2. หมวดประวัติศาสตร์
บทนำ
หมวดใหญ่นี้เริ่มจากโยชูวาถึงเอสเธอร์ซึ่งกินเวลาราว 800 ปี (1200-400 กคศ.) บันทึกเหตุการณ์ตั้งแต่อิสราเอลยึดครองคานาอัน ยุคที่ปกครองโดยผู้วินิจฉัยและกษัตริย์ จนถึงสมัยที่ถูกมหาอำนาจจากทิศเหนือเข้าครอบครองและจับไปเป็นเชลย
เอสราและเนหะมีย์บันทึกเรื่องที่เชลยกลับคืนถิ่น ส่วนเอสเธอร์กล่าวถึงหญิงสาวแสนสวยที่ช่วยชาวยิวให้พ้นความพินาศ
ไม่มีหนังสือประวัติศาสตร์เล่มใดจะบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้ และผู้เขียนเล่มนี้มีจุดประสงค์พิเศษในใจคือ ชี้ให้เห็นว่าน้ำพระทัยพระเจ้าสัมฤทธิผลในอิสราเอลอย่างไร พวกเขาจึงบันทึกอย่างซื่อตรงถึงความหายนะเมื่ออิสราเอลจงใจไม่เชื่อฟังและกษัตริย์ที่ "ดี" หรือ "เลว" จะขึ้นอยู่กับว่าพระองค์เชื่อฟังพระเจ้าหรือทำตามอำเภอใจ
1. โยชูวา
กล่าวถึงการยึดคานาอัน ดินแดนที่พระเจ้าสัญญาให้พวกเขา โดยมีโยชูวาเป็นผู้นำ
เนื้อเรื่อง
ภาคที่ 1: การยึดครองคานาอัน (1-12)
- ข้ามแม่น้ำจอร์แดน (1-5)
- เยรีโค (6)
- อัย (7-8)
- การสู้รบทางตอนใต้ (9-10)
- การสู้รบทางตอนเหนือ (11-12)
ภาคที่ 2: แบ่งดินแดนให้ 12 เผ่า (13-21)
ภาคที่ 3: คำสั่งเสียของโยชูวา (22-24)
สถานที่
ที่ราบฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนและคานาอัน
ช่วงเวลา
ประมาณ 1230-1200 กคศ.
เวลาที่เขียน
อาจในสมัยผู้พยากรณ์ซามูเอล
บุคคลสำคัญ
โยชูวา ราหับ และคาเลบ
เหตุการณ์สำคัญ
- ผู้สอดแนมสองคน (2)
- ข้ามแม่น้ำจอร์แดน (3)
- เยรีโคล่ม (6)
ข้อความที่มีชื่อเสียง
"จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด" (โยชูวา 1:5-9)
"ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้าเราจะปรนนิบัติพระเจ้า" (โยชูวา 24:15)
ใจความสำคัญ
แม่ทัพโยชูวายึดคานาอันภายใต้การนำของพระเจ้าผู้รักษาพระสัญญา และโยชูวานำประชากรปฏิญาณต่อพระองค์อีกครั้งหนึ่ง
2. ผู้วินิจฉัย
กล่าวถึงวีรบุรุษในยุคที่ไม่ใส่ใจในกฎบัญญัติหลังยึดคานาอันและก่อนมีกษัตริย์องค์แรก
เนื้อเรื่อง
- วาระสุดท้ายของโยชูวา (1-2)
- เรื่องของผู้วินิจฉัย (2-16)
- สมัยที่ยังไม่มีกษัตริย์ (17-21)
วีรกรรมของบุคคลสำคัญ
- เดโบราห์กับบาราค (4-5)
- กิเดโอนกับชาวมีเดียน (6-8)
- เยฟธาห์กับลูกสาว (10-12)
- แซมสันกับเดลิลาห์ (13-16)
ช่วงเวลา
น้อยกว่า 150 ปี ราว 1200-1070 กคศ.
