คำอุปมาเรื่องแผ่นดินสวรรค์

เรื่องราวเกี่ยวกับแผ่นดินสวรรค์ ในมัทธิว จะมีทั้งหมด 12 เรื่องด้วยกัน วันนี้จะมาทบทวนร่วมกัน เพื่อจะเข้าใจภาพของแผ่นดินสวรรค์ได้ชัดเจน

  • เรื่องเกี่ยวกับผู้หว่านพืช (มัทธิว 13:1-8) มีเมล็ดพืชอยู่ 4 กลุ่ม แต่มีเพียงเมล็ดพืชที่ตกในดินดีเท่านั้นที่จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ และการเกิดผลในการหว่านพืชจะมีได้มีหลายระดับ ได้แก่ 30, 60 และ 100 เท่า ผู้ที่จะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ได้นั้น จะต้องเป็นดินที่ดี และเมื่อพระวจนะได้รับการหว่านลงในดินนี้ ก็จะเกิดผล เพราะถ้าไม่เกิดผลจะไม่นับว่าเป็นดินดี ไม่สามารถเข้าในแผ่นดินสวรรค์ได้

  • ข้าวละมาน (มัทธิว 13:24-30) มีศัตรูแอบหว่านข้าวละมานในข้าวดีและเติบโตขึ้นมา ในที่สุดเมื่อเจ้าของทราบเรื่อง เจ้าของก็ให้ปล่อยเอาไว้ ให้ทั้งข้าวดีและข้าวละมานเติบโตด้วยกัน แล้วค่อยเก็บเกี่ยวทีเดียว คำอุปมาตอนนี้ เป็นเรื่องราวของแผ่นดินสวรรค์เช่นกัน เป็นแผ่นดินสวรรค์ในโลกนี้ ซึ่งยังเจือปนด้วยคนของมารร้ายซึ่ง ยังไม่ได้ถูกคัดสรร เราจำต้องอยู่ในโลกนี้จนถึงวันที่พระองค์จะทรงเสด็จกลับมาคัดสรร

  • เมล็ดพืช (มัทธิว 13:31-32) เมล็ดพืชเพียงเม็ดเล็ก ๆ เมื่อตกลงในดิน จะงอกขึ้นไป จนเป็นต้นไม้ใหญ่ จนนกมาพักพิงทำรังอาศัยอยู่ได้ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก เพราะเป็นภาพให้เห็นว่าคนที่เป็นของแผ่นดินของพระเจ้า จะต้องเป็นเช่นนี้ สามารถมีประสิทธิภาพอย่างมาก สามารถเกิดผลได้อย่างมาก

  • เชื้อขนม (มัทธิว 13:33) เชื้อขนมเพียงเล็กน้อย เมื่อนำมาเจือในแป้งฟู 3 ถัง ก็สามารถทำให้แป้งทั้งหมดฟูขึ้นได้ มีความหมายเช่นเดียวกับเรื่องของเมล็ดพืช คือ คนของแผ่นดินสวรรค์ จะเกิดผลได้อย่างมาก

  • ขุมทรัพย์ (มัทธิว 13:44) เป็นเรื่องราวของผู้ที่พบขุมทรัพย์ซ่อนอยู่ในทุ่งนา เมื่อพบขุมทรัพย์แล้ว เขาก็ขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เขามี เพื่อมาซื้อที่ดินที่ขุมทรัพย์นั้นซ่อนไว้ แผ่นดินสวรรค์ จำเป็นต้องแลกด้วยสิ่งที่มีทั้งหมด จะต้องทุ่มเทเพื่อจะได้แผ่นดินสวรรค์ และถ้ามีท่าทีเช่นนี้ แสดงว่าเราเห็นถึงคุณค่าของแผ่นดินสวรรค์

  • ไข่มุก (มัทธิว 13:45-46) พ่อค้าผู้หนึ่ง เมื่อเจอไข่มุกที่มีค่าอย่างมาก เขาก็ขายสมบัติของตนเองเพื่อจะได้ครอบครองไข่มุกนั้น เป็นภาพของคนที่เห็นคุณค่าของแผ่นดินสวรรค์ เขาเห็นว่าแผ่นดินสวรรค์มีค่ามากกว่าทุกสิ่งที่เขามีเสียอีก เขายอมที่จะสละทุกสิ่ง เพราะต้องการที่จะครอบครองแผ่นดินสวรรค์นั้น

