ร้านอายุยืน

“ความตาย” เมื่อเอ่ยถึงคำคำนี้ ใครๆก็ไม่อยากจะเอามาเป็นหัวข้อที่จะสนทนากัน และก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงคำนี้ใหัถึงที่สุด แม้กระทั่งร้านขายโลงศพก็พยามสรรหา คำอื่นๆที่ให้ความรู้สึกที่ดีมาเป็นชื่อร้าน ที่ประเทศจีน ในอดีตก็มักจะใช้ชื่อร้านว่า “ฉางเซิงเตี้ยน” ซึ่งแปลว่า “ร้านอายุยืน”

เพราะเหตุไรใครๆจึงไม่อยากที่จะคิดหรือพยายาม ที่จะพูดถึงคำนี้กันล่ะ?….

แน่นอน อาจจะมาจากหลายสาเหตุ เช่น “คิดแล้วพูดแล้ว มีแต่จะทำให้ใจเรามันห่อเหี่ยว อับเฉาไม่สดชื่น” “พูดแล้วเป็นลางร้าย อย่าพูดดีกว่า” “พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด ไม่มีอะไรดีขึ้น คุยกันเรื่องอื่นดีกว่า”

แต่การ “ไม่พูด” “ไม่คิด” ถึงคำคำนี้แล้วจะทำให้พวกเราหนีพ้นจากมันได้หรือ?…..

ไม่มีทางเลย แม้พวกเราจะไม่พูดไม่คิดถึงมันก็ตาม แต่พวกเราก็หนีมันไม่พ้น……. ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมพวกเราไม่หันหน้ามาเผชิญและเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับมันล่ะ…. คุณว่าจริงไหม?

ความตายกับมนุษย์

ก่อนอื่นมี 5 ประการที่มนุษย์เราควรจะทราบเกี่ยวกับความตาย

1. มนุษย์ทุกคนต้องตาย

นี่เป็นสิ่งแท้จริงแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรวยหรือจน คุณก็ต้องตาย ไม่ว่าคุณจะเป็น คนที่มีการศึกษาสูงหรือคนที่ไร้การศึกษา คุณก็ต้องตาย ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มีอำนาจ มีตำแหน่งหรือเป็นคนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกง คุณก็ต้องตาย ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มีอวัยวะ ครบ 32 ประการ หรือ เป็นคนพิการ คุณก็ต้องตาย ไม่ว่าคุณจะเป็นคนจีน คนลาว คนฝรั่งคนอินเดีย หรือคนไทย คุณก็ต้องตายและไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่กลัวตายหรือไม่กลัวตาย คุณก็ต้องตายอยู่ดี

2. มนุษย์ทุกคนกลัวตาย

หลายคนเมื่อได้อ่านหัวข้อนี้ อาจจะพูดในใจของตนทันทีว่า “ไม่จริงหรอก ในโลกนี้มี หลายคนที่ไม่กลัวตาย ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่กลัวตาย ทำไมคุณมาด่วนสรุปว่าทุกคน ต้องกลัวตายด้วยล่ะ”

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ความหมายของคำว่า “กลัวตาย” นั้น ไม่ใช่หมายถึงการไม่กล้าเผชิญหน้ากับความตาย มีหลายคนในโลกที่ยอมเสียสละชีวิต ของตนในเรื่องที่เขาเห็นว่าถูกต้อง เรื่องของประเทศชาติหรือไม่กลัวตายเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จึงทำให้พวกเขาเหล่านี้ดูเหมือนว่า “ไม่กลัวตาย” แต่คนที่ไม่กลัวตายเหล่านี้ไม่ใช่ว่าเขาเข้าใจ ความลึกลับของความตาย หรือมีความมั่นใจที่จะเอาชนะความตายได้แล้ว ตรงกันข้ามพวกเขารู้ดี ว่าความตายนั้นเป็นสิ่งที่เจ็บปวดและน่ากลัว แต่เพราะ “อารมณ์” ของพวกเขาในเวลานั้น หรือบางสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเขาในเวลานั้น ทำให้เขามองเห็นว่าสำคัญกว่าการตาย ของชีวิตของเขา หรือจะยุติได้ด้วยการตายของชีวิตของเขา (กรณีการฆ่าตัวตาย) เพราะฉะนั้น จึงปลุกใจของตนเองไม่ให้กลัวความตาย แต่แท้จริงแล้วการไม่กลัวตายของพวกเขาก็เพราะ มีเรื่องเหตุการณ์บางอย่างที่สำคัญกว่าให้เขาเปรียบเทียบในเวลานั้นเท่านั้น ไม่ใช่เพราะ “ความตาย” มันไม่น่ากลัว ถ้าเอาเข้าจริง ๆ ลองคิดถึงความตายเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องมี องค์ประกอบใด ๆ แล้ว พวกเราทุกคนต่างก็กลัวตายกันอยู่ดี