สถานที่
แผ่นดินอิสราเอล/คานาอัน
บทเรียนสอนใจ
อิสราเอลไม่ทำตามพระบัญชาที่ให้ขับไล่ทุกเผ่าในคานาอันออกไป ผลคืออิสราเอลนมัสการพระอื่น พวกเขาจึงแตกแยก อ่อนแอเป็นเหยื่อศัตรูง่าย แม้จะไม่รักษาสัญญา แต่เมื่อพวกเขากลับมาหาพระองค์ พระองค์ก็ช่วยพวกเขาให้รอดผ่านทางวีรบุรุษ
3. นางรูธ
เนื้อเรื่อง
การกันดารอาหารส่งผลให้ครอบครัวนาโอมีอพยพไปโมอับ แต่สามีกับลูกเสียชีวิตที่นั่น เมื่อนาโอมีกลับเบธเลเฮม รูธถึงกับยอมทิ้งบ้านเมืองมาเป็นเพื่อนแม่สามี แถมยังเก็บเศษข้าวในนายังชีพ และพบโบอาสญาติในตระกูลสามี โบอาสซึ้งใจในความกตัญญูของรูธ จึงขจัดปัดเป่าอุปสรรคต่างๆจนได้แต่งงานกับเธอ รูธหญิงต่างชาติได้เลือกพระเจ้าของนาโอมีมาเป็นพระเจ้าของตน และในที่สุดนางกลายเป็นย่าทวดของกษัตริย์ดาวิด
ช่วงเวลาและสถานการณ์
เกิดขึ้นที่โมอับและเบธเลเฮม ในสมัยผู้วินิจฉัยที่สังคมเต็มไปด้วยความรุนแรง
ใจความสำคัญ
ความรักและความภักดี พระเจ้าจะเลี้ยงดูทุกคนที่มาหาพระองค์ไม่ว่าเชื้อชาติไหน
4. 1 และ 2 ซามูเอล
เป็นประวัติศาสตร์อิสราเอลตั้งแต่ผู้วินิจฉัยคนสุดท้ายจนถึงปีสุดท้ายของกษัตริย์ดาวิด
เนื้อเรื่อง
- พระเจ้าเลือกซามูเอลเป็นผู้นำอิสราเอล (1 ซามูเอล 1-7)
- ซาอูลกษัตริย์องค์แรกของอิสราเอล (8-10)
- ซาอูล: การไม่เชื่อฟังและถูกปลด (11-15)
- พระเจ้าเลือกสรรดาวิด (16)
- ดาวิดสู้กับโกลิอัท (17)
- ซาอูลอิจฉา: ดาวิดหลบหนี (18-30)
- ซาอูลกับโยนาธานเสียชีวิต (31; 2 ซามูเอล 1)
- ดาวิดขึ้นครองยูดาห์ (2-4)
- ดาวิดครองอิสราเอล และพระสัญญา (5-7)
- สงครามสมัยดาวิด (8-10)
- ดาวิดกับบัทเชบา: พระเจ้าลงโทษ (11-12)
- ปัญหาในราชวงศ์: อับซาโลมกบฏ (13-20)
- ปลายรัชสมัยดาวิด (21-24)
สถานการณ์และช่วงเวลา
กษัตริย์ดาวิดสู้รบตลอดชีวิตเพื่อขยายอาณาเขตและนำสันติภาพมา กินเวลาประมาณ 100 ปี ราว 1075-975 กคศ.
