มนุษย์กำลังตกอยู่ในความน่าสงสาร

เมื่อเรารู้แล้วว่ามนุษย์ทุกคนต่างก็มีเชื้อบาปและก็กำลังแสดงอาการบาปออกมาในชีวิต

แต่ถ้าเขาไม่ต้องการหมอในการรักษา เขาจะมีเพียง 3 วิธีเท่านั้นในการเผชิญหน้า กับโรคแห่งความผิดบาปนี้ คือ

1. ปลง

รู้ว่าตัวเองเป็นโรคร้ายแรงแต่ก็ปลงตกตายก็ตาย

พวกนี้เป็นพวกไหนในสังคม ? ... ก็คือพวกที่รู้ว่าตัวเองกำลังทำบาป ทำในสิ่งที่ไม่สมควร ทำในสิ่งที่สังคมรังเกียจแต่จะทำ อย่างไรได้ บาปก็บาป ตายก็ตาย อยู่อย่างไม่แคร์สังคม ใช้ชีวิตอย่างหมดอาลัยตายอยาก

พวกนี้ส่วนมากจะเป็นใช้ชีวิตอยู่ในคลับ บาร์ ซ่อง คาราโอเกะ และหมกมุ่นอยู่กับ สิ่งเสพติดต่าง ๆ

2. ปกปิด

พวกนี้พอรู้ว่าตัวเองเป็นโรคร้าย ก็ปะหน้า ทาแป้ง บอกคนอื่นว่า "ฉันไม่มีโรคร้ายอะไร" ซึ่งก็สามารถหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตัวเองและคนรอบข้างไม่ได้เลย

พวกนี้เป็นพวกไหน ? ... ก็คือพวกที่มือข้างหนึ่งทำบุญมืออีกข้างหนึ่งก็ทำบาป มือถือสากปากถือศีล ถือศาสนาแต่เปลือกนอก แต่แก่นแท้ของศาสนานั้นไม่ยอมปฏิบัติตาม

พวกนี้พยายามที่จะหลอกตัวเองว่า "ทำบุญล้างบาปได้" ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว การทำบุญไม่มีทางที่จะล้างบาปได้เลย

เราคงเคยได้ยินคำที่ว่า "ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว" กันมาแล้ว

แน่นอน ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ถ้าเราทำทั้งสองอย่างล่ะ เราจะได้อะไร ?

สมมติว่า ผมมีน้ำสะอาดที่ดื่มได้ประมาณครึ่งแก้ว แล้วต่อมาผมก็หยด "พิษงูเห่าลงไปหยดหนึ่ง" แน่นอน ผมจะไม่ดื่มน้ำแก้วนั้นอย่างเด็ดขาด

แต่ถ้าผมส่งให้คนอื่นดื่ม เขาคงดื่มอย่างแน่นอน แต่ผมไม่ดื่ม เพราะผมเป็นคนหยด "พิษงูเห่า" ลงไปเอง

จากภาพนี้ คุณคงเห็นได้ชัดว่า ความผิดของตนเองนั้น หลอกคนอื่นได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้เลย

ไม่เชื่อคุณลองย้อนอดีตดูซิครับ คุณจำในสิ่งที่คุณทำดีไม่ค่อยได้ แต่สิ่งที่คุณจำได้แม่นยำ

และเมื่ผมรู้แล้วว่าน้ำสะอาดครึ่งแก้วของผมมี "พิษงูเห่า" ผสมอยู่แล้ว ผมก็เติมน้ำสะอาดลงไปให้เต็มแก้ว คนที่ไม่รู้ก็กล้าดื่ม แต่ผมรับรองไม่ดื่มแน่ ๆ (ถึงแม้จะเติมน้ำสะอาดลงไปมากขนาดไหนก็ตาม)

จากภาพนี้ ทำให้เราเห็นว่า การทำบุญล้างบาปหรือการทำดีล้างบาปนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ถ้าทำทั้งสองอย่าง ... ได้ชั่วครับ

3. กินยาแก้ปวด

พวกนี้พอรู้ว่าตัวเองมีโรคร้ายและอาการเริ่มแสดงออกมา แต่เขาก็ไม่ต้องการหมอ

เขาเริ่มรู้สึกปวด ดังนั้น เขาจึงกินยาแก้ปวด ยาแก้ปวดนี้ดี กินบุ๊ป หายบั๊ป แต่พอยาหมดฤทธิ์ เริ่มปวดอีก และยิ่งมาก็ต้องยิ่งเพิ่มปริมาณยามากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยาก็ไม่ได้รักษาโรคร้ายเพียงแต่ระงับอาการปวดเท่านั้น โรคร้ายก็ยังอยู่เหมือนเดิม

พวกนี้เป็นพวกไหนในสังคม ? ... พวกนี้เป็นพวกที่รู้ว่าตัวเองมีบาปและเริ่มเห็นอาการบาปของตนเอง แต่ก็พยายามช่วยตัวเองโดยการกินยาแก้ปวดเพื่อระงับอาการปวด นั่นก็คือการรักษาข้อบังคับทางศาสนา ซึ่งวันไหนรักษาศีล วันนั้นอาการบาปก็ไม่ออก แต่วันไหนหยุดรักษา หรือเวลาไหนหยุดกินยาแก้ปวด วันนั้นเวลานั้นอาการบาปก็ออกมาอีก ซึ่งยิ่งมาก็ต้องยิ่ง รักษาศีลมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่มีทางที่จะรักษาโรคแห่งความผิดบาปได้เลย มันทำได้เพียงระงับอาการบาปไม่ให้ปรากฏออกมาเท่านั้น

สุดท้ายไม่ว่าจะเป็น การปลง การปกปิด การกิน ยาระงับปวด ต่างก็ไม่สามารถขจัดโรคร้ายแห่งความผิดบาปได้เลย และเมื่อพิษของโรคร้าย แล่นเข้าสู่หัวใจก็ต้องพบกับจุดจบของชีวิตแน่นอน

แล้วจุดจบของโรคแห่งความผิดบาปล่ะ คืออะไร ?

อ. นิกร สิทธิจริยาภรณ์
จากหนังสือ ศาสนาช่วยมนุษย์ได้จริงหรือ?

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com