  • อวน (มัทธิว 13:47) เมื่อมีการจับปลาด้วยอวนในทะเล ทั้งปลาที่ดีและไม่ดีจะถูกลากติดอวนมาทั้งหมด แต่จะมีเฉพาะปลาที่ดีเท่านั้นที่จะถูกคัดเลือกไว้ในตะกร้า การคัดสรรเช่นนี้จะต้องเกิดขึ้น และจะเกิดขึ้นในวันพิพากษา (เช่นเดียวกับข้าวละมาน)

  • การคิดบัญชีกับทาสที่ไม่ให้อภัย (มัทธิว 18:23-35) เจ้าองค์หนึ่งได้ยกหนี้ให้กับทาสที่ติดหนี้อยู่หนึ่งหมื่นตะลันต์ แต่ทาสนี้กลับไม่ยอมยกหนี้ให้แก่ลูกหนี้ของเขา ซึ่งติดเขาเพียงเล็กน้อย คือเพียงหนึ่งร้อยเดนาริอัน ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับที่เจ้าองค์นั้นได้ยกให้แก่เขา เช่นเดียวกัน พระเจ้าทรงยกโทษให้แก่เราแล้ว เราจึงต้องยกโทษให้แก่ผู้อื่นด้วยเช่นกัน

  • เจ้าของสวน (มัทธิว 20:1-16) เป็นเรื่องราวที่มีคนมาทำงานตั้งแต่เช้า ตอนเที่ยง และตอนเย็น ทุกคนได้ค่าแรงเท่ากัน คำอุปมานี้ สอนให้เราเข้าใจว่าเจ้าของสวนมีสิทธิอำนาจ เช่นเดียวกัน เราต้องยอมรับว่าพระเจ้าทรงมีสิทธิอำนาจในการที่จะกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ พระองค์ทรงพอพระทัยผู้ใดและทรงไม่พอพระทัยผู้ใด ก็จะเป็นไปตามนั้น จะไม่มีผู้ใดที่จะสามารถแย้งได้เลย

  • กษัตริย์จัดเลี้ยงสมรส (มัทธิว 22:1-14) กษัตริย์ได้จัดงานสมรสใหญ่ขึ้นมา แต่ไม่มีผู้ที่มาร่วมงาน ท่านจึงได้เกณฑ์คนทั้งหลายให้มาร่วมงานงาน ปรากฎว่ามีผู้ที่ไม่ได้แต่งตัวสำหรับงานแต่งงานมา จึงถูกจับโยนทิ้งไป คนที่เหมาะกับแผ่นดินสวรรค์ จะต้องรู้คุณค่า ต้องให้เกียรติ และสวมใส่เสื้อให้ถูกต้อง

  • หญิงพรหมจารีย์ (มัทธิว 25:1-13) หญิง 10 คน รอคอยที่จะร่วมงานสมรส มี 5 คนที่มีน้ำมันเพียงพอ แต่อีก 5 คนมีน้ำมันไม่พอ ขณะที่ผู้ที่มีน้ำมันไม่พอไปซื้อน้ำมันอยู่เจ้าบ่าวก็เดินทางมาถึง หญิงที่มีน้ำมันไม่พอจึงไม่สามารถที่จะเข้าร่วมงานได้ การเข้าแผ่นดินสวรรค์ได้นั้น เราจำเป็นต้องพร้อมจนถึงวินาทีสุดท้าย

  • เงินตะลันต์ (มัทธิว 25:14-49) มีชายผู้หนึ่งซึ่งกำลังออกเดินทาง จึงได้มอบเงินตะลันต์ให้กับทาส 3 คน เป็นเงิน 5 ตะลันต์, 2 ตะลันต์ และ 1 ตะลันต์ ทาสที่ได้ 5 และ 2 ตะลันต์ก็ได้ใช้เงินนั้นและได้เงินเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แต่คนที่ได้ 1 ตะลันต์กลับเอาไปฝังดิน เมื่อนายกลับมา ก็ชื่นชมคนที่ได้ 5 และ 2 ตะลันต์นั้น ว่าเป็นทาสผู้สัตย์ซื่อ จึงได้ดูแลทรัพย์สินของนาย แต่ส่วนคนที่ได้ 1 ตะลันต์ต้องถูกจับออกไปทิ้งในที่มืด ที่ที่มีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สิ่งที่สอนเราคือ อย่าเกียจคร้านในการที่เราจะใช้สิ่งที่พระเจ้าให้แก่เรา ทำงานเพื่อพระองค์ ให้เราทำกำไรตามตะลันต์ที่มีให้เกิดผล

