คริสต์มาสนี้
มีความหมาย

เมื่อพูดถึงเทศกาลงานเฉลิมฉลองของคนในโลกนี้ นับว่ามีอยู่มากมายหลายงาน... แต่มีเทศกาลหนึ่งที่มีความหมาย และมีอิทธิพลต่อชีวิตของมนุษย์อย่างมากมาย นั่นก็คือเทศกาลคริสตมาสนั่นเอง... ซึ่งเทศกาลนี้มีเพื่อระลึกถึงการที่พระเจ้าทรงให้พระเยซูคริสต์พระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาบังเกิดในโลก เพื่อช่วยเหลือมนุษย์

ถึงแม้เทศกาลคริสตมาสจะมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ และมีคนมากมายทั่วโลกที่เข้าร่วมฉลอง แต่มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของวันคริสตมาส นั่นก็เพราะว่าคนส่วนใหญ๋ได้แต่ฉลองเพื่อหาความสนุกสนาน และความชื่นชมยินดีเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็จะไม่ได้สัมผัสถึงความหมายที่แท้จริงได้เลย

ผู้อ่านที่รัก... ชีวิตของท่านที่ผ่านมา บางทีท่านอาจจะไม่เคยสนใจวันคริสตมาส หรือปีนี้ท่านอาจกำลังตั้งใจที่จะฉลองวันคริสตมาสตามที่ต่าง ๆ ... ไม่ว่าท่านจะเป็นใครก็ตาม ขอให้ท่านทราบเถิดว่า วันคริสตมาสนี้เกี่ยวข้องและมีความหมายต่อชีวิตของท่านมากจริง ๆ ... นั่นก็เพราะ ...

1. วันคริสตมาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงเปิดเผยว่า
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของชนทุกชาติทุกภาษา

หลายคนมีความเข้าใจที่ผิด คิดว่าวันคริสตมาสเป็นของชาวตะวันตก แต่แท้จริงแล้ว วันคริสตมาสนี้มีที่กำเนิดมาจากทวีปเอเชีย ก็คือดินแดนปาเลสไตน์...

ในวันนั้นเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ได้เข้ามาบังเกิดในคอกสัตว์ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในประเทศอิสราเอล เวลานั้นพวกยิวมีความคิดที่ว่าพระเจ้านั้นทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขาเพียงชนชาติเดียว แต่ในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาส พระคริสตธรรมภีร์ได้บันทึกว่า มีพวกนักปราชญ์ที่เป็นคนต่างชาติได้เข้ามาเฝ้าพระเยซูคริสต์ด้วย นั่นจึงแสดงให้เห็นว่า พระเจ้านั้นทรงเป็นพระเจ้า ไม่ใช่แค่ของคนยิว ของชาวตะวันตก หรือของชนชาติใดชนชาติหนึ่ง แต่พระองค์เป็นพระเจ้าของชนทุกชาติทุกภาษา

อย่างเช่น ถ้าจะถามว่า "ดวงอาทิตย์เป็นของชนชาติไหน ?"...

คำตอบก็คือ ดวงอาทิตย์เป็นของชนทุกชาติทุกภาษานั่นเอง

ผู้อ่านที่รัก... ไม่ว่าคุณจะเป็นชนชาติไหนก็ตาม พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของคุณด้วย ...

2. วันคริสตมาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงชี้ให้เห็นว่า
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของชนทุกชั้น

ช่วงเวลาที่พระเยซูคริสต์ทรงลงมาบังเกิดนั้น เราจะเห็นว่า ไม่เพียงแต่จะมีนักปราชญ์ที่มีตำแหน่ง มีฐานะร่ำรวย มาเฝ้าพระองค์เท่านั้น ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้เข้ามาเฝ้าพระองค์ด้วย นั่นก็คือคนเลี้ยงแกะที่ยากจน ซึ่งไม่มีตำแหน่งฐานะอะไร...

นั่นจึงทำให้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของชนทุกชั้น ทุกฐานะ ไม่ว่ารวยหรือจนก็สามารถที่จะพบและมีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้ทั้งสิ้น...