เวลาที่เขียน
หลังจากอิสราเอลแบ่งเป็นสองอาณาจักรโดยอาจใช้ข้อมูลของซามูเอลและผู้พยากรณ์คนถัดมา และยังอ้างอิงจากสดุดีบางบท
บุคคลและเหตุการณ์สำคัญ
- ฮันนาห์-ซามูเอลเกิด (1 ซามูเอล 1)
- เอลี-พระดำรัสที่มาถึงซามูเอล (3)
- หีบพันธสัญญาถูกศัตรูยึดไปและส่งคืน (4-6)
- ซามูเอลเจิมดาวิดเป็นกษัตริย์ (16)
- ดาวิดกับโกลิอัท (17)
- ดาวิดกับโยนาธาน (18-20)
- ให้ราชวงศ์ดาวิดดำรงเป็นนิตย์ (2 ซามูเอล 7)
- ดาวิดกับบัทเชบา (11)
ข้อความที่มีชื่อเสียง
- คำอธิษฐานของฮันนาห์ (1 ซามูเอล 2)
- ดาวิดคร่ำครวญถึงโยนาธาน (2 ซามูเอล 1)
- แกะของคนจน (2 ซามูเอล 12)
บทเรียนสอนใจ
อิสราเองไม่ควรมีกษัตริย์นอกจากพระเจ้า ซามูเอลจึงยับยั้งคนอิสราเอลในเรื่องนี้ แต่กระนั้นพระเจ้ายังประทานกษัตริย์ให้ตามที่ประชาชนขอ แม้ทรงรู้ว่าจะมีปัญหาตามมา
ซาอูลเริ่มต้นด้วยดี แต่ความหยิ่งยโสชักนำให้กบฏต่อพระเจ้าจนถูกปลดออก
ดาวิดเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ความไว้วางใจในพระเจ้าไม่เคยทำให้ดาวิดผิดหวัง แม้บางครั้งจะผิดพลาด แต่ดาวิดพร้อมจะขออภัยโทษจากพระเจ้าเสมอ
จุดใหญ่คือพระเจ้าสัญญาว่าราชวงศ์ดาวิดจะคงอยู่เป็นนิตย์ พระสัญญานี้สำเร็จในชีวิตพระเยซูซึ่งเป็นพงศ์พันธุ์ดาวิด
5. 1 และ 2 พงศ์กษัตริย์
บันทึกประวัติศาสตร์อิสราเอลตั้งแต่ดาวิดสิ้นพระชนม์ การแบ่งแยกอาณาจักร จนถึงบาบิโลนเผาผลาญเยรูซาเล็มและพระวิหาร
เนื้อเรื่อง
ภาคที่ 1: รัชสมัยซาโลมอน (1 พงศ์กษัตริย์ 1-2)
ภาคที่ 2: การปกครองของซาโลมอน (3-11)
- ซาโลมอนผู้หลักแหลม (3-4)
- สร้างและถวายพระวิหาร (5-8)
- พระสัญญาของพระเจ้า การค้าและการก่อสร้างของซาโลมอน (9)
- ราชินีเชบามาเยือน (10)
- ความล้มเหลวของซาโลมอน (11)
ภาคที่ 3: แบ่งอาณาจักร (12-2 พงศ์กษัตริย์ 17)
- เผ่าเหนือกบฏ (12-14)
- กษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล (14-16)
- เอลียาห์ประลองกับบาอัล (17-19)
- อาหับแห่งอิสราเอล (20-22)
- เยโฮชาฟัทและอาหัสยาห์ (22-2 พงศ์กษัตริย์ 1)
- เอลีชาผู้พยากรณ์คนใหม่ของพระเจ้า (2-8)
- กษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์ (8-16)
- อัสซีเรียตีสะมาเรียแห่งอิสราเอลแตก (17)
ภาคที่ 4: อาณาจักรยูดาห์ (18-25)
- อัสซีเรียข่มขู่เฮเซคียาห์ (18-20)
- มนัสเสห์และอาโมนแห่งยูดาห์ (21)
- โยสิยาห์ทรงปฏิรูป (22-23)
- กษัตริย์องค์ท้ายๆ แห่งยูดาห์ (24)
- บาบิโลนตีเยรูซาเล็มและเผาพระวิหาร (25)
สถานการณ์และช่วงเวลา
รัชสมัยซาโลมอน (ราว 970-930 กคศ.) เป็นยุคทองแห่งอิสราเอล เหตุการณ์ในอาณาจักรอิสราเอลและยูดาห์ต่อจากนั้นเกิดขึ้นขณะอัสซีเรียเรืองอำนาจ ตามด้วยบาบิโลน กินเวลาประมาณ 400 ปี ราว 975-586 กคศ. สะมาเรียแตกใน 722 กคศ. ส่วนเยรูซาเล็มแตกใน 586 กคศ.
พงศวดารบันทึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับพงศ์กษัตริย์ ทั้งอาโมส โฮเชยา อิสยาห์ มีคาห์ นาฮูม ฮาบากุก เศฟันยาห์และเยเรมีย์ล้วนอยู่ในช่วงเวลานี้
เวลาที่เขียน
เรียบเรียงขึ้นครั้งสุดท้ายในสมัยที่ชาวยิวตกเป็นเชลย ราว 550 กคศ. โดยใช้แหล่งข้อมูลเก่าแก่คือ จดหมายเหตุทางราชการและพระราชวัง และเรื่องของผู้พยากรณ์
บุคคลและเหตุการณ์สำคัญ
- การวินิจฉัยของซาโลมอน (1 พงศ์กษัตริย์ 3)
- สร้างพระวิหาร (6)
- ซาโลมอนกับราชินีเชบา (10)
- เอลียาห์กับแม่หม้ายแห่งศาเรฟัท (17)
- เอลียาห์กับผู้พยากรณ์ของบาอัล (18)
- เอลียาห์กับพระสุรเสียงแผ่วเบา (19)
- สวนองุ่นของนาโบท (21)
- เอลียาห์กับรถม้าเพลิง (2 พงศ์กษัตริย์ 2)
- เอลีชากับหญิงชาวชูเนม (4)
- นาอามานหายโรค (5)
- สะมาเรียถูกล้อม (6)
- ราชินีเยเซเบลพินาศ (9)
- ราชินีอาธาลิยาห์ฆ่าล้างราชวงศ์ (11)
- สะมาเรียแตก (17)
- อัสซีเรียล้อมกรุงเยรูซาเล็ม (18)
- โยสิยาห์ทรงพบพระบัญญัติ (22)
- เยรูซาเล็มแตก พระวิหารถูกทำลาย (25)
ข้อความที่มีชื่อเสียง
- ซาโลมอนอธิษฐานขอสติปัญญา (1 พงศ์กษัตริย์ 3)
- คำอธิษฐานถวายพระวิหาร (1 พงศ์กษัตริย์ 8)
บทเรียนสอนใจ
กษัตริย์ทุกองค์ในสองเล่มนี้ถูกประเมินชีวิตตามความสัตย์ซื่อและจงรักภักดีต่อพระเจ้า เมื่อกษัตริย์และประชาชนตั้งใจเชื่อฟังและให้เกียรติพระเจ้า ทุกอย่างจะดำเนินด้วยดี แต่เมื่อจงใจไม่เชื่อฟัง ความหายนะจะตามมาแม้พระเจ้าไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นก็ตาม พระองค์ประสงค์ให้อิสราเอลเชื่อฟังด้วยความเต็มใจเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง พระองค์เตือนถึงภาวะวิกฤตโดยส่งเอลียาห์และเอลีชามาในฐานะโฆษกของพระองค์ แต่ประชาชนทำเฉย ความหายนะจึงมาถึงสะมาเรียแตก เยรูซาเล็มตกอยู่ในมือศัตรู อาณาจักรเหนือถูกลบจากประวัติศาสตร์ ส่วนยูดาห์ก็ถูกเนรเทศไปยังประเทศอื่น
6. 1 และ 2 พงศาวดาร
กล่าวถึงเหตุการณ์เดียวกับใน 2 ซามูเอลและพงศ์กษัตริย์ แต่เนื่องจากสองเล่มนี้เขียนขึ้นเพื่อให้เชลยยิวที่กลับจากบาบิโลนอ่าน จึงมุ่งเน้นที่ยูดาห์อาณาจักรใต้
เนื้อเรื่อง
ภาคที่ 1: ลำดับพงศ์ตั้งแต่อาดัมจนถึงเชลยยิวกับจากบาบิโลน (1 พงศาวดาร 1-9)
ภาคที่ 2: รัชสมัยดาวิด (10-29)
