้อยคำนี้ตรงกันข้ามกับคำพูดของผู้เผยพระวจนะเท็จ ซึ่งทำให้คนพึ่งคำเท็จ

"แต่ประชากรของเราได้ลืมเราเสีย เขาทั้งหลายเผาเครื่องหอมบูชาพระเท็จ เขาได้สะดุดในหนทางของเขาในถนนโบราณ และเข้าไปตามทางซอย ไม่ไปตามถนนหลวง" (เยเรมีห็ 18:15)

"แต่พระวจนะของพระเจ้ายั่งยืนอยู่เป็นนิตย์ พระวจนะนั้นคือข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศให้ท่านทั้งหลายทราบแล้ว" (1เปโตร 1:25)

นี่ไม่ใช่เรื่องที่กุขึ้นไว้ดักให้หลง แต่เป็นข้อความที่พระเจ้าทรงดลใจให้บอกเล่าสู่กัน ข้อความนี้ทนต่อการพิสูจน์ และสอบสวนของคนที่ไม่เชื่อมาหลายศตวรรษแล้ว และผู้คนที่พยายามศึกษาอย่างละเอียดลออก็ได้ค้นพบว่าผู้ทรงดลใจให้เขียนได้ตรัสความจริง และพระวจนะที่ตรัสนั้นเชื่อถือไว้วางใจได้

ประการสุดท้าย ข้อมูลที่เราได้เชื่อเป็นเรื่องจริง ซึ่งมีอยู่สามอย่างที่เรายึดไว้ด้วยความเชื่อ เป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ คือ

  1. พระบุตรของพระเจ้าได้เสด็จเข้ามาในโลก

  2. พระองค์ได้สิ้นพระชนม์เพื่อความบาปของเรา

  3. พระองค์ทรงคืนพระชนม์ (1โครินธ์ 15:3-4)

ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่หวั่นไหว ย่อมตั้งมั่นคงอยู่

"และพระดำรัสที่ตรัสไว้ว่า อีกครั้งหนึ่ง นั้น แสดงว่าสิ่งที่หวั่นไหวนั้นจะถูกกำจัดเสีย เหมือนกับสิ่งที่ทรงสร้างให้มีขึ้น เพื่อให้สิ่งที่ไม่หวั่นไหวคงเหลืออยู่" (ฮีบรู 11:27)

"แต่ความจริงพระคริสต์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกในพวกคนทั้งหลายที่ได้ล่วงหลับไปแล้วนั้น" (1โครินธ์ 15:20)

ความจริงข้อนี้ยืนหยัดอยู่ตลอดสองพันปีมาแล้ว โดยไม่หวั่นไหวไปตามลมปากของการวิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ ความเชื่อของเรามิได้ไร้สาระเลย แต่สามารถใช้การได้

J. Oswald Sanders
จากหนังสือ ฤทธิ์เดชแห่งความเชื่อ
สำนักพิมพ์ กนกบรรณสาร

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com