มีคนเคยถามว่า "ในเมื่อพระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์น่าจะทรงเลือกเกิดได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น เหตุไรพระองค์จึงไม่เลือกเกิดในวัง หรือเป็นคนรวย แต่มาเกิดในคอกสัตว์ที่ต่ำต้อยด้วยล่ะ"...

ถูกแล้วครับ ที่พระองค์ทรงเลือกสถานที่ที่จะเกิดได้ แต่การที่พระองค์เลือกที่จะเกิดในคอกสัตว์ ก็เพราะเหตุว่า ไม่ว่าคนจะยาก ดี มี จน หรือพิกลพิการ ก็สามารถที่จะเข้าหาพระองค์ได้ ถ้าพระองค์ที่ฐานะร่ำรวย หรือมีตำแหน่งสูง ก็คงจะมีแต่คนที่มีฐานะหรือมีตำแหน่งที่สูงส่งเท่านั้น จึงจะเข้าไปถึงพระองค์ได้ แต่คนธรรมดาสามัญคงเข้าหาพระองค์ยากแน่ ๆ...

ผู้อ่านที่รัก... ไม่ว่าคุณจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของคุณเช่นกัน

3. วันคริสตมาสเป็นวันที่พระเจ้าสำแดงว่า
พระองค์ไม่ทรงทอดทิ้งมนุษย์

พระคริสตธรรมคัมภีร์บันทึกอย่างชัดเจนว่า สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนมาจากการทรงสร้างของพระเจ้าทั้งสิ้น ... แต่เมื่อพระองค์ทรงดำริว่าจะสร้างมนุษย์ขึ้นมานั้น นับว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก นั่นเป็นเพราะว่าสิ่งมีชีวิตที่พระองค์จะทรงสร้างขึ้นมาต่อไปนี้ มีชื่อว่า "คน"...

เมื่อเราเห็นหญิงคนหนึ่งกำลังตั้งครรภ์ คุณทราบไหมว่า สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในครรภ์ของเธอนั้น จะมีผลต่อเธอมากทั้งแง่บวกและแง่ลบ ... เพราะสิ่งมีชิวิตที่กำลังจะเกิดออกมานั้น เมื่อเขาโตขึ้น เขาสามารถที่จะทำให้คุณแม่หัวเราหรือร้องไห้ก็ได้... ทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจหรือเสียใจก็ได้... เขาอาจจะเชิ่อฟังหรือเถียงคุณพ่อคุณแม่ก็ได้... แต่ถึงแม้คุณพ่อคุณแม่รู้ว่าลูกที่กำลังจะเกิดออกมานี้อาจจะทำผิดต่อพวกเขา แต่พ่อแม่ก็ยังดีใจที่มีลูก... ถึงแม้เมื่อลูกเกิดออกมาแล้วอาจจะทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พ่อแม่ก็ไม่ทอดทิ้ง และพร้อมที่จะให้อภัยลูกอยู่เสมอ...

เช่นเดียวกัน... เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมานั้น พระองค์ได้ให้อิสระกับมนุษย์ในการเลือกหรือตัดสินใจได้เอง แต่มนุษย์เรากลับเลือกที่จะปฏิเสธพระองค์ และทำให้พระองค์เสียพระทัย...

ดังนั้น ชีวิตของมนุษย์เราทุกคนจึงเต็มไปด้วยปัญหา ความทุกข์ ความวุ่นวายสับสน ซึ่งเป็นผลจากการที่มนุษย์เราได้ทำความผิดบาป และบั้นปลายของมนุษย์จะต้องรับการพิพากษาจากพระเจ้าตามการกระทำของตนเอง...

ถึงแม้มนุษย์ได้ทำความผิดบาปมากมาย แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ทอดทิ้งมนุษย์ พระองค์ยังทรงรักและไม่ปรารถนาให้มนุษย์ต้องพินาศในนรกเลย พระองค์จึงทรงให้พระเยซูคริสต์มารับสภาพเป็นมนุษย์ในโลกนี้ เพื่อรับโทษความผิดบาปแทนผู้ที่หันกลับมาขออภัยจากพระองค์

ผู้อ่านที่รัก... คุณเคยถูกทอดทิ้งไหม?... คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อถูกทอดทิ้ง?