- ซาอูลสิ้นพระชนม์ (10)
- ดาวิดขึ้นครองราชย์ (11-21)
- ดาวิดเตรียมวัสดุสำหรับพระวิหาร (22-29)
ภาคที่ 3: รัชกาลซาโลมอน (2 พงศาวดาร 1-9)
- แหล่งปัญญา-ความมั่งคั่งของซาโลมอน (1)
- ก่อสร้างและถวายพระวิหาร (2-7)
- กิตติศัพท์ของซาโลมอน (8-9)
ภาคที่ 4: กษัตริย์แห่งยูดาห์ (10-36)
- เผ่าเหนือกบฏในสมัยเรโหโบอัม (10)
- ตั้งแต่เรโหโบอัมจนถึงอาสา (11-16)
- เยโฮซาฟัททรงปฏิรูป (17-20)
- ตั้งแต่เยโฮซารัมถึงอาหัส (21-28)
- เฮเซคียาห์ทรงปฏิรูป (29-32)
- มนัสเสห์และอาโมน (33)
- โยสิยาห์ทรงปฏิรูป (34-35)
- จุดจบกษัตริย์ยูดาห์และเยรูซาเล็มแตก (36)
ช่วงเวลา
บันทึกประวัติศาสตร์อิสราเอลตั้งแต่ซาอูลสิ้นพระชนม์ถึงเชลยยิวกลับจากบาบิโลนสู่ถิ่นฐานเดิมราว 1000 กคศ. จนกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตีเยรูซาเล็มแตกใน 587/6
เวลาที่เขียน
หลังจากเชลยยิวกลับยูดาห์ราว 400 กคศ.
เหตุการณ์สำคัญ
- นำหีบพันธสัญญากลับ (1 พงศาวดาร 15-16)
- ซาโลมอนถวายพระวิหาร (2 พงศาวดาร 5-7)
- เฮเซคียาห์ถวายพระวิหารอีกครั้ง (29)
ข้อความที่มีชื่อเสียง
- เพลงสรรเสริญของดาวิด (1 พงศาวดาร 16)
- คำสรรเสริญพระเจ้า-สั่งเสียซาโลมอน (29)
- คำอธิษฐานถวายพระวิหาร (2 พงศาวดาร 6-7)
- พระเจ้าสัญญากับซาโลมอนถึงอนาคต (7)
บทเรียนสอนใจ
มุ่งให้ชาวยิวที่เพิ่งกลับเยรูซาเล็มเข้าใจว่าพวกเขายังเป็นประชากรพิเศษของพระเจ้าผู้ทรงอวยพระพรยุคต้นของอาณาจักร คือในสมัยดาวิดและซาโลมอน และกำหนดการนมัสการและรายละเอียดเกี่ยวกับระบบการถวายเครื่องบูชา ปุโรหิต คนเลวี และคณะนักร้องในพระวิหาร แต่กษัตริย์หลายองค์มิได้เชื่อฟัง กลับทำลายระบบเหล่านั้นอันส่งผลให้เยรูซาเล็มแตก พระวิหารถูกเผาผลาญและชาวยิวตกเป็นเชลย แต่พระสัญญาที่พระเจ้ามีต่ออิสราเอลยังมั่นคงอยู่และนี่เป็นเวลาที่จะกอบกู้ประเทศขึ้นใหม่ การฟื้นฟูการนมัสการในรัชสมัยเยโฮชาฟัท เฮเซคียาห์และโยสิยาห์ หนุนใจให้เชลยยิวฟื้นฟูความเชื่อ (ข่าวสารนี้เหมือนคำสอนของผู้พยากรณ์ฮักกัยกับเศคาริยาห์)
7. เอสรา
กล่าวถึงเชลยยิวสองกลุ่มหวนคืนถิ่นเดิมจากบาบิโลน บูรณะพระวิหาร และเริ่มรักษาพระบัญญัติภายใต้การนำของเอสรา
เนื้อเรื่อง
ภาคที่ 1: กลุ่มแรกที่กลับเยรูซาเล็ม (1-2)