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าสำแดงเกี่ยวกับธรรมิกชนของพระเจ้า ผู้ที่ติดตามพระองค์ เชื่อในนามของพระองค์ แสดงว่า ผู้ที่บอกว่าเชื่อพระองค์ ไม่ใช่จะสามารถเข้าแผ่นดินสวรรค์ได้ทุกคน ดังเช่น หญิงพรหมจารีย์ 10 คนนั้น ทั้งหมดได้รับการคัดเลือก เขาบริสุทธิ์ มีชีวิตที่ดี (เพราะเป็นสาวพรหมจารย์ หมายถึงบริสุทธิ์) ซึ่งถ้าเป็นคริสเตียนก็หมายถึงคริสเตียนที่ปฏิบัติตัวได้ดีแล้ว เป็นคริสเตียนที่ต่อสู้กับบาป จึงมีสิทธิที่จะครอบครอบแผ่นดินของพระเจ้าได้ แต่จะเห็นได้ว่ามีถึง 5 คนที่ไม่ได้เข้าในงานสมรสนั้น ดังนั้น เราจะต้องใส่ใจว่าพระเจ้าต้องการเห็นคนที่จะเข้าในแผ่นดินของพระองค์เป็นอย่างไรบ้าง

พื้นฐานที่จะก้าวไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ หรือ หลักธรรมเบื้องต้นแห่งคริสตศาสนา เราได้ผ่านแล้วหรือยัง?

"1 เหตุฉะนั้นขอให้เราผ่านหลักธรรมเบื้องต้นแห่งคริสตศาสนา ไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ไม่วางรากฐานซ้ำอีก คือเรื่องการกลับใจจากการประพฤติที่นำไปสู่ความตาย เรื่องความเชื่อในพระเจ้า

2 และคำสอนว่าด้วยพิธีล้างชำระ และพิธีวางมือ และการเป็นขึ้นมาจากตาย และการพิพากษาลงโทษเป็นนิตย์นั้น" (ฮีบรู 6:1)

ถ้ายังไม่ผ่านหลักธรรมเบื้องต้นเหล่านี้ เราจะต้องรีบเร่งต่อสู้ เพราะความบาปได้โจมตีเราอย่างไม่หยุดยั้ง ถ้ายิ่งปล่อยนานเราจะยิ่งเอาชนะยาก แต่ถ้าเราเอาจริงเอาจัง สู้สุดกำลัง เอาชนะความบาป เราก็จะได้ชัยชนะ เพื่อที่ชีวิตของเราจะสามารถเกิดผลได้

ไม่ใช่เพียงแค่ผ่านหลักพื้นฐานเบื้องต้นเท่านั้น แต่คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะต้องดำเนินชีวิต แสดงออกถึงความเป็นผู้ใหญ่ให้สมบูรณ์อีก คือ การที่เขาจะปรารถนาที่จะเกิดผล การที่ยกโทษให้ผู้อื่น เรียนรู้คุณค่า เกียรติ และการสวมเสื้อที่เหมาะสมที่จะเข้าสู่แผ่นดินนั้น และภาพแห่งแผ่นดินสวรรค์ กำลังบอกแก่ผู้ที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่

"11 เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก ใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย

12 เพราะว่าบัดนี้เราเห็นสลัวๆเหมือนดูในกระจก แต่เวลานั้นจะได้เห็นพระพักตร์ชัดเจน

เดี๋ยวนี้ความรู้ของข้าพเจ้าไม่สมบูรณ์ เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า (1โครินธ์ 13)

เมื่อผ่านความเป็นเด็กแล้ว ความรับผิดชอบของการเป็นผู้ใหญ่จะต้องอยู่กับเราตลอด จนถึงวินาทีสุดท้าย

ดั้งนั้น แผ่นดินสวรรค์จึงไม่ใช่สิ่งที่เราจะได้มาอย่างง่ายดาย เพราะความเป็นจริงแล้ว แผ่นดินสวรรค์เป็นสิ่งที่ยากที่เราจะฉวยมาได้ แต่ถ้าหากเราเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ เราจะเห็นคุณค่า และพร้อมที่จะทุ่มเทเพื่อให้ได้สิ่งนี้มา เหมือนขุมทรัพย์และไข่มุก เพราะเราจะรู้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทีเดียว ซึ่งเด็กฝ่ายวิญญาณจะไม่คิดเช่นนี้ จะไม่คิดเมือนพ่อค้าในคำอุปมาที่รู้คุณค่าของไข่มุก จึงได้ขายทุกสิ่งที่เขามีเพียงเพื่อได้ไข่มุกเม็ดนี้เม็ดเดียว

ขอพระเจ้าช่วยเรา ที่เราจะกล้าที่จะเป็นผู้ใหญ่ ที่จะคิดอย่างที่ผู้ใหญ่คิด เพราะคนเช่นนี้มีน้อยนัก เป็นทางแคบที่คนไม่อยากจะเดิน