ไม่ว่าคุณเป็นใคร ขอให้คุณทราบว่า วันคริสตมาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงสำแดงว่า พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งคุณ และพระองค์พร้อมที่จะให้คุณกลับมาหาพระองค์ตลอดเวลา...

4. วันคริสตมาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงตามหามนุษย์

หลักความจริงง่าย ๆ อย่างหนึ่งที่พวกเราทุกคนต่างก็เข้าใจกันดี นั่นก็คือการที่ผู้ที่ใหญ่กว่าจะไปหาผู้น้อยนั้น ง่ายกว่าการที่ผู้น้อยจะไปหาผู้ที่ใหญ่กว่า...

เมื่อเราเปรียบเทียบดูระหว่างจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้กับตัวเราเอง เราจะเห็นว่าเมื่อเทียบกันแล้ว มนุษย์เรานั้นเล็กมาก เหมือนผลคลีดิน... เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะไปหาและพบพระเจ้าที่ใหญ่กว่ามนุษย์เรา...

ถ้าจะพบพระองค์ได้นั้น มีทางเดียว ก็คือ พระองค์ต้องเป็นฝ่ายที่จะมาหามนุษย์เราเท่านั้น...

ดังนั้นวันคริสตมาสจึงเกิดขึ้นเพื่อชี้ให้เห็นว่า พระองค์นั้นเป็นฝ่ายที่ตามหามนุษย์ เพื่อช่วยมนุษย์เราให้พ้นจากความผิดบาป...

เมื่อเราคิดถึงว่า... พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นผู้สร้างมาตามหามนุษย์เราที่เล็กน้อยและเป็นคนบาปแล้ว เราจึงเห็นว่าพระเจ้าทรงเมตตาและให้เกียรติแก่มนุษย์เราจริง ๆ...

ถ้าวันนี้มีคนมาเคาะประตูบ้านผม เมื่อผมเปิดออกไป แล้วได้พบว่า ผู้ที่เคาะประตูบ้านผมนั้นคือพระมหากษัตริย์ที่ผมรักและเทิดทูน ผมคงจะดีใจและคุกเข่ากราบลงที่พระบาทของพระองค์ด้วยน้ำตาและด้วยความปิติยินดีอย่างแน่นอน... เวลานั้นผมคงคิดในใจว่า... "ผมเป็นใครกันที่พระองค์จะต้องเสด็จมาถึงบ้าน ผมเป็นแค่คนเล็กน้อยเท่านั้น... พระองค์ช่างมีพระคุณและให้เกียรติผมจริง ๆ"...

เช่นเดียวกัน... วันนี้พระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และจักรวาลทรงตามหาท่าน และทรงเคาะประตูใจของท่านอยู่

ท่านผู้อ่านที่รัก... วันคริสตมาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงตามหาท่าน... และเมื่อพระองค์พบท่าน พระองค์ได้เคาะประตูใจของท่าน... พระองค์ไม่ทรงบังคับท่านหรือพังประตูใจของท่าน แต่พระองค์ให้ท่านมีอิสระในการเลือก...

ท่านทราบไหมว่า พระเจ้าทรงสร้างประตูใจของท่านให้มีที่เปิดจากข้างในเท่านั้น... ถ้าท่านไม่เปิด ท่านก็ไม่มีทางพบพระองค์และรับการอภัยโทษจากพระองค์ได้เลย...

วันนี้ท่านจะไม่เปิดประตูใจเพื่อพบพระองค์หรือ ?...

5. วันคริสตมาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงสำแดงความรักต่อมนุษย์

"เพราะว่าพระเจ้าทรงรักมนุษย์
จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์
เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ
แต่มีชีวิตนิรันดร์"
(ยอห์น 3:16)

พระเยซูคริสต์เป็นใคร?... พระองค์เป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า... ในเมื่อพระองค์ทรงเป็นบุตรของพระเจ้า พระองค์จึงทรงมีเนื้อแท้เป็นพระเจ้าด้วย...

อย่างเช่น เราบอกว่า ลูกแมวก็คือแมว ลูกนกก็คือนก ลูกคนก็คือคน...