3.ทุกเพศทุกวัยมีสิทธิ์ตายได้เหมือนกัน

เมื่อพูดถึงความตายหลายต่อหลายคนคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวของเขา แต่เอาเข้าจริง ๆ เป็นเรื่องไกลตัวจริงหรือ คุณคิดว่ามีเพียงคนแก่จึงจะตายหรือ คุณคิดว่ามีเพียงคนป่วย จึงจะตายหรือ ไม่ใช่เช่นนั้นนะครับ ถ้าเราดูโลงศพ เราจะเห็นว่ามีหลายขนาด นั่นแสดงว่า คนเราไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือทารก เด็กเล็ก เด็กใหญ่ วัยรุ่น หนุ่มสาว วัยกลางคน คนชรา ต่างก็มีโอกาสที่จะตายได้ทั้งสิ้นเพราะฉะนั้น อย่าคิดว่า “ความตาย” เป็นสิ่งที่ไกลตัวของ คุณอีกต่อไปเลย

4.ทุกคนไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่

“เครื่องบินสายการบิน… แอร์ไลน์ ตกกลางป่า มีคนเสียชีวิต 260 คน” “รถบัสปะทะกับรถสิบล้อ ตาย 52 คน บาดเจ็บระนาว” นี่เป็นข่าวที่พวกเรามักจะเห็นปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันต่าง ๆ แต่ผมจะ ขอถามคุณข้อเดียว “ถ้าคนเหล่านั้นรู้ก่อนว่า เครื่องบินที่เขาโดยสาร รถที่พวกเขานั่ง นั้นจะต้องตกหรือเกิดอุบัติเหตุ คุณคิดว่าพวกเขาจะนั่งไหม ” ไม่มีทางแน่นอน นั่นแสดงว่า พวกเราทุกคนไม่รู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อไหร่

5. ทุกคนไม่รู้ว่าตายแล้วจะพบกับอะไร

นี่เป็นปัญหาที่ลึกลับดำมืดสำหรับมนุษย์ทุกคน เกี่ยวกับเบื้องหลังความตายนี้ แต่ละชาติ แต่ละวัฒนธรรม แต่ละเผ่าพันธุ์ แต่ละศาสนา ต่างก็มีความคิดแตก ต่างกันออกไป แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ทุกชาติ ทุกวัฒนธรรม ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกศาสนานั้น ถึงแม้พวกเขาจะมีความเชื่อของเขาว่า ตายไปแล้วจะพบกับอะไรก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่มี ความมั่นใจ 100 % เลยว่า เมื่อพวกเขาตายไปจะพบกับสิ่งที่เขาเชื่อและเข้าใจ นั้นจริงหรือเปล่า ดังนั้น ถ้าคุณถามคนไทยสักคนหนึ่งว่า “ถ้าวันนี้คุณจากโลกนี้ไป (คือตาย) คุณคิดว่าคุณจะไปไหน” คุณอาจจะได้หลายคำตอบ แต่คำตอบที่คุณจะได้ยินจากพวกเขา มากที่สุดก็คือ “ไม่รู้เหมือนกัน” หรือ “แล้วแต่บุญแล้วแต่กรรม” ซึ่งคำตอบเหล่านี้มันแสดง ให้เห็นว่า พวกเขาไม่มีความมั่นใจในสิ่งที่เขารู้และเข้าใจเลย ถ้าเช่นนั้นจริง ๆ แล้วเมื่อมนุษย์ เราตายไปแล้วเขาจะพบกับอะไร