"17 ข้าพเจ้าอธิษฐานว่า ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา คือพระบิดาผู้ทรงพระสิริทรงโปรดประทานให้ท่านทั้งหลาย มีจิตใจอันประกอบด้วยสติปัญญา และความประจักษ์แจ้งในเรื่องความรู้ถึงพระองค์

18 และขอให้ตาใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อท่านจะได้รู้ว่า ในการที่พระองค์ทรงเรียกท่านนั้น พระองค์ได้ประทานความหวังอะไรแก่ท่าน และรู้ว่า มรดกของพระองค์สำหรับธรรมิกชนมีสง่าราศีอันอุดมบริบูรณ์เพียงไร

19 และรู้ว่า ฤทธานุภาพอันใหญ่ของพระองค์มีมากยิ่งเพียงไร สำหรับเราทั้งหลายที่เชื่อ ตามอำนาจของพระกำลังและฤทธานุภาพอันใหญ่ยิ่งของพระองค์" (เอเฟซัส 1:17-19)

ทั้งสามสิ่งนี้ จะเป็นสิ่งที่เราขอ ดังเช่นที่อาจารย์เปาโลได้อธิษฐานเพื่อเรา ขอพระเจ้าเปิดตาใจของเรา ที่เราจะรู้ถึงความหวัง มรดก และฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

การที่เราจะได้มาซึ่งแผ่นดินสวรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะมองอย่างเด็ก ๆ แต่เมื่อเราเรียนรู้แล้วเราจะเข้าใจ เมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงจะคิดได้

ศัตรูอยู่รอบข้างเราเสมอ เราจะต้องต่อสู้กับศัตรูที่อยู่รอบข้างเรา

"ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้" (1เปโตร 5:8)

เราจะต้องสวมยุทธภัณฑ์ให้ครบ ตามเอเฟซัส 6 เพื่อที่เราจะสามารถยืนหยัดจนวิธีสุดท้าย

จากคำอุปมาทั้ง 12 อย่างนั้น สามารถประมวลออกได้เป็น 6 ภาพ ได้แก่

  • มีการแอบแฝงปะปนของศัตรูขณะที่ตั้งบนแผ่นดินโลก (ข้าวละมาน) เราจะต้องพร้อมที่จะรับกับสถานการณ์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ เราจะต้องไม่ท้อใจ เพราะเป็นหน้าที่ของเราที่พระองค์มอบหมายให้แก่เรา ที่เราจะสร้างแผ่นดินของพระเจ้าให้ปรากฎในโลกนี้

  • ลักษณะการเกิดผลแห่งแผ่นดินสวรรค์ (ผู้หว่านพืช, เมล็ดพืช, เชื้อขนม, เงินตะลันต์) พระเจ้าทรงต้องการให้เราเกิดผลมาก เกิดผลที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเราก้าวสู่การเติบโต เราจะต้องแสดงผลที่จะออกจากชีวิตของเรา พระเจ้าจึงพอพระทัย และจะประทานแผ่นดินสวรรค์ให้แก่เรา เพื่อที่พระองค์จะตั้งเราให้ครอบครองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ดังเช่นทาสที่ได้ 5 ตะลันต์และ 2 ตะลันต์ ที่ได้เกิดผล และนำผลที่ถวายได้นั้นมาถวายแด่พระเจ้า

  • ผู้ที่จะช่วงชิงเอาแผ่นดินสวรรค์ได้ (ขุมทรัพย์, ไข่มุก) ตราบใดที่เรายังหวงแหนสิ่งที่มีอยู่ แล้วไม่เห็นคุณค่าของแผ่นดินสวรรค์ เราก็จะเป็นเหมือนเศรษฐีหนุ่ม

"16 ดูเถิด มีคนหนึ่งมาทูลพระองค์ว่า 'ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำดีประการใด จึงจะได้ชีวิตนิรันดร์'

17 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า 'ท่านถามเราถึงสิ่งที่ดีทำไม ผู้ที่ดีมีแต่ผู้เดียว แต่ถ้าท่านปรารถนาจะเข้าในชีวิต ก็ให้ถือรักษาพระบัญญัติไว้'

18 คนนั้นทูลถามว่า 'คือพระบัญญัติข้อใดบ้าง' พระเยซูตรัสว่า 'คือข้อที่ว่า 'อย่าฆ่าคน อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าลักทรัพย์ อย่าเป็นพยานเท็จ

19 จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของตน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง' '

20 คนหนุ่มนั้นทูลพระองค์ว่า 'ข้อเหล่านั้นข้าพเจ้าได้ถือรักษาไว้ทุกประการ ข้าพเจ้ายังขาดอะไรอีกบ้าง'