ในเมื่อพระเยซูคริสต์เป็นบุตรของพระเจ้า นั่นก็คือพระองค์ก็มีเนื้อแท้เป็นพระจเด้วยเช่นเดียวกัน... ซึ่งเรื่องนี้พวกเราเห็นถึงว่า วันคริสตมาสเป็นวันที่ทำให้เราได้เห็นถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ที่มีต่อมนุษย์เรา ความรักที่ยิ่งใหญ๋นั้นเป็นอย่างไร?...

สมมุติว่าผมมีเพื่อนรักอยู๋คนหนึ่ง วันนั้นเขาได้ไปทำผิดกฎหมายร้ายแรงจนถึงขึ้นที่ต้องถูกประหารชีวิต ซึ่งมีทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถช่วยเพื่อนผมได้ นั่นคือต้องเอาตะปู 3 ดอก ตอกที่มือและเท้าของลูกชายผมเพื่อตายแทนเขา... คุณคิดว่าผมจะยอมให้ลูกชายของผมตายแทนเขาไหม?...

ไม่มีทางครับ !... ผมคงพูดกับเขาว่า "เพื่อนรักเอ๋ย !... ผมรักคุณมาก ผมสงสารคุณ แต่ถ้าจะให้ลูกชายของผมตายแทนคุณแล้วล่ะก็... ผมทำอย่างนั้นไม่ได้จริง ๆ"...

คงไม่มีใครที่จะยอมตรีงลูกชายของตนเองให้ตายเพื่อคนอื่น เพราะพวกเราเป็นมนุษย์ที่มีขีดจำกัด เรามีความรักไม่มากขนาดนั้น...

แต่พระเจ้าผู้ทรงสร้างเรา พระองค์ทรงเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักจนยอมให้พระบุตรองค์เดียวของพระองค์ถูกตรึงตายที่บนไม้กางเขน เพื่อไถ้ความผิดบาปให้แก่มนุษย์เรา...

มีคนเคยถามผมว่า "ถ้าพระเจ้ารักผมจริง ทำไมพระองค์ไม่มารับสภาพเป็นมนุษย์ เพื่อมาตายแทนผม แต่กลับให้พระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์ มาตายแทนด้วยล่ะ ?"...

คำถามนี้เป็นคำถามที่ดี แต่เขาคงจะไม่ทราบ หรือลืมไปว่า นอกจากพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาจะทรงรักมนุษย์แล้ว พระเยซูคริสต์ก็ทรงรักมนุษย์ด้วย... ดังนั้นเพราะเหตุความรัก พระองค์จึงยอมที่จะตายบนไม้กางเขนเพื่อรับแบกบาปแทนเรา...

ผู้อ่านที่รัก... ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร?... บาปน้อยบาปมากขนาดไหนก็ตาม... ขอให้ท่านทราบว่า วันคริสตมาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงสำแดงว่าพระองค์ทรงรักท่าน... พระองค์พร้อมที่จะให้อภัยโทษแก่ท่าน ขอเพียงแต่ท่านหันกลับมาหาพระองค์เท่านั้น...

บัดนี้ ท่านได้ทราบถึงความหมายที่แท้จริงของวันคริสตมาส ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตของท่านโดยตรงแล้ว ขออย่าให้คริสตมาสปีนี้ของท่านเหมือนกับคริสตมาสในปีก่อน ๆ ที่ผ่านไปโดยไร้ความหมาย...

ขอให้คริสตมาสปีนี้เป็นปีที่ท่านจะได้รับคำตอบของชีวิต ได้รับการอภัยโทษความผิดบาปที่ได้กระทำมา ได้รับความอิ่มใจและได้รับความชื่นชมยินดีที่จะติดตัวท่านไปตลอดชีวิต ดังเช่นคนนับหลายล้านคนทั่วโลกที่ได้รับมาแล้ว

อ.นิกร สิทธิจริยาภรณ์

  • ถ้าท่านอ่านแล้ว มีความปรารถนาที่จะเชิญพระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาในชีวิตของท่าน และเป็นพระเจ้าของท่าน กรุณาไปที่หน้า คำอธิษฐาน

  • ถ้าท่านอ่านแล้วสนใจ กรุณาติดต่อคริสตจักรใกล้บ้าน หรือถ้าหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถอีเมลสอบถามได้ที่ ton@followhissteps.com