ภาคที่ 2: สร้างพระวิหารขึ้นใหม่ (3-6)
- เริ่มสร้างพระวิหารอย่างชื่นชมยินดี (3)
- ถูกต่อต้านแต่ได้รับความอุปถัมภ์จากพระราชาเปอร์เซีย (4)
- เริ่มสร้างพระวิหารอีกครั้ง (5:1-6:12)
- ถวายพระวิหาร-ฉลองปัสกา (6:13-22)
ภาคที่ 3: กลุ่มที่สองกลับเยรูซาเล็ม (7-10)
- รายชื่อ-การเดินทางของคนที่กลับมา (7-8)
- ปัญหาการแต่งงานกับชาวต่างชาติ (9-10)
ช่วงเวลาและสถานการณ์
การคืนถิ่นของเชลยยิวมิได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว แต่มากันหลายระลอกในระยะกว่าร้อยปี ในรัชสมัยพระราชาเปอร์เซียหลายพระองค์ตั้งแต่ราว 538 ถึง 428 กคศ. แต่เมื่อถึงถิ่นเดิมพบว่าชาวยิวในเยรูซาเล็มที่ไม่ได้ถูกจับไปบาบิโลนได้ผสมปนเปกับต่างชาติแถมยังต่อต้านพวกเขา เยรูซาเล็มและพระวิหารอยู่ในสภาพปรักหักพัง และชนชาติยิวไม่มีการพัฒนาใดๆเลย
เวลาที่เขียน
อาจเขียนขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อจากพงศาวดาร ราว 400 กคศ.
บุคคลสำคัญ
เอสรา ผู้เป็นปุโรหิตจากเชื้อสายอาโรนเชี่ยวชาญในพระบัญญัติ
เศรุบบาเบลผู้นำเชลยกลุ่มแรกที่กลับคืนถิ่นเป็นหลานของกษัตริย์เยโฮยาคีนผู้ถูกจับไปเป็นเชลยที่บาบิโลน
พระราชาไซรัสแห่งเปอร์เซียผู้โค่นล้มบาบิโลนออกกฤษฎีกาให้เชลยทั้งหมดรวมทั้งยิวกลับถิ่นฐานเดิม อิสยาห์พยากรณ์ไว้แล้วว่าการกระทำของพระราชาที่ไม่เชื่อในพระเจ้าผู้นี้ เป็นพระราชกิจของพระเจ้า
เหตุการณ์สำคัญ
- ไซรัสให้เชลยกลับคืนถิ่นฐานเดิม (1)
- ฉลองปัสกาครั้งแรกที่พระวิหารหลังใหม่ (6)
- เอสรากลับเยรูซาเล็มพร้อมกับลูกหลานของเจ้าหน้าที่พระวิหาร (7-8)
บทเรียนสอนใจ
ผู้เขียนอาจเขียนด้วยความเชื่อมั่นว่าชาวยิวยังคงเป็นประชากรพิเศษของพระเจ้าแม้ว่าพระองค์เนรเทศให้เป็นเชลยและยกเลิกระบบกษัตริย์ก็ตาม จากเล่มนี้เห็นชัดว่าความเชื่อนี้กลายเป็นความจริง เพราะเฉลยที่กลับคืนถิ่นได้บูรณะพระวิหารขึ้นใหม่และยอมรับนับถือพระเจ้าอีกครั้ง พวกเขาจะถือรักษาพระบัญญัติทุกข้ออย่างครบถ้วนและเป็นชนชาติที่แยกออกจากชาติอื่น
8. เนหะมีย์
เรื่องของเนหะมีย์เชลยยิวผู้นำเชลยกลุ่มที่สามกลับเยรูซาเล็ม เขาได้เป็นผู้ว่าราชการยูดาห์และเร่งเร้าให้ชาวยิวบูรณะกำแพงเมือง การปฏิรูปทางศาสนาของเขาคาบเกี่ยวกับงานของเอสรา
เนื้อเรื่อง
ภาคที่ 1: เนหะมีย์บูรณะกำแพงเมือง (1-7)