21 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า 'ถ้าท่านปรารถนาเป็นผู้ที่ทำจนครบถ้วน จงไปขายบรรดาสิ่งของซึ่งท่านมีอยู่แจกจ่ายให้คนอนาถา แล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์

แล้วจงตามเรามาและเป็นสาวกของเรา'

22 เมื่อคนหนุ่มได้ยินถ้อยคำนั้นก็ออกไปเป็นทุกข์ เพราะเขามีทรัพย์สิ่งของเป็นอันมาก

23 พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า 'เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ก็ยาก

24 เราบอกท่านทั้งหลายอีกว่า ตัวอูฐจะลอดรูเข็มก็ง่ายกว่าคนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า'' (มัทธิว 19:16-24)

  • การปฏิบัติที่ถูกต้องต่อแผ่นดินสวรรค์ (การคิดบัญชีกับทาสที่ไม่ให้อภัย, กษัตริย์จัดเลี้ยงสมรส, หญิงพรหมจารีย์) เราจะต้องมีความรักเสมอ ให้อภัยแก่ผู้อื่นเสมอ และจะต้องสวมเสื้อให้ถูกต้อง ให้เหมาะกับงาน ซึ่งจะต้องเป็นเสื้อที่ขาวสะอาด คือได้รับการชำระโดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เป็นพื้นฐาน และจะต้องมีผลแห่งการปฏิบัติ การเกิดผล การรู้คุณค่า การอดทนรอคอย และการพร้อมจนนาทีสุดท้าย นี่คือเสื้อที่เราจะต้องสวม

  • สิทธิอำนาจของเจ้าของแผ่นดินสวรรค์ (เจ้าของสวน) พระเจ้าเป็นผู้จัดเตรียมสิ่งนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามาก ที่คู่ควรกับคนพิเศษ ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าไปได้ พระองค์จะให้ผู้ใดเข้าได้ ก็เป็นสิทธิของพระองค์ และนี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่า เราจำเป็นจะต้องอ่านพระวจนะคำของพระองค์ เพื่อเราจะรู้กฎเกณฑ์ของพระองค์ และเราจะได้กระทำตามพระทัยพระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์ กฎเกณฑ์เหล่านี้เป็นกฎเกณฑ์ที่พระเจ้าจะทรงใช้ในวันพิพากษา เราจะต้องรู้ และเกรงกลัวสิทธิอำนาจนี้ ขอที่เราจะสำรวจว่าสิ่งใดที่เรายังไม่มี สิ่งใดที่เรายังละเลย และขอที่เราจะกลับใจจากสิ่งเหล่านั้น

  • การคัดสรรที่จะเกิดในวันพิพากษา (ข้าวละมาน, อวน) พระเจ้าจะทรงคัดสรร และในการคัดสรรนั้น เป็นสิ่งที่เราจะต้องคิดถึงพระคัมภีร์เกี่ยวกับการพิพากษา อย่าดีใจที่เพียงแค่เราได้รับการเกี่ยว หรือได้ติดอวนแล้วมา เพราะสิ่งเหล่าไม่ได้บอกว่าเราจะผ่านการคัดสรรได้ เราจะประมาทไม่ได้

"17 ด้วยว่าถึงเวลาแล้ว ที่การพิพากษาจะต้องเริ่มต้นที่ครอบครัวของพระเจ้า และถ้าการพิพากษานั้นเริ่มต้นที่พวกเราก่อน ปลายทางของคนเหล่านั้น ที่ไม่เชื่อฟังข่าวประเสริฐของพระเจ้าจะเป็นอย่างไร

18 และ ถ้าคนชอบธรรมจะรอดพ้นไปได้อย่างยากเย็นแล้ว คนที่ไม่เคารพพระเจ้า และคนบาปจะไปอยู่ที่ไหน" (1เปโตร 4:17-18)

พร้อมหรือยังที่เราจะก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ คิดอย่างผู้ใหญ่?

พวกเราต้องเอาจริงเอาจังกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ให้เราสำรวจตัวเองว่าเรามีพระวจนะมากน้อยเท่าไร ถ้าหากเราปิดพระคัมภีร์เราจะสามารถพูดพระคำของพระองค์ได้เพียงไร ขอพระเจ้าช่วยที่พระคำของพระองค์จะฝังในตัวเรา อยู่ในชีวิตของเรา เพื่อที่เราจะก้าวไป ไม่หยุดอยู่กับที่

อ.ประดิษฐ์ พรกีรติกุล
กลุ่มเซลล์เพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง
สรุปโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com