คำตอบของมนุษย์

ความตายมาจากไหน?….ตายไปแล้วจะพบกับอะไร?…นี่คือสองคำถามที่ค้างคาใจ ในส่วนลึกของมนุษย์ทุกคน และถ้าเราอยากทราบว่าความตายมาจากไหน? เราจะต้องเอาศักยภาพในความคิดของเราเป็นตัวรับข้อมูลจากผู้สร้างมนุษย์เรา

พระคริสต์ธรรมคัมภีร์ซึ่งเป็นหนังสือที่พระเจ้าได้ทรงเปิดเผยความจริงแก่มนุษย์ ได้บอกเราอย่างชัดเจนว่า ความตายนั้นเป็นผลมาจากการที่มนุษย์เราใช้อิสระในการเลือก ในทางที่ผิด ความผิดบาปก็ได้เกิดขึ้นและนำมนุษย์ไปสู่ความตาย ซึ่งมนุษย์ทุกคนต่าง ก็รู้สึกถึงความผิดนี้ได้ เพราะทุกครั้งที่เขาทำผิดจะเกิดความกลัว และ ส่วนลึกของเขา กำลังบอกเขาว่า “เขาต้องรับผิดชอบ ต่อการกระทำของเขา เมื่อเขาจากโลกนี้ไป” และ ผลของความบาปที่มนุษย์เราต้องรับนั้น ไม่เพียงแต่ตายฝ่ายร่างกาย เมื่อมนุษย์เราตายไป จะพบกับการพิพากษาอันยุติธรรมของพระเจ้าตามแต่การกระทำของเขาแต่ละคน และทนทุกข์ทรมานเป็นนิตย์ในนรกอีกด้วย

แต่พระเจ้าผู้ทรงสร้างและรักมนุษย์ พระองค์ไม่ทรงปรารถนาที่จะให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างมาต้องรับทุกขทรมานเป็นนิตย์ในนรก แต่เพราะเหตุที่พระองค์ก็ทรงยุติธรรมด้วย ก็คือความผิดบาปที่มนุษย์เราทำนั้นจะ ต้องมีการลงโทษ ดังนั้นพระองค์จึงทรงประทานพระเยซูคริสต์พระบุตรองค์เดียวของพระองค์ มารับสภาพเป็นมนุษย์เพื่อใช้ร่างกายของพระองค์นั้นไถ่บาป รับโทษบาปให้แก่ทุกคนที่ถ่อมใจ สำนึกว่าเป็นคนบาปและได้ทำบาป และหันมาพึ่งในการรับโทษแทนของพระองค์ ทุกคนที่พึง ในการรับโทษแทนของพระเยซูคริสต์นั้น เขาก็จะรอดพ้นจากการพิพากษาและไม่ต้องอยู่ ที่บึงไฟนรก แต่จะได้อยู่สวรรค์เป็นนิตย์กับพระเจ้าผู้ทรงสร้างเขาอีกด้วย นี่เป็นพระคุณ ของพระเจ้าที่มีต่อพวกเราทุกคนที่เป็นคนบาป ผู้ที่ต้อนรับพระเยซูคริสต์นั้น พระองค์ ไม่เพียงแต่จะยกโทษความผิดบาปของเขาเท่านั้น พระองค์ยังทรงประทานชีวิตใหม่ให้แก่เขา เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาให้มีกำลังที่จะชนะต่อความผิดบาปขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ในโลกอีกด้วย

ผู้อ่านที่รักทุกท่าน….วันนี้ถ้าท่านได้เข้าใจความจริงเกี่ยวกับความตายซึ่งไม่ใช่เรื่องไกลตัว ของท่านเลย และถ้าท่านปรารถนาจะต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นผู้รับบาปแทนท่าน เพื่อท่านจะไม่ต้องรับโทษบาปหลังจากที่ท่านจากโลกนี้ไป และจะมีชีวิตอยู่บนสวรรค์เป็นนิตย์ กับพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระผู้สร้างของท่านแล้ว

อ.นิกร สิทธิจริยาภรณ์
http://www.ccma.i-p.com

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com