- เนหะมีย์อธิษฐานเพื่อเยรูซาเล็ม (1)
- เนหะมีย์กลับสู่บ้านเดิม (2)
- บูรณะกำแพงขณะถูกต่อต้าน (3:1-7:3)
- รายชื่อเชลยที่กลับคืนถิ่น (7:4-73)
ภาคที่ 2: พระบัญญัติ การสารภาพบาปและปฏิญาณใหม่ (8-10)
- อ่านพระบัญญัติและสารภาพบาป (8)
- เอสราอธิษฐาน (9:1-37)
- สัญญาจะทำตามพระบัญญัติ (9:38-10:39)
ภาค 3: ประชาชนและผู้ว่าที่ปฏิรูป (11-13)
- รายชื่อประชาชน-เจ้าหน้าที่ (11:1-12:26)
- ถวายกำแพงใหม่ (12:27-43)
- เนหะมีย์ปฏิรูป (12:44-13:31)
ช่วงเวลาและสถานการณ์
เนหะมีย์กลับเยรูซาเล็มในปี 445 กคศ. และเป็นผู้ว่า 12 ปีจนถึง 433 กคศ. เขาผละจากตำแหน่งในพระราชวังเปอร์เซียที่รุ่งเรืองและแสนสบายเพื่อไปยังเมืองที่เริ่มบูรณะแต่ยังอยู่ในสภาพย่ำแย่ ผู้พยากรณ์มาลาคีอาจทำงานในช่วงนี้
เวลาที่เขียน
เล่มนี้เกี่ยวข้องกับพงศาวดารและเอสราอย่างใกล้ชิด อาจเขียนขึ้นราว 400 กคศ. ข้อมูลหลักอาจได้จากการบันทึกของเนหะมีย์
เหตุการณ์สำคัญ
- เนหะมียกลับเยรูซาเล็ม (2)
- กำแพงบูรณะเสร็จ (6)
ข้อความที่มีชื่อเสียง
คำอธิษฐานสารภาพบาปของประชาชน (9)
บทเรียนสอนใจ
เนหะมีย์นักปฏิบัติได้ชูใจชาวยิวที่หดหู่ด้วยการก้าวเข้ามาเป็นผู้นำทั้งด้านจิตใจและการกระทำ จนงานที่ยากลำบากลุล่วงไปได้ท่ามกลางการต่อต้านอันรุนแรง เขายังเป็นนักอธิษฐานที่พึ่งพิงพระเจ้าสุดใจและมีประสิทธิภาพสูง ชาวยิวได้ฟื้นฟูชีวิตด้านศาสนาภายใต้การนำอันเก่งกาจของเขาและเอสรา
9. เอสเธอร์
สาวยิวผู้เลอโฉมขึ้นเป็นราชินีของพระราชาอาหสุเอรัสแห่งเปอร์เซีย เธอใช้ไหวพริบคว่ำอุบายที่จะกวาดล้างยิวในอาณาจักรเปอร์เซียได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือของโมรเดคัย ในที่สุดฮามานคนต้นคิดอุบายนั้นถูกประหารชีวิต และโมรเดคัยได้เลื่อนยศ
สถานที่
เกิดขึ้นที่สุสาเมืองหลวงฤดูหนาวแห่งอาณาจักรเปอร์เซีย ในสมัยที่เชลยยิวส่วนใหญ่กลับไปเยรูซาเล็มแล้ว แต่บางคนยังอยู่ที่เปอร์เซียซึ่งเป็นอาณาจักรที่โค่นล้มบาบิโลน
ใจความสำคัญ
เล่มนี้ไม่ได้เอ่ยถึงพระเจ้าและไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาเท่าไร แต่เป็นตัวอย่างชี้ให้เห็นว่าชาวยิวรอดพ้นจากมหันตภัยมาได้อย่างไร ปัจจุบันชาวยิวยังอ่านเล่มนี้ในเทศกาลปูริม
เขียนโดย คุณโปรดปราน